|
|
พันธุ์ไม้ดอกนานาพรรณของไทย 6
แก้วเจ้าจอม
|
เป็นต้นไม้สูงประมาณ 10-15 เมตร เรือนยอดกลม ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนก มี 3 คู่ ใบย่อยมีขนาดไม่เท่ากัน ใบคู่ปลายจะยาวที่สุด ยาวประมาณ 4 เซนติเมตร ใบย่อยรูปรีปลายมน ดอกสีฟ้าดอกเป็นกระจุกมี 5 กลีบ เกสรสีเหลือง มี 8-10 อัน ผลสีเหลือง ออกดอกเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือการตอน |
แก้ว
|
เป็นไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็กสูงประมาณ 5 เมตร ใบเป็นประเภทในประกอบแบบขนนก ชนิดที่มีใบยอด 1 ใบ มีใบย่อย 7-8 ใบ ใบย่อยยาวประมาณ 3 เซนติเมตร มีสัญฐานรีหรือรูปขอบขนาน ปลายแหลมยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร ดอกสีส้มอมแดงไม่มีก้านดอก มักอยู่ติดกัน 3-5 ดอก ดอกเป็นหลอดแคบ ๆ มีเกสร 5 อัน อยู่ในหลอดดอก ผลกลมเมื่อสุก จะออกสีดำ ภายในมีเมล็ด ออกดอกเกือบตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยการตอน |
ไม้แก้วกลิ่นแก้วกราย |
|
หอมบ่วายวังเวงใจ |
ทุกข์ลืมปลื้มอาไลย |
|
ว่ากลิ่นแก้วแล้วเรียมหา |
เขล็ง
|
เป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่สูงประมาณ 15-25 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลมสีเขียวเข้ม เปลือกสีเทาหรือสีน้ำตาล แตกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ใบเป็นประเภทใบประกอบ มีใบย่อย 5-9 ใบ ออกสลับกัน ปลายใบป้านหรือแหลมเรียว โคนใบกลม ออกดอกเป็นช่อใหญ่ยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร ดอกมีขนาดเล็ก เมื่อดอกตูมอยู่จะเป็นรูปไข่ เมื่อดอกบานจะออกสีขาว เกสรมี 2 อัน ผลเป็นรูปไข่ ภายในมีเมล็ด 1 เมล็ด มีเนื้อหุ้มบาง ๆ เรียกว่า ลูกหยี |
แคฝรั่ง
เป็นต้นไม้ผลัดใบสูงประมาณ 15 เมตร เรือนยอดโปร่ง เปลือกลำต้นสีกระดำกระด่าง ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนก ชนิดที่มีใบย่อยที่ปลาย ใบย่อยยาวประมาณ 4 เซนติเมตร มี 7-17 ใบ ออกดอกเป็นช่อยาวประมาณ 12 เซนติเมตร ดอกมี 2 สี คือ สีขาวและสีชมพู ดอกเล็กขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร ฝักแบนมีเมล็ด 2-6 เมล็ดต่อฝัก ออกดอกเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือการปักชำกิ่ง
แคแสด
|
เป็นต้นไม้สูงประมาณ 20 เมตร ถ้าอยู่ในที่แห้งแล้งจะผลัดใบ ใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 4-7 คู่ ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อดอกตั้งตรงดอกสีแสดเป็นรูประฆังขนาดใหญ่ กลีบดอกร่วงง่ายออกดอกตลอดปี แต่จะออกมากในฤดูหนาว ระหว่างเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ ผลแบบคล้ายฝัก ปลายผลแหลม เมื่อผลแก่จะออกสีน้ำตาลดำ เมล็ดมีขนาดเล็กรูปร่าง แบนมีปีก ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
งิ้ว
|
