|
|
พันธุ์ไม้ดอกนานาพรรณของไทย 7
พลอง
|
เป็นไม้ต้นสูงประมาณ ๖ เมตร ลำต้นตรง ใบออกตรงกันข้าม แผ่นใบหนาสีเขียวเข้ม ผิวใบเป็นมัน ใต้ใบสีอ่อน ใบขอบขนาน ปลายและโคนใบแหลม ยาวประมาณ ๑๒ เซนติเมตร ออกดอกตามข้อเป็นกระจุก ดอกขณะตูมมีสีชมพู เมื่อดอกบานจะเป็นสีม่วงน้ำเงิน ดอกมี ๔ กลีบ บานเกือบพร้อมกันทั้งต้น ผลเมื่อสุกสีม่วงแดงดำ พบตามป่าเบญจพรรณ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
พะยอม
|
เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ผลัดใบ สูงประมาณ ๒๕ เมตร เปลือกลำต้นสีเทาเข้มแตกเป็นร่อง เรือนยอดทึบทรงรูปไข่ ใบรูปขอบขนาน หรือรูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบป้าน ออกดอกเป็นช่อ กระจายที่ปลายกิ่งหรือกิ่งข้าง ดอกสีขาวออกข้างเดียว มีกลิ่นหอม กลีบรองดอกเจริญเป็นปีก ๓ ปีกใหญ่ และ ๒ ปีกเล็กของผล ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน พบตามป่าเบญจพรรณ และป่าดงดิบที่มีดินทราย |
"กลิ่นแก้มนางหอม |
|
พะยอมเปรียบเทียบเนื้อนวล " |
พิกุล
|
เป็นไม้ต้นสูงประมาณ ๑๒ เมตร เรือนยอดแน่นทึบเป็นพุ่มกลม เปลือกสีเทาอมน้ำตาลมักมีรอยแตกตามแนวยาวของลำต้น ใบเป็นประเภทใบเดี่ยว ทรงรูปไข่หรือรูปหอกแคบ ออกเวียนสลับกัน ดอกสีขาวมีกลิ่นหอม ออกเป็นกระจุกตามปลายกิ่งหรือตามง่ามใบ กลีบรองดอกมี ๒ วง ๆ ละ ๔ กลีบ กลีบดอกมี ๒๔ กลีบ เรียงซ้อนกัน ๒ วง โคนกลีบเชื่อมกัน ผลทรงรูปไข่ยาวประมาณ ๓ เซนติเมตร เมื่อผลสุกจะมีสีแดง เนื้อเหลือง รสหวาน เมล็ดแข็ง ออกดอกเกือบตลอดปี พบตามป่าดงดิบภาคใต้ ภาคกลางและภาคตะวันออก ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
พิกุลบุนนาคบาน |
|
กลิ่นหอมหวานซ่านขจร |
แม้นนุชสุดสายสมร |
|
เห็นจะวอนพี่อ้อนชาย |
พี้จั่น
|
เป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดกลางสูงประมาณ ๑๒ เมตร โคนต้นเป็นพูพอนเล็กน้อย เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ เปลือกลำต้นสีดำแตกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ใบเป็นแบบใบประกอบแบบขนนกเรียงตัวเป็นคู่ ๆ ปลายช่อใบจะมีใบย่อย ๑ ใบ ออกดอกเป็นช่อตามกิ่งข้าง หรือออกพร้อมกับใบที่ผลิใหม่ กลีบรองดอกสีม่วงเข้มเกือบดำ เมล็ดกลมแบน ออกดอก เดือนธันวาคมถึงมกราคม ขึ้นในป่าเบญจพรรณและป่าแดงทั่วไป ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
พุดน้ำ
|
เป็นไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๑๐ เมตร กิ่งเมื่อยังอ่อนจะมีขน ใบสีเขียวผิวเป็นมัน ยาวประมาณ ๑๒ เซนติเมตร ดอกไม่มีก้าน ออกที่ปลายกิ่งหรือกิ่งข้าง ดอกสีขาว เมื่อออกได้ ๑ วัน จะเป็นสีเหลือง กลิ่นหอม กลีบรองดอกรูปทรงกระบอกสีเขียวอ่อนผิวเป็นมันและบาง กลีบดอกตอนโคนติดกันเป็นหลอดยาว ๕-๑๐ เซนติเมตร ผิวเกลี้ยงและมีสันตื้น ดอกบานในเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดหรือการตอน |
ยี่เข่ง
|
