|
|
นกในประเทศไทย 2
นกกระสานวล
|
เป็นนกยางขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 1 เมตร ปากยาวสีเหลือง ปลายแหลมตรง ตาสีเหลือง กลางกระหม่อมสีขาว ด้านข้างสีดำ ข้างกระหม่อมมีเปีย 2-3 เส้น ห้อยไปที่ท้ายทอย ที่ฐานคอมีพู่ขนสีขาวห้อยอยู่ ท้อง โคนขา หัว ปีกและก้น สีขาว ท้องส่วนที่ติดกับโคนขาด้านใน และหัวไหล่สีดำ ปีกและหางสีเทา มักจับคู่และอยู่รวมกันเป็นฝูง ทำรังบนต้นไม้หรือกอไม้น้ำ หากินตามชายน้ำ แม่น้ำ ลำคลอง ในฤดูผสมพันธุ์ตัวผู้จะบินนำ ไปยังถิ่นที่เคยผสมพันธุ์ ตัวที่ไปถึงก่อนจะเลือกรังเก่าที่มีอยู่แล้ว ถ้าไม่มีจึงสร้างใหม่ เมื่อได้รังแล้วตัวผู้จะส่งเสียงร้องติดต่อกัน เพื่อเรียกตัวเมีย |
โดยทำอาการย่อขา งอคอ ให้ปากตั้งฉากกับหลัง แล้วค่อย ๆ ยืดคอตั้งตรง พร้อมกับส่งเสียงและขบปากให้กระทบกัน จนตัวเมียได้ยินและบินเข้ามาที่รัง วางไข่ครั้งละ 3-5 ฟอง ทั้งคู่ผลัดกันกกไข่นานประมาณ 30 วัน เมื่อลูกนกอายุประมาณ 21 วัน จะเกิดการแย่งที่อยู่กัน ตัวที่อ่อนแอจะถูกเบียดตกจากรังตาย ดังนั้น ในรังหนึ่ง ๆ จะมีลูกนกเหลือรอดอยู่เพียง 3 ตัว ลูกนกหัดบินเมื่ออายุประมาณ 30 วัน ทิ้งรังเมื่ออายุ 1.5-2 ปี อายุนก 18-24 ปี พบทุกภาค ยกเว้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง
นกกระสาใหญ่
|
เป็นนกยางขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 1.15 เมตร ปากยาวสีเทา ปลายแหลมตรง ใต้จงอยปากล่างสีขาว ตาสีเหลือง บริเวณท้ายทอยมีขนสั้น ๆ สีขาวปนเทาประมาณ 10 เส้น เป็นพู่ชี้ไปข้างหลัง เมื่อตกใจหรือเข้าต่อสู้กัน พู่นี้จะพองขึ้น คอยาวสีน้ำตาล ด้านหน้ามีพู่ขนสีน้ำตาลห้อยระย้าลงมา เกือบถึงอก ลำตัวตอนบนและปีกสีเทาอมน้ำตาล บริเวณหลังมีขนนุ่มบาง สีขาวปกคลุมพลิ้วอยู่บริเวณหลัง ลำตัวตอนล่างสีน้ำตาล ขาสั้น ใหญ่ แข็งแรง สีเทา หางสั้นสีเทา |
นกชนิดนี้อยู่ตามลำพังหรืออยู่เป็นคู่ หากินบริเวณน้ำตื้นตามชายฝั่งทะเลหรือแม่น้ำที่มีพืชน้ำอยู่ เช่น ป่าชายเลน บริเวณปากแม่น้ำ กินปลา สัตว์น้ำขนาดเล็ก กบ เขียด ทั้งคู่ช่วยกันสร้างรัง วางไข่ตรั้งละ 3-5 ฟอง ผลัดกันกกไข่ประมาณ 55 วัน ลูกนกอายุประมาณ 35 วัน จึงเริ่มหัดบิน และจะออกหากินเองได้เมื่ออายุประมาณ 2 เดือน พบตามชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก และภาคใต้ ปัจจุบันมีจำนวนน้อยมาก