เป็นต้นไม้สูงประมาณ 15 เมตร ลำต้นและกิ่งมีหนาม เรือนยอดแผ่กระจายหรือรูปทรงกลมโปร่ง ใบเป็นแบบใบประกอบ แบบนิ้วมือ ประกอบด้วยใบย่อย 5-7 ใบ ดอกสีแดงหรือสีเหลือง ผลกลมยาวสีเขียวขนาดประมาณ 20 เซนติเมตร เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลและแตกออก ภายในมีเมล็ดสีน้ำตาล ออกดอกระหว่างเดือนธันาวาคมถึงกุมภาพันธ์ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
จิกน้ำ
|
เป็นไม้ต้นขนาดกลางสูงประมาณ 15 เมตร ทรงต้นแผ่กว้าง ใบรูปไข่กลับ ใต้ใบสีอ่อน ดอกเล็กกลิ่นหอม ออกเป็นช่อที่ ปลายกิ่งห้อยลงมายาวประมาณ 30 เซนติเมตร กลีบดอกมี 4 กลีบ สีชมพู เกสรขาว มีอยู่เป็นจำนวนมากเรียง 3 ชั้น เกสรร่วงง่าย ผลรูปรีเหลี่ยมยาวประมาณ 5 เซนติเมตร ปลายตัด พบขึ้นมากตามริมฝั่งแม่น้ำ ลำคลอง หนองบึง ป่าชายเลน ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
จามจุรี
|
เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่สูงประมาณ 20 เมตร เปลือกลำต้นสีดำแตกล่อนได้ง่าย เรือนยอดเป็นรูปร่มกว้าง ใบเป็นประเภท ใบประกอบขนนกสองชั้น ใบประกอบมีช่อใบ 4 คู่ ใบย่อย 2-10 คู่ ต่อช่อใบ ใบมีสัญฐานรูปไข่หรือรูปขนมเปียกปูนเบี้ยว ผิวใบเป็นมัน มีขนใต้ใบเล็กน้อย ออกดอกรวมเป็นกระจุก ช่อดอกมีก้านช่อ กลีบดอกเล็กมาก เกสรสีชมพู มีจำนวนมาก ฝักกลมแบนยาวประมาณ 15 เซนติเมตร เมื่อฝักแก่จะสีดำ แต่ละฝักมีเมล็ดประมาณ 20 เมล็ด ออกดอกเดือนสิงหาคมถึงกุมภาพันธ์ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
จันทน์กระพ้อ
|
เป็นต้นไม้ขนาดกลางสูงประมาณ 15 เมตร เปลือกลำต้นเกลี้ยงสีน้ำตาลปนเทา ใบรูปขอบขนาน โคนใบเยื้องกันเล็กน้อย เส้นใบชัดทั้ง 2 ด้าน กลีบรองดอกเป็นรูปสามเหลี่ยม ดอกสีเหลืองนวล กลิ่นหอม มีขนสีน้ำตาลด้านนอก ออกดอกเดือน พฤศจิกายนถึงมีนาคม ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ทองกวาวคราวดอกแดง เชิงจำแจงแดงเหียงหัน ....
ทองหลางใบมน
|
เป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดกลางสูงประมาณ ๑๕ เมตร ลำต้นสีเทา เปลือกเป็นลายคล้ายเปลือกแตกตืน ๆ สีเทาอ่อน เรือนยอดกลม ใบเป็นประเภทใบประกอบชนิดที่มี ๓ ใบย่อย ใบย่อยเป็นรูปไข่หรือรูปไข่กึ่งขนมเปียกปูน สีเขียว ผิวใบเกลี้ยงเป็นมัน ออกดอกเป็นช่อใหญ่ตามปลายกิ่ง ดอกสีแดงและแดงแสด ยาวประมาณ ๖ เซนติเมตร ฝักยาวประมาณ ๒๕ เซนติเมตร เป็นข้อ ๆ สีน้ำตาลเข้ม เมล็ดสีแสด ออกดอกระหว่างเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เป็นไม้ปลูก ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
ทองหลางด่าง
|
เป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดกลางสูงประมาณ ๑๐ เมตร ลำต้นสีเทา เปลือกลำต้นเป็นลายคล้ายเปลือกแตกตื้น สีเทาอ่อน เรือนยอดกลม ใบเป็นใบประกอบชนิดสามใบย่อย ใบย่อยเป็นรูปไข่ หรือรูปไข่กึ่งขนมเปืยกปูนสีเขียวและมีลายเหลือง ออกดอกเป็นช่อใหญ่ตามปลายกิ่ง มักสลัดใบหมดต้น ก่อนออกดอก เป็นไม้ปลูก ขยายพันธุ์ด้วยการปัก ชำกิ่งและการตอนกิ่ง |
เทียนกิ่ง
|
