ถึงคอกควายท้ายบ้านละลานเหลียว |
ยิ่งลอยเลี้ยวลับเมืองให้เคืองหมอง |
จนพ้นหลักปักเขตสังเกตปอง |
นาวาล่องตามลำแม่น้ำไป |
ถึงสำเหร่นึกหวาดขยายผี |
ด้วยเป็นที่ฆ่าคนริมชลไหล |
ล้วนป่าเตยเคยแลดูแต่ไกล |
พลางครรไลล่องมาไม่ช้านาน |
กระทั่งถึงดาวคะนองริมคลองน้อย |
แม่ค้าลอยขายของร้องประสาน |
บ้างก็หยุดจัดของที่ต้องการ |
น่าสงสารสาวสาวที่ชาวบาง |
รู้ค้าขายพายล่องออกคล่องแคล่ว |
เสียงเจื้อยแจ้วฝีปากพูดถากถาง |
พี่เมินเฉยเลยตรงถึงน้องนาง |
จนเรือห่างเหินมาในสาคร |
ถึงวัดราชบูรณะระยะสวน |
เห็นแต่ ล้วนมิ่งไม้ใบสลอน |
บ้างคลี่ดอกออกช่ออรชร |
แมลงภู่ฟอนเรณูดูกระจาย |
พี่เพ่งพิศคิดถึงคะนึงน้อง |
ไปตามท้องวังวนชลสาย |
เห็นบ้านช่องสองฟากนั้นมากมาย |
สังเกตหมายคุ้งคดกำหนดมา |
ถึงบางผึ้งผึ้งลงที่ตรงไหน |
พี่แลไปไม่เห็นผึ้งคะนึงหา |
ถ้าเห็นแล้วจะทึ้งหัวน้ำผึ้งมา |
ละลายยาแก้โรคที่โศกใจ |
มาถึงด่านด่านเรียกให้เรือหยุด |
แล้วรีบรุดมาในลำแม่น้ำไหล |
ต้องเดินอ้อมค้อมคดรันทดใจ |
มิได้ไปทางลัดน่าขัดเคือง |
ถึงบางขมิ้นพี่คะนึงถึงขมิ้น |
ที่ยุพินขัดสีฉวีเหลือง |
สำอางเอี่ยมเรียมพิศเป็นนิตย์เนือง |
งามประเทืองทั้งกายไม่หายงาม |
ถึงบางยอยอใครทีไหนหนอ |
ได้ยินยอแล้วก็จิตพี่คิดขาม |
คะนึงถึงน้องหญิงให้กริ่งความ |
กลัวจะตามลูกยอเขาปร๋อไป |
มาถึงช่องอินทรีทวีโศก |
แสนวิโยคยลป่าพฤกษาไสว |
สิ้นประเทศเขตสวนด่วนครรไล |
รันทดใจดังจะดิ้นสิ้นชีวา |
ถึงศาลเจ้าพระประแดงแสยงเกล้า |
นึกกลัวเจ้าพระประแดงหนักหนา |
บนศาลศรีมีเศียรของกุมภา |
แต่พันตาพันวังหัวฝังดิน |
พระประแดงแข็งกล้าเจ้าข้าเอ๋ย |
ขอลาเลยลับไปดังใจถวิล |
ช่วยป้องกันกุมภาในวาริน |
อย่าให้กินชาวบ้านชานบุรี |