หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    ประชุมพงศาวดาร 2
    ตำนานพระแก้วมรกต

     

                ยังมีพระอรหันต์เจ้าองค์หนึ่งทรงนามว่า พระมหานาคเสน อันจบด้วยพระไตรปิฎก และมีปัญญาฉลาดลึกล้ำ  รู้โวทนาแก้ปริศนาปัญหาทั้งปวง เป็นอาจารย์พระยามิลินทราช อยู่ที่ วัดอโสการาม ใน เมืองปาตลีบุตร เมื่อพระพุทธศาสนาล่วงได้ ห้าร้อย พระวัสสา
                พระมหานาคเสนพิจารณาเห็นว่า เราควรจะสร้างพระพุทธรูปเจ้าไว้ให้เป็นที่นมัสการแก่มนุษย์ และเทพ แต่จะสร้างด้วยเงินหรือทองคำให้มั่นคงถึงห้าพันพระวัสสานั้นหาได้ไม่ ควรจะสร้างพระพุทธรูปด้วยแก้วลูกประเสริฐ
                สมเด็จพระอมรินทราธิราช คิดเห็นอัธยาศรัยแห่งพระมหานาคเสน จึงเสด็จมาพร้อมด้วยพระวิศณุกรรม เข้าไปไหว้พระมหานาคเสนแล้วว่า พระองค์จะช่วยสงเคราะห์ให้สมความปรารถนา โดยจะไปเอาแก้วอันมีในเขาเวมุลบรรพตมาถวาย แล้วพระองค์กัยพระวิศณุกรรมก็ไปที่เขาเวมุลบรรพต เห็นคนธรรพ์และกุมภัณฑ์ทั้งปวง จึงได้ตรัสแก่เขาเหล่านั้นว่าจะมาขอเอาแก้วลูกประเสริฐไปถวายพระนาคเสนเจ้าเพื่อสร้าง แปลงเป็นพระพุทธรูป พวกเขาเหล่านั้นจึงกราบทูลว่า แก้วลูกประเสริฐที่พวกเขารักษาไว้นี้เป็นแก้วมณีโชติ อันเป็นของพระบรมจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า ถ้าถวายแก้วนี้ไป ครั้นพระบรมจักรพรรดิราชาธิราชเจ้ามาเกิด พวกตนก็จะหาแก้วลูกประเสริฐมาถวายท่านมิได้ แต่ว่าพวกตนจะถวายแก้วมรกตลูกหนึ่ง มีรัศมีอันเขียวงามบริสุทธิ์แก่พระองค์
                เมื่อพระองค์ได้แก้วมรกตมาแล้ว จึงนำไปถวายแก่พระมหานาคเสนเจ้า พระมหานาคเสนมาคำนึงในใจว่า เราจะได้ผู้ใดมาสร้างแปลงยังพระพุทธรูปเจ้าด้วยแก้วมรกตลูกนี้ พระวิศณุกรรมรู้อัธยาศรัยแห่งพระมหานาคเสนเจ้าแล้วจึง จำแลงแปลงกายเป็นมนุษย์ อาสาทำงานนี้ พระมหานาคเสนเจ้าก็ยินดีให้ทำ พระวิศณุกรรมจำแลงก็สร้างแปลงพระพุทธรูป ด้วยแก้วมรกตลูกนั้นอยู่เจ็ดวันก็สำเร็จการ แล้วจึงนิมิตเป็นมหาวิหารอันใหญ่ ประดับด้วยเครื่องประดับทั้งปวง มีแก้วเป็นประธาน ตั้งอยู่ในอโสการามนั้น ตั้งพระแก้วเหนือแท่นรัตนบัลลังก์กาญจน์ในท่ามกลางพระมหาวิหาร
                พระมหานาคเสนเจ้าจึงนำพระบรมธาตุเจ้าเจ็ดพระองค์อันงามบริสุทธิ มีฉัพพรรณรังษีต่าง ๆ กัน ท่านจึงตั้งไว้ยังพานเงินเจ็ดพานซ้อนกัน ตั้งไว้ยังสุวรรณพานทองเจ็ดพานซ้อนกัน ตั้งยังพานแก้วเจ็ดพานซ้อนกันบนพานเงินพานทองนั้น แล้วจึงเชิญพระบรมธาตุเจ้าเจ็ดพระองค์นั้นใส่ลงในผอบแก้วลูกหนึ่ง อันวิจิตรงามมาก ยกผอบแก้วขึ้นประดิษฐานไว้บนพานเงินพานทอง พานแก้วนั้น พระบรมธาตุเจ้าเจ็ดพระองค์นั้นก็กระทำปาฏิหาริย์ เปล่งรัศมีหกประการ ให้รุ่งเรืองสว่างไปทั่วทิศทั้งสี่ ทิศทั้งแปด ก็ให้รุ่งขึ้นทั่วพื้นอากาศเวหาทั้งมวล
