|
|
พันธุ์ไม้ดอกนานาพรรณของไทย 4
ไม้ดอกชนิดเป็นเถาพวงประดิษฐ์
|
เป็นไม้เถาขนาดใหญ่ แตกกิ่งก้านสาขามาก ใบเป็นประเภทใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน มีสัณฐานรูปไข่ปลายแหลม กว้างประมาณ 6 เซนติเมตร ยาวประมาณ 12 เซนติเมตร ด้านบนสากด้านล่างมีขน ออกดอกเป็นช่อใหญ่ โคนดอกมีใบระดับ 3 ใบ มีหลายสีตั้งแต่สีขาว สีชมพู จนถึงสีม่วงแก่ ดอกจริงมีขนาดเล็ก กลีบเลี้ยงมี 5 แฉก มีขนมาก เกสรตัวผู้สีเหลือง ออกดอกเดือนธันวาคมถึงเมษายน ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และการปักชำกิ่ง |
พวงสามสิบ
|
เป็นไม้เลื้อย ลำต้นและกิ่งก้านทอดยาว มีรากเป็นกระจุกอยู่ในดิน ใบเป็นประเภทลดรูปเป็นเกล็ดเล็ก ๆ สีเขียว ดอกมีขนาดเล็กอยู่รวมเป็นช่อ ช่อดอกยาวมาก ดอกจะออกจากกิ่งข้าง มี 6 กลีบ เกสรตัวผู้มี 6 อัน ผลมี 3 พู ขยายพันธุ์ด้วยการแยกกอหรือแยกหน่อ |
มลุลี
|
เป็นไม้เถา ตามยอดอ่อนมีขนนุ่ม ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน มีสัณฐานรูปไข่ โคนเว้าเล็กน้อย ขอบใบเรียบ หรือเป็นคลื่นเล็กน้อย ปลายใบแหลมหรือมน ก้านใบสั้น ดอกออกเป็นช่อแน่น ที่บริเวณยอดและตามง่ามใบ สีขาวสะอาด โดยช่อมีขนนุ่มสีเทาอยู่เต็ม ดอกจะบานพร้อมกันทั้งช่อ และบานอยู่ทน เมื่อดอกบานเต็มที่จะกว้างประมาณ 3 เซนติเมตร กลีบดอกเป็นรูปขอบขนานมีดอกประมาณ 8 กลีบ กลิ่นหอมแรง ขยายพันธุ์ด้วกยารปักชำกิ่ง หรือการตอน |
รสสุคนธ์
|
เป็นไม้เถาเนื้อแข็งขนาดกลาง ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวเรียงสลับกัน มีสัณฐานรูปรี ขอบใบจักสีเขียวเข้ม ผิวสาก ออกดอกเป็นช่อ ยาว 4-15 เซนติเมตร ตามปลายกิ่งและง่ามใบ ดอกสีขาว กลิ่นหอม กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ กลีบดอกสีขาวมี 5 กลีบ กลีบเลี้ยงติดทน แต่กลีบดอกร่วงง่าย เกสรตัวผู้มีมาก เมล็ดมีเนื้อหุ้ม ออกดอกตลอดปี รสสุคนธ์ขึ้นทั่วไปในป่าละเมาะ และป่าผลัดใบ นิยมปลูกประดับตามซุ้ม ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และตอนกิ่ง |
เล็บมือนาง
|
เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง ใบเป็นประเภทใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ มีสัณฐานรีหรือรีแกมขอบขนาน ใบกว้างประมาณ 3-9 เซนติเมตร ยาวประมาณ 5-18 เซนติเมตร โดยใบกลมปลายใบเรียวแหลม ดอกออกเป็นช่อใหญ่ ห้อยระย้า บริเวณยอดและง่ามใบ สีดอกแรกบานสีขาว จากนั้นเป็นสีชมพูและแดงเข้ม มีกลิ่นหอม ช่อดอกยาว 2-20 เซนติเมตร โดยดอกมีใบประดับ กลีบเลี้ยงสีเขียวอมเหลือง เขียนติดกันเป็นหลอดเล็กและยาวประมาณ 8 เซนติเมตร ปลายแยกเป็นแฉก 5 แฉก กลีบดอกมี 5 กลีบ ออกดอกตลอดปีพบขึ้นตามชายป่า นิยมปลูกเป็นไม้ประดับให้เลื้อยเป็นซุ้ม ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด การตอน หรือทับกิ่ง |
สร้อยฟ้า
|
เป็นไม้เถาเลื้อย ใบมี 3 แฉก ขอบเรียบ โคนใบเป็นรูปหัวใจ ดอกโตประมาณ 10 เซนติเมตร มีกลิ่นหอม กลีบรองดอกขาว ด้านหลังเขียว ขอบกลีบม้วนเข้า กลีบดอกสีขาวประสีชมพูอ่อน ด้านนอกสีขาวอมเขียว ระยางสีม่วงสีฟ้าและสีขาวที่ปลาย ออกดอกตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยการตอน |
สร้อยมาลี
|