เป็นไม้พุ่มหรือไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๖ เมตร ทรงต้นโปร่ง เปลือกลำต้นสีน้ำตาลเป็นมัน ใบออกเยื้องกันเล็กน้อย เกือบตรงกันข้าม ทรงรูปไข่ ปลายแหลม ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว สีชมพู และสีม่วง ขนาดกว้างประมาณ ๓ เซนติเมตร กลีบดอกบาง และเป็นคลื่นดูคล้ายย่นมี ๖ กลีบ โคนกลีบเรียวเป็นก้านเล็ก ๆ เกสรสีเหลืองมีจำนวนมาก ผลเมื่อแก่จะมีเปลือกแข็ง ภายในมีเมล็ดเล็ก ๆ จำนวนมาก ออกดอกในเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
รวงผึ้ง
|
เป็นไม้ต้นขนาดเล็กสูงประมาณ ๕ เมตร แตกกิ่งก้านเป็นพุ่ม ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวยาวประมาณ ๗ เซนติเมตร ใบสีเขียว ใต้ใบเป็นสีอ่อน และเป็นเกล็ดเล็ก ๆ ดอกสีเหลืองกลิ่นหอม ออกเป็นกระจุกตามกิ่งข้าง และมักจะบานพร้อมกัน กลีบรองดอกมี ๕ กลีบ เหมือนรูปดาว ไม่มีกลีบดอก มีเกสรตัวผู้เป็นจำนวนมาก ดอกบานในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม เป็นไม้พื้นเมืองของไทยทางภาคเหนือ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ขยายพันธุ์ด้วยการตอน |
ราชพฤกษ์
|
เป็นไม้ต้นขนาดกลางสูงประมาณ ๑๓ เมตร เปลือกลำต้นเรียบเกลี้ยงสีเทาอ่อน ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยประมาณ ๑๐ คู่ ออกดอกเป็นช่อ ออกตามกิ่งข้างและห้อยลง ช่อดอกโปร่งยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ดอกมี ๕ กลีบ สีเหลืองสด หรือสีเหลืองแกมเขียว เกสรตัวผู้มี ๑๐ อัน ขนาดไม่เท่ากัน ผลเป็นฝักกลามยาวประมาณ ๕๐ เซนติเมตร ผิวเกลี้ยง เมื่อฝักแก่ จะเป็นสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ เมล็ดรูปมนแบนสีน้ำตาลผิวเป็นมัน ออกดอกระหว่างเดือนกุมภาพันธุ์ถึงพฤษภาคม ขึ้นทุกภาคตามป่าเญจพรรณหรือป่าแดง นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
ลั่นทมขาว
|
เป็นไม้ต้นขนาดเล็กสูงประมาณ ๕ เมตร ลำต้นและกิ่งก้านอวบ สีน้ำตาลปนเทา ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวรูปร่างคล้ายใบหอก ยาวประมาณ ๒๕ เซนติเมตร ดอกสีขาวมีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อใหญ่ที่ปลายกิ่ง ดอกรูปทรงกรวยปลายแยกเป็น ๕ กลีบ ผลเป็นฝักยาวประมาณ ๑๒ เซนติเมตร ติดกันคล้ายผลแฝด เมล็ดมีขน ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด การตอน และการปักชำ |
"หอมเอยลั่นทมฉมไกล |
|
กลิ่นซึ้งตรึงใจดอกไม้อื่นใดไม่ปาน |
หอมอวลใจซึ้งอยู่ในฤทัยวิญญาณ |
|
หอมจะคงตลอดกาลสิ้นปรานยังฝันใฝ่" |
ลั่นทมแดง
|
เป็นไม้ต้นสูงประมาณ ๕ เมตร คล้ายลั่นทมขาว ดอกสีแดง ก้านดอกสีม่วงแดง เป็นไม้ปลูก ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และกิ่งตอน |
ลำดวน
|