                พระมหานาคเสนจึงตั้งสัตยาธิษฐานขออาราธนาเชิญพระบรมธาตุเจ้าเจ็ดพระองค์นั้น ให้เสด็จเข้าไปในพระองค์พระแก้วเจ้านั้น พระบรมธาตุพระองค์หนึ่งเสด็จเข้าในพระโมฬี พระองค์หนึ่งเสด็จเข้าพระพักตร์ พระองค์หนึ่งเสด็จเข้าในพระหัตถ์กำขวา พระองค์หนึ่งเสด็จเข้าในพระหัตถ์กำซ้าย พระองค์หนึ่งเสด็จเข้าในเข่าข้างขวา พระองค์หนึ่งเสด็จเข้าในเข่าข้างซ้าย พระองค์หนึ่งเสด็จเข้าในพระชงฆ์แห่งพระแก้วเจ้า
                พระมหานาคเสนจึงเล็งอรหัตมรรคญาณไปแต่ข้างหน้านั้น จึงเห็นว่าพระแก้วนี้จะไม่ได้อยู่ในเมืองปาตลีบุตร ท่านจึงทำนายไว้ว่า พระแก้วเจ้าของเราองค์นี้ ท่านยังจะเสด็จไปโปรดสัตว์ในประเทศห้าแห่งคือ ลังกาทวีปเป็นกำโพชวิสัยแห่งหนึ่ง ศรีอยุธยาวิสัยแห่งหนึ่ง โยนกวิสัยแห่งหนึ่ง สุวรรณภูมิวิสัยแห่งหนึ่ง ปมหลวิสัยแห่งหนึ่ง
                ต่อมา ชาวเมืองปาตลีบุตร พร้อมใจกันปฏิบัติรักษาบูชาพระแก้วสืบมานานได้สามร้อยปี มาถึงพระเจ้าตะละกะได้ครองราชย์ในเมืองปาตลีบุตร มีราชโอรสนามเจ้าศิริกิตติกุมาร ได้ครองราชย์ต่อจากพระราชบิดา แต่นั้นเกิดศึกสงครามในเมืองปาตลีบุตร คนทั้งปวงเห็นเหตุจะไม่ดีกลัวพระแก้วจะเสียหาย จึงเชิญเอาพระแก้วขึ้นสู่สำเภา พร้อมกับพระปิฎกธรรม พาหนีไปสู่ กัมโพชวิสัยคือ ลังกาทวีป พระแก้วอยู่ที่ลังกาได้สองร้อยปี พระพุทธศักราชได้หนึ่งพันวัสสา
                ครั้งนั้น กษัตริย์องค์หนึ่งพระนามพระเจ้าอนุรุธราชาธิราช ครองราชย์ที่เมืองพุกาม ท่านปฏิบัติรักษาคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสงฆเจ้าเป็นนิจ มีพระภิกษุเจ้าองค์หนึ่งนามว่าสีลขันธ์ มีปัญญาฉลาดนัก ต่อมาได้เดินทางไปสู่เมืองลังกาทวีปกับพระภิกษุแปดรูป พร้อมทั้งพระเจ้าอนิรุธราชาธิราช พระองค์ได้ขอเอาพระแก้วมรกตจากเจ้าพระนครลังกา ซึ่งเป็นพระสหาย ตอนเดินทางกลับสำเภาลำที่ใส่พระปิฎกธรรมของชาวลังกาไปถึงเมืองพุกามโดยสวัสดี แต่สำเภาลำใส่พระแก้วกับพระปิฎกธรรม อันชาวเมืองพุกามเขียนเองนั้น พลัดไปถึง เมืองอินทปัตมหานคร
                พระเจ้าอินทปัตมหานครได้พระแก้วมรกตแล้วก็ได้ทำการฉลองบูชาพระแก้วเป็นอันมาก แต่นั้นพระพุทธศาสนาก็รุ่งเรืองงามไปทั่วสกลชมพูทวีป ด้วยอานุภาพแห่งพระแก้วเจ้านั้น พระแก้วเจ้าตั้งอยู่ในเมืองอินทปัตมหานครนั้นได้หลายชั่วกษัตริย์ ต่อมาถึงกษัตริย์องค์หนึ่งพระนามพระเจ้าเสนกราช ต่อมาพระองค์ได้ประพฤติไม่ชอบธรรม ให้ฆ่าบุตรของปุโรหิตผู้หนึ่งโดยผูกไปให้จมน้ำในสระแห่งหนึ่ง พระยานาคที่อาศัยอยู่ในสระนั้นเห็นเข้าก็โกรธจึงทำให้น้ำท่วมเมืองอินทปัต ผู้คนจมน้ำตายเป็นอันมาก พระเถรเจ้าองค์หนึ่งได้ยกเอาพระแก้วเจ้ากับพวกที่อยู่รักษาพระแก้วเจ้าขึ้นเรือสำเภาลำหนึ่ง หนีไปจากเมืองอินทปัตมหานคร ขึ้นไปสู่บ้านแห่งหนึ่งฝ่ายหนเหนือ