เป็นไม้เถา ลำต้นกลม ภายในมีน้ำยางใส ใบเป็นประเภทใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ใบมีเนื้อหนา กว้างประมาณ 4 เซนติเมตร ยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อแบบกระจายตามง่ามใบ ยาวประมาณ 15-30 เซนติเมตร ดอกสีขาวเล็ก มีกลิ่นหอม ดอกจะบานพร้อมกัน ดอกจะออกประมาณเดือนธันวาคม ถิ่นกำเนิดในประเทศไทย ตามป่าเบญจพรรณ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ปักชำ และตอนกิ่ง |
สร้อยอินทนิล
|
เป็นไม้เถาขนาดใหญ่ ใบเป็นประเภทใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ มีสัณฐานเป็นรูปไข่ หรือรูปหัวใจ ใบกว้างประมาณ 10 เซนติเมตร ขอบใบหยักเว้าเป็น 5-7 แฉก ผิวใบสาก ก้านใบยาวประมาณ 4 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อห้อยเป็นสายยาวได้ถึง 1 เมตร ดอกสีฟ้าอ่อนถึงฟ้าเข้ม เมื่อดอกบานเต็มที่จะกว้างประมาณ 7 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงมี 4-5 กลีบ กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนกลีบติดกันเป็นท่อสั้น ๆ มีเกสรตัวผู้ 2 คู่ ออกดอกตลอดปี ชอบขึ้นตามป่าดงดิบและป่าเบญจพรรณ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับตามซุ้ม |
สายน้ำผึ้ง
|
เป็นไม้เถา ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน มีสัณฐานรูปขอบขนาน แกมรูปไข่ หรือรูปหอก โคนใบมน ปลายใบแหลม ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ก้านใบสั้น ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบ ดอกสีเหลืองอมส้ม มีกลิ่นหอม ที่โคนช่อมีใบประดับ กลีบดอกตอนโคนติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นกลีบ กลีบบนมี 4 หยัก กลีบล่างมีหนึ่งกลีบ ยาวประมาณ 5 เซนติเมตร เกสรตัวผู้ยาวกว่ากลีบดอก ผลกลมสีดำ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 เซนติเมตร นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือตอนกิ่ง |
แส
|
เป็นไม้เถาเล็ก ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวเรียงสลับกัน มีสัณฐานรูปหัวใจ ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบ ดอกสีน้ำเงินอมม่วง ดอกบานเต็มที่กว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ออกดอกตลอดปี นิยมปลูกเป็นไม้ประดับริมรั้ว หรือใส่กระถางห้อย ขยายพันธุ์ด้วยการชำกิ่ง |
หิรัญญิการ์
|
เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง มีน้ำยางสีขาวตามกิ่งอ่อน ใบเป็นประเภทใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน มีสัณฐานเป็นรูปไข่ กลีบรี หรือรีแกมขอบขนาน ปลายและโคนใบแหลม ผิวใบด้านบนเป็นมัน ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่งหรือตามง่ามใบ ดอกสีขาวมี กลิ่นหอม กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนดอกเชื่อมกันเป็นท่อรูปกรวย ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร เกสรตัวผู้มี 5 อัน เกสรตัวเมียมี 2 ช่อง แยกจากกัน ผลเป็นฝักคู่ ยาวประมาณ 12-25 เซนติเมตร นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือตอนกิ่ง |
อัญชัน
|
เป็นไม้เถา ลำต้นมีขนนุ่ม ใบเป็นช่อยาวประมาณ 10 เซนติเมตร มีใบย่อยรูปไข่ 5-7 ใบ ดอกสีน้ำเงิน เป็นดอกเดียว รูปทรงคล้ายฝาหอย ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร กลีบคลุมรูปกลมปลายเว้าเป็นแอ่ง บริเวณส่วนกลางมีสีเหลือง ออกดอกตลอดปี นิยมปลูกให้เลื้อยตามรั้ว ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด |
รุ่งอรุณเรืองแรงแสงทอง |
|
งามยิ่งเคลิ้มมอง |
|
งามส่องนภา |
สว่างกระจ่างพรายพราวเร้าตา |
|
งามทั่วท้องฟ้า |
|
พื้นหล้าวิไล |
เยือกเย็นลมรำเพยพัดโชย |
|
พากลิ่นหอมโรย |
|
โชยฉ่ำฤทัย |
กิ่งผกาพากันพริ้วใบ |
|
ชูช่อไหวใบ |
|
สดใสตามลม |
เหล่าผีเสื้อแสนงามยามเช้า |
|
คลอเคล้าลัดดา |
|
ลอยเล่นลมเร้าตา |
เริงสุขพานิยม |
|
บ้างลงไล้ไต่ตอมน้อมโน้ม |
|
สุขสมสรรค์ดมผกา |
การเวก
|
เป็นไม้เถาเนื้อแข็งขนาดใหญ่ กิ่งก้านค่อนข้างเรียบ มีขนมากเฉพาะที่ตาและยอดอ่อน ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวเรียงสลับกัน สัณฐานของใบเป็นรูปรีหรือรูปขอบขนาน ปลายและโคนใบแหลม ขอบใบเรียบ ออกดอกเป็นช่อๆ ละ 1-5 ดอก ก้านช่อดอกแบนและโค้งคล้ายขอ ออกตรงข้ามกับด้านใบ ดอกมีขนาดใหญ่สีเขียวมีขนมาก |
เมื่อดอกแก่จะเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอม กลีบเลี้ยงมี 3 กลีบ มีสัณฐานเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็กสีเขียว ปลายกลีบกระดกขึ้น กลีบดอกเป็นรูปไข่รียาว เรียงเป็น 2 ชั้น ๆ ละ 3 กลีบ มีเกสรตัวผู้จำนวนมาก เกสรตัวเมียหลายอันอยู่แยกกัน ผลรูปรีป้อมหรือรูปไข่กลับ ออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4-20 ผล เมื่อผลแก่จะเป็นสีเหลือง ออกดอกตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่งหรือเพาะเมล็ด
คิ้วนาง
|
เป็นไม้เถามีมือเกาะกิ่งอ่อน มีขนสีน้ำตาล ใบเว้าผ่ากลางเป็น 2 ซีก คล้าบใบย่อย 2 ใบ ใบมีสัณฐานเป็นรูปไข่เบี้ยว ปลายกลม ดอกมีขนาดใหญ่สีขาว เมื่อดอกบานเต็มที่จะกว้างประมาณ 15 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ดอกออกดกมากและจะทะยอยกันบานวันละ 1-3 ดอก ดอกมี 5 กลีบ ร่วงง่าย เกสรตัวผู้มี 10 อัน ยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ชูอับเรณูขึ้นเหนือกลีบดอกเห็นได้ชัด ฝักยาวประมาณ 30 เซนติเมตร |
ออกดอกประมาณเดือนสิงหาคม-มกราคม ชอบขึ้นตามป่าผลัดใบ และป่าโปร่งบนภูเขาหินปูนในภาคกลาง และภาคตะวันออก ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง
ชมนาค
|
เป็นไม้เถาเลื้อย เถาแข็งใบใหญ่ ผิวใบเป็นมันเรียบ ปลายใบแหลม ใบสีเขียวแก่ ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ออกดอกตามกิ่งข้างหรือปลายเป็นช่อ ช่อหนึ่งมีประมาณ 12 ดอก ดอกสีขาวอมเขียวมีกลิ่นหอม ดอกมีกลีบติดกันเป็นถ้วยตื้น ๆ ปลายแยกจากกันเป็นแฉกตื้น ๆ เกสรตัวผู้มี 5 อันติดกัน กลางดอกเป็นรูปศร ดอกโตประมาณ 1 เซนติเมตร ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่งหรือการตอน |
ดองดึง
|
เป็นไม้เถาเล็ก มีหัวใต้ดิน ใบเป็นประเภทใบเดี่ยว ออกตามข้อ 1-3 ใบ ใบมีสัณฐานเป็นรูปหอกค่อนข้างยาว ปลายใบเรียวแหลมและโค้งงอเป็นมือเถา โคนใบกว้าง ไม่มีก้านใบ ดอกใหญ่สีแดง เหลือง ออกตามง่ามใบใกล้ยอด ก้านดอกยาว ดอกมี 6 กลีบ รูปร่างยาวแคบ ขอบกลีบเป็นคลื่นไม่เรียบ ปลายกลีบโค้งกว้างลงมาทางก้านดอก เกสรตัวผู้มี 6 อัน ยาวชี้ออกเป็นรัศมีตามแนวนอน ท่อรังไข่ยาว ปลายแยกออกเป็นแฉกเล็ก ๆ 3 แฉก ผลเป็นฝักยาวประมาณ 4 เซนติเมตร ออกดอกตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือแยกเหง้า |