เป็นไม้ต้นขนาดเล็กสูงประมาณ ๔ เมตร ทรงพุ่ม ใบออกตรงข้ามกัน มีสัณฐานรูปไข่แคบ ๆ ขนาดประมาณ ๓ เซนติเมตร ดอกมีขนาดเล็กมาก สีขาวหรือสีแดง กลิ่นหอมเย็นเป็นช่อตามปลายกิ่ง กลีบดอกเล็กย่น เกสรตัวผู้มี ๘ อัน ผลกลมขนาดเล็ก ภายในมีเมล็ดสีดำเล็ก ๆ เป็นเหลี่ยม ออกดอกเดือนสิงหาคมถึงกันยายน ขยายพันธุ์ด้วยการตอน |
"เทียนเอ๋ยเทียนกิ่ง |
|
ออกกระจุ๋มกระจิ๋มเป็นนักหนา |
ออกติดกันเป็นช่อละออตา |
|
กลิ่นเย็นจับวิญญาน่าชื่นชม" |
นนทรี
|
เป็นไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๒๕ เมตร เปลือกลำต้นสีเทาเรียบ ตามกิ่งและยอดอ่อนมีขนสีน้ำตาลแดงทั่วไป เรือนยอด เป็นรูปร่ม ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนก ๒ ชิ้น มี ๔-๑๓ คู่ แต่ละคู่มีใบย่อย ๑๐-๒๒ คู่ ใบย่อยไม่มีก้านใบ ใบมีสัณฐานรูปไข่ ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อดอกเป็นรูปทรงเจดีย์ ยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร กลีบรองดอกด้านนอกมีขนสีน้ำตาลแดง ดอกสีเหลือง ผลเป็นฝักแบน ปลายฝักรูปรี โดยฝักสอบแหลม สีน้ำตาลแดง เมื่อฝักแก่จะเป็นสีดำ แต่ละฝักมี ๑-๔ เมล็ด ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
บุนนาค
|
เป็นไม้ต้นขนาดกลาง สูงประมาณ ๒๐ เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่มทึบรูปเจดีย์ทรงต่ำ ลำต้นเปลาตรง เปลือกเรียบ สีน้ำตาลปนเทา ใบรูปหอกหรือขอบขนาน ด้านบนสีเขียวด้านล่างสีเขียวอมขาว ใบอ่อนสีชมพู ดอกสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ออกเดี่ยวหรือเป็นกระจุก ๒-๓ ดอก กลีบรองดอกสีเขียวเข็งและติดเป็นผล เกสรตัวผู้สีเหลืองมีจำนวนมาก ผลทรงรูปไข่เมื่อผลแก่มักแตกเป็น ๒ ซีก ภายในมีเมล็ด ๒-๓ เมล็ด ผิวสีน้ำตาลมัน ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
ปีบ
|
เป็นไม้ต้นขนาดกลางสูงประมาณ ๒๐ เมตร เปลือกลำต้นสีเทาขรุขระ ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนก ๒-๓ ชิ้น ใบย่อยมีสัณฐานรูปไข่แกมรูปหอก ปลายใบแหลม ออกดอกเป็นช่อใหญ่ตั้งตรงยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ดอกจะทยอยกันบาน กลีบอดกสีขาวที่โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอดยาวประมาณ ๖ เซนติเมตร ส่วนปลายแยกเป็น ๕ กลีบ ดอกจะบานและมีกลิ่นหอมตอนเย็นถึงกลางคืน ผลเป็นฝักแบน มีเมล็ดมาก เมื่อฝักแก่จะแตกออกเมล็ดจะมีปีก ร่อนไปได้ ออกดอกเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด การสลัดรากหรือชำรากลำต้นใต้ดิน |
ปีบทอง
|
เป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดกลางสูงประมาณ ๑๐ เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบ ๒-๓ ชิ้น ใบย่อยรูปไข่ปลายใบแหลม ออกดอกเป็นช่อสั้น ๆ เป็นกลุ่มตามลำต้น และกิ่งก้านมีประมาณ ๕-๑๐ ดอก ดอกบานไม่พร้อมกัน ดอกสีเหลืองแสดเป็นหลอดสั้น ๆ ปลายกลีบแยกเป็น ๕ แฉก ผลเป็นฝักกลมยาวผิวเกลี้ยงยาวประมาณ ๔๐ เซนติเมตร เมื่อฝักแก่จะแตกออกเมล็ดในฝักมีปีกบาง ๆ ออกดอกเดือนมกราคมถึงเมษายน ขณะออกดอกมักทิ้งใบหมดต้น เป็นไม้ที่พบตามเขาหินปูนที่ชุ่มชื้นทางภาคเหนือ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