                ยังมีกษัตริย์องค์หนึ่ง พระนามพระเจ้าอาทิตยราชได้ครองราชย์ใน กรุงศรีอยุธยา รู้ข่าวว่าเมืองอินทปัตมหานครน้ำท่วม ทรงกลัวว่าพระแก้วเจ้าจะเสียหาย พระองค์จึงเสด็จไปเมืองอินทปัตมหานคร พร้อมด้วยจัตุรงคเสนาเป็นอันมาก ครั้นไปถึงก็ให้สืบสวนได้พระแก้วเจ้าแล้ว ก็นำผู้คนที่สมัครกับพระแก้วเจ้าเป็นอันมาก เสด็จกลับพระนครศรีอยุธยา จัดการฉลองบูชาพระแก้วเจ้าได้เดือนหนึ่ง แล้วเชิญแห่เอาพระแก้วเจ้าขึ้นประดิษฐานไว้ในพระศรีรัตนศาสดาราม ด้วยเดชะอานุภาพพระแก้วเจ้า พระพุทธศาสนาก็รุ่งเรืองงามมากในกรุงเทพมหานครศรีอยุธยา พระแก้วเจ้าตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานครศรีอยุธยามาได้หลายชั้นพระมหากษัตริย์
                อยู่ต่อมาเจ้าพระยากำแพงเพชร ลงมาทูลขอพระแก้วเจ้าขึ้นไปไว้ใน เมืองกำแพงเพชร ต่อมาท่านก็ได้ราชบุตรคนหนึ่ง เมื่อเจริญวัยก็ตั้งให้ไปเป็นเจ้าเมืองละโว้ อยากได้พระแก้วเจ้าไว้บูชา จึงมาสู่เมืองกำแพงเพชรขอพระแก้วเจ้าไปบูชา หลังจากได้นำไปบูชาได้ปีเก้าเดือนก็นำกลับมาส่งคืน
                ยังมีพระยาองค์หนึ่งชื่อพระยาพรหมทัต ครองราชย์ในเมืองเชียงราย เป็นมิตรไมตรีกับพระเจ้ากำแพงเพชร อยากได้พระแก้วมรกตเจ้ามาบูชาในเมืองเชียงราย จึงมาขอจากเจ้าเมืองกำแพงเพชรผู้เป็นพระสหาย แล้วนำไปบูชาที่ เมืองเชียงราย อยู่ต่อมาเจ้าเมืองเชียงใหม่ผู้เป็นอาเกิด อริวิวาทกัน เจ้าเชียงใหม่ยกไปรบกับเมืองเชียงราย เมืองเชียงรายแพ้ ก็ให้เชิญพระแก้วเจ้ามาไว้ที่ เมืองเชียงใหม่ ให้สร้างปราสาทหลังหนึ่งในวังของท่าน แล้วเชิญพระแก้วเจ้าขึ้นประดิษฐานไว้ในปราสาทนั้น ในครั้งนั้นพระพุทธศาสนาก็รุ่งเรืองงามเป็นที่สุด ด้วยเดชานุภาพพระแก้วเจ้านั้น พระแก้วเจ้าอยู่ในเมืองเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.๒๐๐๐
                อยู่ต่อมามีราชโอรสองค์หนึ่ง ของพระเจ้าวิชุนราช ครองราชย์ในเมืองศรีสันาคนหุต พระนามเจ้าโพธิสาร เมื่อเจริญวัยได้สิบห้าปี ก็ได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดา กษัตริย์เมืองเชียงใหม่ได้ยินข่าวว่า พระเจ้าโพธิสารมีศักดานุภาพมาก มีพระราชโอรสสามองค์ พระนามเจ้าไชยเสษฐา เจ้าถินาวะ และเจ้าสีวละวงษา