เถาไฟหรือโยธกาเลื้อย
|
เป็นไม้เถาขนาดใหญ่ มีมือเกาะ ตามกิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาล ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวเรียงสลับกัน มีสัณฐานรูปไข่กว้างหรือค่อนข้างกลม โคนใบเว้าเป็นรูปหัวใจ ปลายใบเว้าตื้นบ้างลึกบ้าง ปลายใบแฉกแหลมหรือกลม ก้านใบยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อ ดอกสีส้มแดง มีขน ดอกตูมกลมปลายแหลมมน กลีบเลี้ยงแยกเป็น 2-3 แฉก กลีบดอกมี 5 กลีบ รูปไข่ยาว ประมาณ 1 เซนติเมตร ด้านนอกมีขน เกสรตัวผู้มี 3 อัน ก้านเกสรเล็กยาวกว่ากลีบดอกเล็กน้อย เกสรตัวผู้ฝ่อมี 2 อันเล็ก รังไข่มีขน ฝักรูปบันทัดยาวประมาณ 17 เซนติเมตร ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือตอนกิ่ง |
โนรา
|
เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง รอเลื้อย. ถ้าปลูกกลางแจ้งอาจจะเป็นไม้พุ่ม ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวออกเป็นคู่ ตรงข้ามกัน สีเขียวเข้ม ดอกออกเป็นช่อ ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร สีขาว หรือสีชมพูอ่อน กลีบบนเป็นสีเหลืองมะนาว กลิ่นหอม ดอกจะบานอยู่ ประมาณ 3 วันก็ร่วง แต่จะมีดอกใหม่ทะยอยกันบานตามลำดับ ผลเป็นปึกประกบกันเป็น 3 มุม สีน้ำตาล ออกดอก ประมาณเดือนธันวาคม ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ปักชำหรือตอนกิ่ง |
ปันหยี
|
เป็นไม้เถา เถากลมเกลี้ยงเป็นมัน ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ขนาดกว้างประมาณ 5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร รูปทรงป้อมปลายแหลม โคนป้าน ขอบใบเรียบ สีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างสีอ่อน ก้านใบสั้น ดอกออกเป็นช่อเล็ก ๆ ช่อละ 2-3 ดอก สีขาว ออกตามง่ามใบ มีกลีบเลี้ยงเป็นเส้น ๆ สีเขียวอ่อน โคนดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดเล็ก ๆ ส่วนปลายดอกเป็นกลีบ แยกออกเป็น 8-9 กลีบ เรียงซ้อนกัน ดอกเมื่อบานเต็มที่กว้างประมาณ 7 เซนติเมตร ออกดอกประมาณเดือนมกราคม ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำหรือการตอน |
พวงคราม
|
เป็นไม้เถา กิ่งก้านเรียวเล็ก ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ มีสัณฐานรี กว้างประมาณ 3-7 เซนติเมตร ยาวประมาณ 6-18 เซนติเมตร ปลายแหลมโคนสอบแคบ ขอบใบเรียบ ดอกออกเป็นช่อ ห้อยย้อยตามง่ามใบ สีม่วง หรือ สีม่วงคราม โคนกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 5 แฉก เกสรตัวผู้มี 4 อัน ออกดอกใบฤดูหนาวและแห้งโดยจะทิ้งใบหมด ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่งหรือการตอน |
พวงชมพู
|
เป็นไม้เถาเลื้อยพันโดยอาศัยมือเกาะ ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวเรียงสลับกัน มีสัณฐานรูปไข่ หรือรูป สามเหลี่ยมปลายแหลม โคนใบเป็นรูปหัวใจ ขอบใบเรียบเส้นใบเห็นได้ชัด ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอดหรือตามง่ามใบ ดอกมี 5 กลีบ สีชมพู หรือสีขาว ออกดอกตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและการชำกิ่ง |
|
Update : 15/5/2554
|
|