นกกวัก
|
เป็นนกขนาดกลาง ตัวป้อม ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ปากเหลือง โคนปากแดง หน้าผาก คอ อก และท้อง สีขาว ด้านบนลำตัวสีดำ ด้านข้างที่โคนขาสีเทา กับสีน้ำตาล ขาและนิ้วยาวสีเหลือง ชอบหากินตัวเดียวตามหนองน้ำที่มีพรรณไม้น้ำลอยอยู่ สามารถวิ่งไปบนไม้น้ำได้อย่างรวดเร็ว มักออกหากินตอนพลบค่ำ หรือเช้าตรู่ ส่งเสียงร้องดังกวัก กวัก ขณะเดินลำตัวจะขนานกับพื้น และจะกระดกหางไปด้วย บินไม่ได้ดี แต่ว่ายน้ำเก่ง ขณะบินขาจะห้อยลง ทำรังในบริเวณพงพืชน้ำที่รกทึบ วางไข่ครั้งละ 4-7 ฟอง ผลัดกันกกไข่ประมาณ 20 วัน พบทั่วทุกภาค |
นกกะปูด
|
เป็นนกขนาดกลาง ลำตัวเพรียว ยาวประมาณ 35.50 เซนติเมตร ปากสีดำแหลมสั้น หนา แข็งแรง ตาสีแดง หัว คอ และลำตัวสีดำ ปีกสั้นสีน้ำตาลแดง ขายาวสีดำ นิ้วตีนและเล็บยาว แข็งแรง สามารถจับเหยื่อเกาะเหนียว ไต่แทรกไปตามพงหญ้า ต้นไม้ หรือ พุ่มไม้หนาทึบได้อย่างคล่องแคล่ว หางยาวประมาณ 15-25 เซนติเมตร หนังหนาเหนียวสีดำ ออกหากินอยู่ตามพื้นดินในเวลาเช้าตรู่ หรือใกล้พลบค่ำ เคลื่อนที่ด้วยการเดินและวิ่ง บินได้ในระยะสั้น ๆ และไม่สูงนัก วางไข่ครั้งละ 2-5 ฟอง ใช้เวลาฟักประมาณ 15 วัน |
นกกะปูดในไทย มี 2 ชนิด คือ นกกะปูดใหญ่ ยาวประมาณ 50 เซนติเมตร ใต้ปีกสีดำ หางยาวประมาณ 25 เซนติเมตร พบทุกภาค เว้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นกกะปูดเล็ก ยาวประมาณ 35 เซนติเมตร ใต้ปีกสีน้ำตาลแดง มีลายกระสีขาวเป็นทางยาวตลอดลำตัว หางยาวประมาณ 15 เซนติเมตร พบทุกภาค เว้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก
นกกะรางทองแก้มขาว
|
เป็นนกสวยงาม ตัวยาวประมาณ 18 เซนติเมตร หัวสีดำ บริเวณแก้มและหูสีเทาแกมขาว ใต้คางและคอตัวผู้เป็นสีส้ม ตัวเมียสีเหลือง ยอดอกสีเทาอมเหลือง ท้องสีเหลืองอ่อน หลังและหัวปีกสีเทา กลางปีกสีอิฐ ปลายปีกสีเทาขอบบนสีเหลือง หางด้านบนสีเทา ด้านล่างสีเทาอ่อน บริเวณก้นตัวผู้สีส้มอมน้ำตาล ตัวเมียสีเหลือง อยู่รวมเป็นฝูงตามที่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,200 เมตร ขึ้นไป |
นกกะรางคอดำ
|