                ฝ่ายเมืองเชียงใหม่หาตระกูลวงศาเจ้านายที่จะสืบแทนบ้านเมืองต่อไปไม่ได้ จึงพร้อมใจกันให้ราชทูตไปขอเจ้าไชยเสษฐา ให้มาครองราชย์ในเมืองเชียงใหม่ พระเจ้าโพธิสารก็ให้เจ้าไชยเชษฐา ซึ่งมีอายุได้สิบสองปีไปครองราชย์ในเมืองเชียงใหม่ ทรงพระนามว่า พระไชยเสษฐาธิราช ต่อมาได้สามปีพระเจ้าโพธิสารก็ถึงแก่พิราลัยเมื่ออายุได้ สี่สิบสองปี เสนาอำมาตย์ราชบัณฑิตย์ และไพร่พลเมืองทั้งปวง พร้อมกันยกเอาเจ้ากิถนวะ ราชกุมารขึ้นครองราชย์ในเมืองศรีสัตนาคนหุต และยกเอาเจ้าศรีวรวงษาราชกุมารให้ไปเป็นเจ้าเมืองเวียงจันทนบุรี แล้วแต่ทูตไปบอกข่าวพระเจ้าไชยเสษฐาในเมืองเชียงใหม่
                พระเจ้าไชยเสษฐา ฯ รับข่าวสารแล้วมาคิดวิตกว่า เมื่อพระองค์ไปแล้วไม่รู้ว่าจะกลับคืนมาเมืองเชียงใหม่อีกช้านานเท่าใด จึงควรเชิญเอาพระแก้วเจ้าไปด้วย คิดได้ดังนั้นแล้วก็ให้ไปอาราธนาเชิญเอาพระแก้วเจ้า แล้วเสด็จมายังเมืองศรีสัตนาคนหุต เมืองถึงแล้วก็ให้เชิญเอาพระแก้วมรกตขึ้นประดิษฐานไว้ในปราสาทที่พระแซกคำอยู่นั้น แล้วพระองค์ก็ประทับอยู่ในเมืองศรีสัตนาคนหุตนานสามปี
                ฝ่ายทางเมืองเชียงใหม่ รออยู่สามปีเห็นพระเจ้าไชยเสษฐา ฯ ยังไม่กลับมาจึงสืบหาขัติยราชวงษา อันเป็นเนื่องแนวเชื้อสายกษัตริย์มาแต่ก่อน เห็นพระองค์องค์หนึ่งนาม พระเมกุฏิ อันเป็นราชวงษามาแต่ก่อน จึงอาราธนาให้ลาพรตแล้วทำพิธีขัติยราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัติริย์ครองราชย์ในเมืองเชียงใหม่
                ฝ่ายพระเจ้าไชยเสษฐา ฯ ทราบข่าวสารการขึ้นครองราชย์ของพระเมกุฏิก็ทรงกริ้วโกรธนัก จึงได้ยกทัพไปตีเอาเมืองเชียงแสนได้แล้ว ก็จะยกไปตีเมืองเชียงใหม่ต่อไป
                ฝ่ายพระเมกุฏิได้ยินข่าวดังกล่าวก็เกรงกลัว จึงยกเอาเมืองเชียงใหม่ไปถวายแก่เจ้าเมืองอังวะ เจ้าเมืองอังวะจึงยกทัพมาช่วยเมืองเชียงใหม่ เมื่อพระเจ้าไชยเสษฐา ฯ ทราบเรื่องเกรงว่าศึกจะยืดเยื้อเป็นสงครามใหญ่ จึงให้ถอยทัพกลับมาตั้งอยู่ที่เมืองเชียงแสนได้เก้าปี แล้วจึงเลิกทัพกลับลงมาเมืองศรีสัตนาคนหุต เห็นว่าเมืองคับแคบมีภูเขาไฟใหญ่น้อยอยู่มาก ควรไปสร้างแปลงที่อยู่ในที่อันกว้างขวาง พิจารณาดังนั้นแล้วจึงไปเอาพระแก้วเจ้า แล้วพาเอาเสนาบดีไพร่พลทั้งปวงไป เวียงจันทบุรี จัดการสร้างแปลงบ้านเมืองครองราชย์อยู่ ณ ที่นั้น ให้สร้างปราสาทหลังหนึ่งในวังของท่าน ประดับประดาด้วย แก้วและเงินดำเป็นอันงามบริสุทธิ์ แล้วให้เชิญเอาพระแก้วเจ้าและพระแซกดำเจ้า ขึ้นประดิษฐานไว้ในปราสาทหลังนั้น แล้วพระองค์ให้สร้างพระเจดีย์ลูกหนึ่งไว้ฝ่ายตะวันออก ถัดเจดีย์พระเจ้าศรีธรรมาโสกราชที่สร้างไว้แล้ว ให้กระทำพระเจดีย์น้อยสามสิบลูก ให้แวดวงเป็นบริวารทั่วทุกกำทุกพาย แล้วปลงพระนามพระมหาเจดีย์เจ้าว่า พระโลกจุฬามณีศรีเชียงใหม่


    • Update : 16/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch