๑๑ มีนาคม ๒๔๘๔
มีการลงนามกันที่กรุงโตเกียว จากผลการไกล่เกลี่ยของญี่ปุ่นระหว่างไทย
๙ พฤษภาคม ๒๔๘๔
ไทยกับฝรั่งเศส ลงนามในอนุสัญญาสันติภาพ ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส หลังจากยุติกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส ประเทศไทยได้รับดินแดนแคว้นหลวงพระบาง จำปาศักดิ์ แคว้นเขมรบางส่วน ซึ่งรวมทั้งจังหวัดศรีโสภณ และพระตะบอง คืนมา รวมเป็นพื้นที่ทั้งหมดประมาณ ๒๙,๐๓๙ ตารางกิโลเมตร
๙ พฤษภาคม ๒๔๘๔
ไทยกับฝรั่งเศสได้ลงนามในอนุสัญญาสันติภาพระหว่างกันที่กรุงโตเกียว หลังจากที่เกิดกรณีพิพาทอินโดจีน ฝรั่งเศส ระหว่าง ไทยกับฝรั่งเศส ใน ๖ - ๒๘ มกราคม ๒๔๘๔
๙ พฤษภาคม ๒๔๘๔
มีพระบรมราชโองการ ฯ ให้ประกาศยุบตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด แม่ทัพบก แม่ทัพเรือ และแม่ทัพอากาศ ซึ่งตั้งขึ้นในกรณีพิพาทอินโดจีนของฝรั่งเศส
๓๐ พฤษภาคม ๒๔๘๔
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ฯ เสด็จสวรรคต ด้วยพระหทัยพิการ ที่อังกฤษ พระชนมายุได้ ๔๘ พรรษา พระบรมอัฐิของพระองค์ได้อัญเชิญกลับประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๑ (พระราชสมภพ ๙ พฤศจิกายน ๒๔๓๖ สละราชสมบัติ ๒ มีนาคม ๒๔๗๗)
๓ มิถุนายน ๒๔๘๔
ถวายพระเพลิง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ฯ ที่ประเทศอังกฤษ
๒๓ กรกฎาคม ๒๔๘๔
นายควง อภัยวงศ์ นำธงชาติไทยไปชักขึ้นที่เสาธงเมืองพระตะบอง กัมพูชา
๒๘ กรกฎาคม ๒๔๘๔
ตราพระราชบัญญัติโรคไข้จับสั่น
๑ สิงหาคม ๒๔๘๔
ฝรั่งเศส ถอนทหารออกจากดินแดน พระตระบอง จำปาสัก ดินแดนที่มอบให้ไทยตามสัญญาสันติภาพ
๑๐ กันยายน ๒๔๘๔
ตั้งภาคการปกครอง แบ่งพื้นที่ออกเป็น ๕ ภาค โดยรวมจังหวัดต่าง ๆ เป็นหน่วยงาน เรียกว่า "ภาค" ดังนี้
ภาคที่ ๑ ตั้งที่จังหวัดพระนคร มี ๒๐ จังหวัด
ภาคที่ ๒ ตั้งที่จังหวัดปราจีนบุรี มี ๑๐ จังหวัด
ภาคที่ ๓ ตั้งที่จังหวัดนครราชสีมา มี ๑๕ จังหวัด
ภาคที่ ๔ ตั้งที่จังหวัดสงขลา มี ๑๔ จังหวัด
ภาคที่ ๕ ตั้งที่จังหวัดลำปาง มี ๑๕ จังหวัด
๓๐ กันยายน ๒๔๘๔
หลังจากยุติกรณีพิพาทอินโดจีนของฝรั่งเศส สงครามเรียกร้องดินแดนคืน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๓ – ๒๔๘๔ มีการปักปันเส้นเขตแดนใหม่ ระหว่างไทยกับอินโดจีนของฝรั่งเศส ทำให้ไทยได้เกาะต่าง ๆ ในลำน้ำโขง ๗๗ เกาะ และดินแดนในเขมรบางส่วนกลับคืนมาเป็นของไทย
๑๒ พฤศจิกายน ๒๔๘๔
ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง จอมพล หลวงพิบูลสงคราม (แปลก พิบูลสงคราม) เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้มีอำนาจสิทธิขาด บังคับบัญชาแม่ทัพบก แม่ทัพเรือ แม่ทัพอากาศ และแต่งตั้งข้าราชการได้ตามที่ท่านเห็นสมควร
๒ ธันวาคม ๒๔๘๔
มีพิธีลงนามกติกาสัญญาพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น
๗ ธันวาคม ๒๔๘๔
รัฐบาลญี่ปุ่นยื่นคำขาดต่อ ดร.ดิเรก ชัยนาม รัฐมนตรีต่างประเทศ ขอให้ทหารญี่ปุ่นเดินทัพผ่านประเทศไทยเป็นการด่วน เพื่อจะส่งกำลังไปโจนตีพม่าและสิงคโปร์
๗ ธันวาคม ๒๔๘๔
กองพลรักษาพระองค์ของกองทัพญี่ปุ่นยกกำลังเข้าสู่ประเทศไทยทางบกทางด้านอรัญประเทศ และทางเรือได้ยกพลขึ้นบกที่บางปู จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเข้ายึดกรุงเทพ ฯ
๘ ธันวาคม ๒๔๘๔
ญี่ปุ่นบุกรุกไทยในสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยยกพลขึ้นบกทางภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลาและปัตตานี โดยมีอีกส่วนหนึ่งขึ้นบกที่ทางจังหวัดสมุทรปราการ
๘ ธันวาคม ๒๔๘๔
คณะรัฐมนตรี มีมติให้นำข้อตกลงระหว่างผู้แทนฝ่ายไทยและญี่ปุ่น ให้ทหารญี่ปุ่นผ่านดินแดนของประเทศไทยไปได้
๘ ธันวาคม ๒๔๘๔
กองทหารญี่ปุ่น บุกเข้าสู่ประเทศไทยทางด้านอรัญประเทศ จังหวัดปราจีนบุรี และยกพลขึ้นบกในเขตจังหวัดชายทะเลภาคใต้ของไทยทาง ด้านอ่าวไทย รวม ๗ จังหวัด คือ สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี ทหาร ตำรวจ ยุวชนทหาร และประชาชนได้ร่วมกันต่อสู้ต้านทานอย่างแข็งขัน แต่ในที่สุดรัฐบาลไทยต้องยอมให้กองทัพญี่ปุ่นเดินทัพผ่านประเทศไทยได้
๑๐ ธันวาคม ๒๔๘๔
เปิดธนาคารแห่งประเทศไทย ณ อาคารที่ทำการของธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ จำกัด ถนนสี่พระยา โดยการเช่าสถานที่จากธนาคารดังกล่าว ต่อมาจึงย้ายเข้าสู่วังบางขุนพรหม เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๘
๑๔ ธันวาคม ๒๔๘๔
ได้มีการลงนามตามหลักการยุทธร่วมระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ในสงครามมหาอาเชียบูรพา กำหนดให้ต่างฝ่ายต่างทำการยุทธในด้านของตน ถ้ามีความจำเป็นกองทัพอากาศยี่ปุ่นจะปฏิบัติการร่วมรบกับกองทัพอากาศไทยด้วย
๑๙ ธันวาคม ๒๔๘๔
กำหนดเครื่องหมายชั้นของข้าราชการนพลเรือนที่อินธนู ตั้งแต่ชั้นรัฐมนตรี ชั้นพิเศษ ชั้นเอก ชั้นโท ชั้นตรี ชั้นจัตวา
๒๐ ธันวาคม ๒๔๘๔
ไทยและญี่ปุ่นได้ลงนามเป็นพันธมิตรในกติกาสัญญาพันธไมตรีระหว่างประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่นได้กระทำพิธี ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ลงนามแทนในนามรัฐบาลไทย และนายทสุโบกามิ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ลงนามแทนในนามรัฐบาลญี่ปุ่น
๒๓ ธันวาคม ๒๔๘๔
ประกาศสนธิสัญญาระหว่าง ไทย - ญี่ปุ่น เรื่องสัมพันธไมตรี และบูรณภาพอาณาเขตแห่งกันและกัน
๒๔ มกราคม ๒๔๘๕
กรุงเทพ ฯ ถูกโจมตีทางอากาศอย่างหนัก ลูกระเบิดถูกมุขด้านเหนือของพระที่นั่งอนันตสมาคมพังลงมา เป็นการโจมตีทิ้งระเบิดครั้งแรกของฝ่ายพันธมิตรต่อประเทศไทย