ประดู่แดง
|
เป็นไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๒๐ เมตร เรือนยอดแผ่กว้าง กิ่งลู่ลงดิน ใบเป็นประเภทใบประกอบ มีใบย่อย ๖-๑๐ คู่ ใบที่อยู่ปลายยอดจะเป็นคู่ที่ใหญ่ที่สุด ใบย่อย 2 ข้างมีขนาดไม่เท่ากัน ใบมีสัณฐานรูปไข่หรือรูปหอกผิวใบเกลี้ยง ออกดอกเป็นช่อเกาะเป็นกระจุกตามกิ่ง ๓-๕ กระจุก แตะละกระจุกมีประมาณ ๓-๕ ดอก กลีบรองดอกมี ๔ กลีบสีแดง กลีบคุ่มเหมือนเรือ เกสรสีแดง มีขนาดความยาวไม่เท่ากัน ผลเป็นฝักแบนรูปขอบขนานโค้งเล็กน้อยยาวประมาณ ๗ เซนติเมตร แต่ละฝักมี ๑ เมล็ด ออกดอกเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ดอกจะบานประมาณ ๒ สัปดาห์ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
ประดู่บ้าน
|
เป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดใหญ่สูงประมาณ ๒๐ เมตร ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดเป็นพุ่มทรงกลมหรือรูปเจดีย์ทรงต่ำทึบ เปลือกลำต้นสีน้ำตาลมีรอบแตกตามทางยาว กิ่งก้านทอดลงต่ำ ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยประมาณ ๗-๑๓ ใบ ใบย่อยเป็นรูปขอบขนานแกมรูปไข่ ผิวใบเกลี้ยง โคนใบกว้างมนกลม และปลายใบเรียว ออกดอกเป็นช่อตามใบใกล้ยอด กลีบรองดอกเขียวกลีบดอกสีเหลืองอมส้มขนาดประมาณ ๑ เซนติเมตร ผลเป็นฝักกลมแบนมีปีกโดยรอบ แต่ละฝักมี ๑ เมล็ด เมื่อฝักแก่จะแห้งแต่ไม่แตก ขึ้นตามป่าเบญจพรรณชื้น ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
พฤกษ์
|
เป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดใหญ่ สูงประมาณ ๒๕ เมตร เรือนยอดแบน เปลือกลำต้นขรุขระสีเทาเข้มแตกเป็นร่องรูปเหลี่ยม ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนก มี ๒-๔ คู่ แต่ละคู่มีใบย่อยประมาณ ๓-๖ คู่ ใบย่อยไม่มีก้านใบ มีสัณฐานรูปรีแกมรูปไข่กลับ โคนใบกลมหรือเบี้ยว ผิวใบเกลี้ยง ออกดอกเป็นช่อกลม เกสรสีขาวนวล มีกลิ่นหอม ช่อดอกออกตามง่ามใบใกล้ปลายกิ่ง มี ๑-๔ ช่อ ผลเป็นฝักแบนบาง สีเทาอมเหลืองรูปขอบขนานหัวท้ายบน แต่ละฝักมี ๔-๑๒ เมล็ด ออกดอกประมาณเดือนมีนาคมถึงเมษายน มีขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วไป ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด |
ชงโค
|
เป็นไม้พุ่มหรือไม้ต้นสูงประมาณ 10 เมตร ใบเคือบกลมแยกเป็น 2 แฉกลึก ปลายแฉกกลม ออกดอกเป็นช่อ ช่อดอกออกข้าง ๆ หรือที่ปลายกิ่งช่อละ ๒-๑๐ ดอก กลีบของดอกตะแคงข้าง กลีบดอกสีชมพูถึงม่วงเข้ม กลีบดอกแคบ เกสรตัวผู้มี ๓ อัน รังไม่มีขน ฝักยาวประมาณ ๒๐ เซนติเมตร เมล็ดกลมมี ๑๐ เมล็ดออกดอกเดือนกันยายนถึงกุมภาพันธ์ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือการตอนกิ่ง
ชงโคเทียบชงฆา นุชนาถ เหมือนฤา....