เป็นนกขนาดกลาง ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ลำตัวอ้วนป้อม ปากสีดำ หนาสั้น ปลายแหลม ตาสีแดง หน้าผากและคอสีดำ เหนือหน้าผาก มีขนขาวเรียงเป็นแถวในแนวขวาง ข้างลำตัวมีแถบขาว จากใต้คอมีแถบสีดำ พาดจากใต้คอถึงอก หัวตอนบนถึงท้ายทอย และอกสีเทาอ่อน ลำตัว ท้อง ปีกและหาง สีนำตาล หางยาวประมาณครึ่งหนึ่งของลำตัว มักอยู่เป็นฝูง หากินตามพุ่มไหรือพื้นดิน ร้องเสียงดังมาก และมักร้องพร้อม ๆ กัน บางครั้งสามารถเลียนเสียงคนได้ ทำรัง เป็นรูปถ้วยอยู่ตามพุ่มไม้ วางไข่ครั้งละ 3 ฟอง ผลัดกันกกไข่ประมาณ 14 วัน พบทางภาคเหนือ ภาคตะวันออก และบางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ |
นกกะรางหัวขวาน
|
เป็นนกขนาดกลาง ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ปากสีดำยาวโค้ง หงอนสีส้มปลายสีดำ ลำตัวสีน้ำตาลอมเหลือง มีลายสีดำ สลับน้ำตาลอ่อน ตามขวางลำตัว หากินตามที่โล่ง ขณะเดินจะส่ายหัวไปมา พร้อมกับใช้ปากแทงไปในร่อง หรือรูบนพื้นดินซ้ำ ๆ เพื่อจิกกินเหยื่อ ร้องเสียงดัง ฮู โป โป ทำรังในซอกไม้ โพรงไม้ วางไข่ครั้งละ 5-6 ฟอง ตัวเมียกกไข่ ตัวผู้หาอาหารมาให้ ใช้เวลาฟักประมาณ 18 วัน อยู่รวมเป็นฝูง อยู่ตามทุ่งนาที่พอมีต้นไม้อยู่บ้าง พบทั่วทุกภาค |
นกกะรางหัวหงอก
|
คล้ายนกกะรางคอดำ แต่ลำตัวเรียวกว่า ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร หงอน คางและอกสีขาว ลำตัวและหางสีน้ำตาล มีแถบดำพาดจากโคนปากและตา มายังด้านข้างลำคอ อยู่รวมเป็นฝูง ส่งเสียงร้องรับกันดังมาก เป็นสัญญาณเตือนภัยให้สัตว์ป่าอื่น ๆ อาศัยอยู่ตามพุ่มไม้ ป่าไผ่ หากินบนพื้นดิน รังและการวางไข่เหมือนนกกะรางคอดำ พบทั่วทุกภาค เว้นภาคใต้ |
นกกะลิง
เป็นนกปากงุ้มเป็นขอชนิดหนึ่ง ยาวประมาณ 50 เซนติเมตร หางยาวเท่ากับลำตัวโดยประมาณ ปากบนสีแดงปลายเหลือง ปากล่างสีเหลือง ตาสีดำ หัวสีเทาแก่ ที่คอมีแถบดำใหญ่ พาดจากใต้คางไปตามหลัง แถบจะเรียวเล็กลงจนเหลือเป็นเส้นเล็ก ๆ ที่ท้ายทอย ต้นคอใต้เส้นดำเป็นสีฟ้า ใต้ปีกสีน้ำเงินอมเขียว หางตอนบนสีฟ้าแก่อมเขียวปลายเหลือง ตอนล่างสีเหลือง ตัวผู้มีแต้มสีแดงเข้มที่หัวปีกด้านข้าง และแถบดำที่คอใหญ่กว่าตัวเมีย อยู่เป็นฝูงที่ระดับสูง 600-1,200 จากระดับน้ำทะเล ทำรังตามโพรงไม้ วางไข่ครั้งละ 2-5 ฟอง ระหว่าง ม.ค.-เม.ย. ใช้เวลาประมาณ 24 วัน
พบมากทางภาคเหนือ
|
Update : 16/5/2554
|
|