เป็นไม้ต้นสูงประมาณ ๑๕ เมตร ลำต้นโปร่งตรง เรือนยอดทึบรูปกรวยทรงต่ำ ใบดอกออกเดี่ยวสีเขียวเข้ม หลังใบสีนวล ดอกสีนวล ชั้นนอกมี ๓ กลีบ แผ่แบนออก ชั้นในหุ้มเข้าหากัน มีลักษณะรูปทรงคล้ายสายเหลี่ยม กลีบชั้นในเป็นคลื่น เริ่มส่งกลิ่นหอมเวลาเย็นถึงเข้าวันรุ่งขึ้น ผลเมื่อสุกจะเป็นสีดำ มีรสหวานอมเปรี้ยว ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และกิ่งตอน |
ลำดวนหวลหอมตระหลบ |
|
กลิ่นอายอบสบนาสา |
นึกถวิลกลิ่นบุหงา- |
|
รำไปเจ้าเศร้าถึงนาง |
ศรีตรัง
|
เป็นไม้ต้นขนาดกลางสูงประมาณ ๑๐ เมตร ทรงต้นโปร่ง ใบเป็นประเภทใบประกอบรูปขนนก ใบย่อยรูปทรงรี ปลายแหลม ดอกสีน้ำเงินปนม่วง ออกเป็นช่อ แต่ละดอกเป็นรูปกรวย ปลายแยกเป็น ๕ กลีบ ดอกยาวประมาณ ๓ เซนติเมตร ออกดอกในเดือนธันวาคม อาจจะออกในเดือนอื่นบ้างประปราย เมื่อออกดอกมักจะทิ้งใบหมดทั้งต้น ผลรูปทรงกลม แบน และบาง เมื่อผลแก่จะแตกออกทั้ง ๒ ด้าน เมล็ดขนาดเล็ก มีปีกและเบามาก ขยายพันธุ์ด้วยการเพราะเมล็ด |
สารภี
|
เป็นไม้ต้นขนาดกลางสูงประมาณ ๑๓ เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ เปลือกลำต้นสีเทาปนดำ แตกล่อนเป็น สะเก็ด แผ่นใบหนาทรงรูปไข่กลับแกมรอบขนาน ปลายมน ดอกมีกลีบสีขาว กลิ่นหอม เกสรสีเหลืองมีจำนวนมาก ผลรูปทรงกระสวย เมื่อผลสุกจะออกสีเหลือง เมล็ดเดี่ยวแข็ง ออกดอกระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ เป็นต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในไทย ขึ้นในป่าเบญจพรรณและป่าดิบใน ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
ส้านใหญ่
|
เป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดใหญ่สูงประมาณ ๓๕ เมตร ใบรูปไข่กลับยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ปลายป้าน ใบเรียวเป็นครีบจนถึงโคนใบ ดอกสีเหลืองออกตามกิ่งข้าง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑๕ เซนติเมตร เกสรตัวผู้เรียง ๒ ชั้น ดอกมักจะออกขณะผลัดใบ หมดต้น หรือกำลังแตกใบอ่อน ผลสีเหลืองอมส้ม ทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๔ เซนติเมตร ภายในมีเมล็ดมาก ขึ้นตามป่าเบญจพรรณหรือชายป่าดงดิบภาคใต้ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
สุพรรณิการ์
|
เป็นไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๑๒ เมตร กิ่งก้านคดงอ ใบรูปหัวใจ แผ่นใบแยกเป็น ๕ แฉก ปลายแฉกทั้ง ๕ แหลม ขอบในเป็นคลื่น ดอกสีเหลืองกลิ่นหอม กลีบบาง เกสรสีเหลือง รังไข่มีขน ออกดอกเป็นช่อกระจายที่ปลายกิ่งบานทีละดอก ผลทรงกลม เมื่อผลแก่จะแตกออกเป็นหลายพู ภายในมีเมล็ดรูปไตสีน้ำตาล หุ้มด้วยปุยขาวคล้ายปุยฝ้าย ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และการปักชำกิ่ง |
เสลา
|