|
จำปี
|
เป็นต้นไม้สูงประมาณ 15 เมตร เรือนยอดเป็นรูปทรงเจดีย์ ใบเป็นประเภทใบเดียวรูปรี ปลายเรียวแหลม ผิวใบเกลี้ยง ดอกสีขาว ออกตามซอกกิ่งเป็นดอกเดียว มีกลิ่นหอม ออกดอกตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยการตอน |
จำปา
|
เป็นต้นไม้สูงประมาณ 15 เมตร เรือนยอดรูปทรงเจดีย์ ใบเป็นประเภทใบเดี่ยว สีสัญฐานรูปไข่หรือรูปหอก แบบใบมีขนอ่อนด้านล่าง ดอกสีเหลืองส้ม เป็นดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบ ผลเป็นช่อยาว ประกอบด้วยผลย่อย ๆ รูปร่างกลม เปลือกเขียวประจุขาว ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
จำปาหนาแน่นเนือง |
|
คลี่กลีบเหลืองเรืองอร่าม |
คิดคนึงถึงนงราม |
|
ผิวเหลืองกว่าจำปาทอง |
ชัยพฤกษ์
|
เป็นไม้ต้นผลัดใบ สูงประมาณ ๑๕ เมตร เรือนยอดเป็นรูปร่ม เปลือกสีน้ำตาล ใบเป็นประเภทใบประกอบมีใบย่อย ผิวใบเกลี้ยง ออกดอกเป็นช่อคาบกิ่งเป็นช่อสั้น ๆ กลีบรองดอกทรงรูปไข่ปลายแหลมสีแดง กลีบดอกรูปไข่กลีบ สีชมพู เกสรตัวผู้มี ๑๐ อัน ขนาดไม่เท่ากัน ฝักกลมยาวสีดำ ผิวเกลี้ยงยาวประมาณ ๕๐ เซนติเมตร มีเมล็ดประมาณ ๖๐ เมล็ด ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด |
ตะลิงปริง
|
เป็นไม้ต้นขนาดเล็กสูงประมาณ ๑๐ เมตร ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนกที่มีใบเดี่ยวอยู่ตอนปลาย มีใบย่อยประมาณ ๒๕ - ๔๕ ใบ ใบย่อยรูปขอบขนานแถบรูปหอก ปลายใบแหลมยาวประมาณ ๖ เซนติเมตร ออกดอกตามกิ่งข้างและตามลำต้นบนช่อดอกสั้น ๆ กลีบดอกสีม่วงแดง ผลยาวประมาณ ๕ เซนติเมตร รอบผลเป็นร่องมี ๕ ร่อง เมื่อสุกจะออกสีเขียวอมเหลือง ฉ่ำน้ำ เมล็ดแบนมีรสเปรี้ยว ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และการทาบกิ่ง |
ตะแบกนา
|
เป็นไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๒๕ เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลม เปลือกลำต้นเกลี้ยงผิวนวลเป็นมัน ใบเดี่ยวรูปหอก ยาวประมาณ ๑๕ เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง เมื่อดอกบานจะมีขนาดประมาณ ๒ เซนติเมตร กลีบดอกบานย่นสีม่วงอมชมพูแล้วเปลี่ยนเป็นสีชัด ผลรูปไข่ เมื่อผลแก่ออกสีน้ำตาล แตกอ้าออกเป็นหลายกลีบ เมล็ดแบนสีน้ำตาลมีปีก ออกดอกระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม ขึ้นตามป่าเบญจพรรณแทบทุกภาค และตามทุ่งนาทั่วไป ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
ตันหยง
|
