พระราชปุจฉาที่ 3
ว่าด้วยชาวอุดรกุรูมิได้เป็นทุกข์
เมื่อปี พ.ศ. 2225 มีพระราชโองการตรัสถามว่า ในสารสงเคราะห์ว่าชาวอุดรกุรู
มิได้เป็นทุกข์ถึงกัน แลว่านี้ผิดปรมัตถ์ เพราะว่าโลกีย์จะว่ามิเปนทุกข์กระไรได้
แก้พระราชปุจฉาที่ 3 (ความย่อ)
พระราชปุจฉาที่ 4
ว่าด้วยเรื่องคนเชื่อกรรม
มีพระราชโองการสั่งให้พระศรีศักดิ์ ถามพระสงฆ์ทั้งปวงว่า มีคนผู้หนึ่งเข้าไปป่า แลพบช้างก็ดี เสือก็ดี แลผู้นั้นก็ถือว่าแล้วแต่กรรม ถ้ากรรมมีช้างแลเสือก็จะทำร้าย ถ้าหากรรมมิได้ ช้างแลเสือก็จะมิได้ทำร้าย แลผู้นั้นก็เข้าไปหาช้างแลเสือ ช้างแลเสือก็เบียดเบียฬผู้นั้นถึงสิ้นชีวิต เมื่อกระนั้นจะว่ากรรมมี ฤาหากรรมมิได้
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ขอถวายพระพร ฯ ว่าบุคคลใด แลถือว่าแล้วแต่กรรมกระทำแต่ก่อนสิ่งเดียวนั้น แลหาวิจารณปัญญา อันพิจารณาเห็นคุณแลโทษในชาตินี้มิได้ แลผู้นั้นชื่อว่าบุพเพกตทิฏฐิอันวิปลาศ ดุจพระธรรมเทศนาอันสงฆ์ได้ถวายแล้วนั้น ประการหนึ่ง อาตมภาพได้ถวายพระพรตามพระคาถาว่า
"นาติสูโร นาติทุมฺ เมโธ อปฺมตฺโต กุทาจนํ " ว่าบุคคลอันเกิดในโลกนี้จะแกล้วหาญอย่าแกล้วหาญนัก จะขลาดอย่าขลาดนัก แลอย่าได้ประมาท แลมีสติอันระวังฐานะอันควรแกล้วหาญจึงแกล้วหาญ ฐานะอันจะควรขลาดจึงขลาด แกล้วหาญในฐานะที่มิควรจะแกล้วหาญนั้น นักปราชญ์มิควรสรรเสริญ อาตมภาพถวายพระพรนี้ อาศรัยคำพระมหาชนกเจรจาด้วยนางมณีเมขลาในท้องมหาสมุทร ว่าบุคคลผู้ใดเห็นพาลมฤคราช มีอาทิคือช้าง แลเสืออันร้ายแรงแลมิได้หนี แลอยู่ให้พาลมฤคนั้นเบียดเบียนนั้น แลผู้นั้นชื่อว่าหาความเพียรอันจะให้อาตมานั้นพ้นจากไภยนั้นมิได้ ชื่อว่าได้รักษาชีวิตแห่งอาตมา แลบุคคลผู้นั้นจะประกอบด้วยความเดือดร้อนในกาลภายหลัง อาตมภาพขอถวายพระพรฯ
พระบรมไตรโลก ถวายพระพรว่า บุคคลอันถือเอาซึ่งกรรมนั้นแล มิได้พิจารณาซึ่งเหตุอันผิดแลชอบนั้น ได้ชื่อว่าบุพพเหตุกทิฏฐิ เปนคนถือผิดคำพระพุทธเจ้า เปนประโยชน์วิบัติ ประกอบกรรมอันผิด หาปัญญามิได้ เหตุโมหะมีกรรมหลัง ซึ่งกรรมแต่ก่อนหามิได้นั้นก็จะให้มีไปใหม่ ซึ่งกรรมอันใหม่ยังไปมิได้นั้น ก็จะให้มีไปเล่า แลบุคคลผู้นี้ประพฤติผิด พระพุทธเจ้าตรัสธรรมเทศนาไว้แก่ภิกษุทั้งหลาย มิให้ขึ้นต้นไม้เล่น อยู่มามีอันตรายเป็นอาทิ คือว่าเสือช้างไล่ พระพุทธเจ้าตรัสอนุญาตให้ภิกษุขึ้นต้นไม้หนีไภยนั้น ให้เอาชีวิตรอดประการหนึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสห้ามด้วยฐานะใด แลมีสัตว์อันร้ายก็ดี ปีศาจอันร้ายก็ดี มิให้ภิกษุอยู่ในฐานะเช่นนั้น อาตมภาพถวายพระพร ฯ
พระราชปุจฉาที่ 5
ว่าด้วยเรื่องแขกเมือง
เมื่อปี พ.ศ. 2228 พระเจ้าตรัสใช้ให้นายสิทธิมาถามพระพรหมอีกเล่า ว่าบัดนี้แขกเมืองเข้ามาเป็นอันมาก พระพรหมจะเห็นเปนประการใด
พระพรหมว่าบุญสมภารพระเจ้ามากนัก แขกเมืองจึงเข้ามาดังนี้ แต่อายุกูนี้ได้สามพระยาแล้ว กูบ่ห่อนได้ยินว่า แขกเมืองเข้ามาเปนอันมากดังนี้ แลซึ่งแขกเมืองเข้ามาดังนี้ ด้วยเดชะโพธิสมภารพระเจ้าแล
นายสิทธิ์จึงบอกเล่าว่า บัดนี้แขกเมืองให้กราบทูลว่า แขกเมืองจะเข้ามาอิกมากกว่านี้เล่า แลพระเจ้าให้มาถามว่า ซึ่งแขกเมืองจะเข้ามาอิกมากกว่านี้นั้น ยังจะเปนประการใด พระพรหมว่า แขกเมืองจะเข้ามาอิกนั้น ย่อมทราบอยู่ในพระไทยพระเจ้าทุกประการ แลกูมิว่าเลย แลกฎหมายเอาคำกูนี้ไปทูลให้พระเจ้าทราบเถิด
นายสิทธิ์กฎหมายเอาคำพระพรหมมากราบทูล พระเจ้าทรงพระสรวล แล้วตรัสว่า มหาพรหมนี้เจรจาหลักแหลมแลรู้หลักด้วย เสียดายเธอแก่นักแล้ว แม้นยังหนุ่มเราได้ไต่ถามกิจการทั้งปวง ไปภายน่า ฯ