เป็นไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๑๒ เมตร เรือนยอดกลม ใบดก กิ่งน้อมลงรอบ ๆ ทรงพุ่มเปลือกลำต้นสีดำ แตกเป็นร่องเล็ก ๆ ตามแนวยาวของลำต้น ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวออกตรงกันข้ามมีขนทั้งสองด้าน ใบรูปไข่ถึงรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม ดอกสีม่วงอมชมพูหรือม่วงและขาว ขนาดประมาณ ๓ เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อใหญ่ที่ปลายกิ่งและกิ่งข้าง ผลทรงกลมรี เมื่อผลแก่ออกสีน้ำตาลดำแตกเป็นหลายพู เมล็ดสีน้ำตาลเข้มมีปีก ออกดอกระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึง มกราคม พบตามป่าเบญจพรรณทั่วไป ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
หางนกยูงไทย
|
เป็นไม้ต้นขนาดเล็กสูงประมาณ ๓ เมตร ทรงพุ่มกลม ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ประกอบด้วย ๔-๑๐ ช่อใบ ใบย่อยมีประมาณ ๑๐ คู่ อยู่ตรงกันข้ามใบย่อยยาวประมาณ ๒ เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่งหรือกิ่งข้าง กลีบดอกมีขนาดไม่เท่ากัน มีหลายสีได้แก่ สีเหลือง แดง และชมพู ผลเป็นฝักมี ๔-๘ เมล็ด ออกดอกตลอดปี |
อโศกน้ำ
|
เป็นไม้ต้นสูงประมาณ ๒๐ เมตร เรือนยอดกลมทึบ เปลือกสีดำ ใบเป็นประเภทใบประกอบมี ๑-๗ คู่ ใบทรงรูปไข่ หรือรูปหอก ปลายใบแหลม โคนใบมน ผิวใบเกลี้ยง ออกดอกเป็นช่อ กลีบรองดอกมี ๔ กลีบ รูปไข่กลับ แกมขอบขนาน แต่ไม่มีกลีบดอก เกสรตัวผู้มี ๖-๘ อัน ผลเป็นฝักรูปขอบขนานถึงรูปหอกยาวประมาณ ๒๐ เซนติเมตร กว้างประมาณ ๕ เซนติเมตร ออกดอกระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ มักขึ้นริมน้ำตามป่า ปลูกเป็นไม้ประดับ ขยายพันธ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
อโศกเหลือง
|
เป็นไม้ต้นสูงประมาณ ๑๐ เมตร เรือนยอดกลมทึบ ใบยาวรูปขอบขนานหรือรูปหอก ปลายแหลม ผิวใบเกลี้ยง ดอกสีเหลือง ช่อดอกใหญ่ประมาณ ๓๐ เซนติเมตร กว้างประมาณ ๖ เซนติเมตร ผลเป็นฝัก เมื่อฝักแก่จะแตกออก ภายในมีเมล็ดสีแดงคล้ำ ดอกบานระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
อินทนิลน้ำ
|
เป็นไม้ต้นกึ่งผลัดใบขนาดกลาง สูงประมาณ ๑๒ เมตร เรือนยอดแผ่กว้างเป็นพุ่มกลม เปลือกลำต้นหนาสีเทา ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวออกตรงกันข้าม ใบยาวทรงรูปไข่กึ่งขอบขนาน ผิวใบเรียบเป็นมัน ดอกสีม่วงสด ม่วงปนชมพู ชมพู หรือขาว ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งและกิ่งข้างช่อยาวประมาณ ๑๐-๕๐ เซนติเมตร ดอกขนาดใหญ่มีกลีบดอก ๖ กลีบ ขนาดประมาณ ๗ เซนติเมตร มีเกสรตัวผู้เป็นจำนวนมาก ผลทรงรูปไข่ เมื่อผลแก่จะออกสีน้ำตาล แตกเป็น ๖ พู เมล็ดมีปีก ออกดอกระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม ชอบขึ้นตามริมน้ำในป่าดิบหรือป่าเบญจพรรณ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
....ลมรำเพยพัดโชยมาระรื่น |
|
ชุ่มชื่นเร้าใจให้เริงอารมณ์ |
พันธุ์ดอกไม้ดูน่าชิดชม |
|
เคล้ามาตามลมพาให้ชื่นชู .... |
....ลมเย็นเย็นพัดโชยมาชื่นฉ่ำ |
|
ใกล้ค่ำหอมชื่นกลิ่นพันธุ์บุปผา |
ชื่นยิ่งนักเมื่อลมพัดมา |
|
แสนชื่นอุราพาใจเบิกบาน |
|
Update : 15/5/2554
|
|