เป็นไม้ต้นขนาดเล็กสูงประมาณ ๔ เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกว้าง กิ่งโน้มลงใบเป็นประเภทใบประกอบ มีขนาดเล็กมาก ดอกเล็กขนาดประมาณ ๕ มิลลิเมตร ออกรวมเป็นกระจุกอยู่ตามโคนใบ ดอกสีขาวอมเหลือง กลิ่นหอมแรง ฝักแบนบิดงอออกเป็นกระจุกออกดอกมากในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม เป็นไม้ปลูก ขยายพันธ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
ตีนเป็ดน้ำ
|
เป็นไม้ต้นสูงประมาณ ๑๕ เมตร ทรงร่ม ใบออกเป็นกระจุกแน่นที่ปลายกิ่ง ผิวใบมันรูปไข่กลับ ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อหนึ่งมีหลายดอก ดอกมีขนาดใหญ่ประมาณ ๔ เซนติเมตร สีขาวตรงกลางเหลือง โคนดอกติดกันเป็นหลอด กลีบดอกแยกกันมี ๕ กลีบ ผลสีเขียวเมื่อสุกดอกสีแดงเป็นมัน ชอบขึ้นตามริมฝั่งแม่น้ำลำคลอง และที่ลุ่มซึ่งน้ำท่วมถึงโดยทั่วไป ออกดอกตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง |
แต้ว
|
เป็นไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๒๕ เมตร ทรงต้นโปร่ง เปลือกลำต้นสีน้ำตาลเข้ม ล่อนเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ใบออกตรงข้ามเป็นคู่ รูปขอบขนาน บางดอกมีกลิ่มหอมอ่อน ๆ ดอกเป็นกระจุกเล็ก ๆ หรือเป็นช่อสั้น ๆ ช่อละประมาณ ๕ ดอก ออกตามกิ่งตรงโคนใบที่ร่วงไปแล้ว กลีบรองดอกสีเขียวมี ๕ กลีบ กลีบดอกสีชมพูอ่อนมี ๕ กลีบ ปลายกลีบมีครุยเป็นฝอยยาว ๆ ผลรูปไข่ยาวประมาณ ๑ - ๕ เซนติเมตร เมื่อผลแก่จะแตกออกเป็น ๓ แฉก เมล็ดขนาดเล็กมีปีกออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน พบตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป ขณะที่แตกใบอ่อนใบจะเป็นสีแดง ขยายพันธ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
เต็งแต้วแก้วกาหลง |
|
บานบุษบงส่งกลิ่นอาย |
หอมอยู่ไม่รู้หาย |
|
คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตราตรู |
ทองกวาว
|
เป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดกลางสูงประมาณ ๑๕ เมตร ทรงพุ่มรุปทรงกลมหรือทรงกระบอก ปลายกิ่งห้อยกิ่งมักคดงอ ใบเป็นประเภทใบประกอบชนิดชนิดที่มีใบย่อย ๓ ใบ ใบใหญ่และหนามีใบย่อยอยู่กลางรูปมนกว้างเกือบกลม ออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่งและด้านข้าง ดอกยาวประมาณ ๗ เซนติเมตร กลีบเลี้ยงสีเขียวเข้มคล้ายกำมะหยี่มีขนคลุม กลีบดอกสีแดงสด ผลเป็นฝักสีเขียวอ่อน เมื่อผลแก่สีเปลี่ยนเป็นน้ำตาลอมเหลือง |
ฝักแบนรูปขอบขนานยาวประมาณ ๑๕ เซนติเมตร รูปร่างคล้ายปีกมีเมล็ดอยู่ตอนปลายฝัก ๑ เมล็ด ดอกบานระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน กระจายพันธุ์ตามป่าเบญจพรรณและป่าแดงทั่วประเทศ
|
Update : 15/5/2554
|
|