๒๕ มกราคม ๒๔๘๕
รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ประกาศสงครามกับอังกฤษ (บริเตนใหญ่) และสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ในสงครามโลกครั้งที่สอง ด้วยเหตุผลว่าฝ่ายอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ได้ทำการรุกรานประเทศไทย โดยส่งทหารรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย ส่งเครื่องบินเข้ามาทิ้งระเบิด เป็นการระเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและมนุษยธรรม รัฐบาลอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกาศสงครามกับประเทศทั้งสอง ตั้งแต่เวลาเที่ยงของวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๔๘๕ เป็นต้นไป
๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๕
ได้มีการลงนามในกิจที่เกี่ยวกับการยุทธร่วมกัน ระหว่างไทย กับญี่ปุ่น โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทย กับแม่ทัพกองทัพที่ ๑๕ ของญี่ปุ่น ในฐานะผู้บัญชาการทหารบกญี่ปุ่นในไทย ร่วมกับผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือญี่ปุ่น ในฐานะผู้แทนจักรพรรดินาวีญี่ปุ่น
๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๕
ประเทศอังกฤษได้ประกาศสงครามกับไทย ในสงครามโลกครั้งที่สอง โดยให้ถือว่ามีสถานะสงครามกับไทย ตั้งแต่ ๒๕มกราคม ๒๔๘๕ และได้โทรเลขถึงข้าหลวงใหญ่อังกฤษประจำประเทศคานาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแอฟริกาใต้ แสดงความหวังว่าประเทศในเครือจักรภพจะดำเนินการอย่างเดียวกัน
๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๕
รัฐบาลแอฟริกาได้ประกาศสถานะสงครามกับไทย โดยมีผลตั้งแต่ ๒๕ มกราคม ๒๔๘๕ แต่รัฐบาลไทยประกาศไม่รับรู้ประกาศดังกล่าว เนื่องจากไม่มีเหตุผลอย่างใดที่จะก่อให้เกิดสงครามระหว่างกัน
๒ มีนาคม ๒๔๘๕
ออสเตรเลียประกาศสถานะสงครามกับไทย ตามความต้องการของอังกฤษ แต่รัฐบาลไทยประกาศไม่รับรู้ประกาศดังกล่าว เนื่องจากไม่มีเหตุผลอย่างใดที่จะก่อให้เกิดสงครามระหว่างกัน
๑๖ มีนาคม ๒๔๘๕
นิวซีแลนด์ประกาศสถานะสงครามกับไทย โดยให้มีผลตั้งแต่ ๒๕ มกราคม ๒๔๘๕ แต่รัฐบาลไทยประกาศไม่รับรู้ประกาศดังกล่าว เนื่องจากไม่มีเหตุผลอย่างใดที่จะก่อให้เกิดสงครามระหว่างกัน
๑๐ พฤษภาคม ๒๔๘๕
กองทัพพายัพเริ่มเคลื่อนกำลังเข้าสู่สหรัฐไทยเดิม และได้ปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายสำเร็จลุล่วงไปตามลำดับ จนไปถึงชายแดนพม่า – จีน และได้ถอนตัวกลับหลังจากปฏิบัติการอยู่ได้ ๘ เดือน เศษ
๑๓ พฤษภาคม ๒๔๘๕
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาอานันทมหิดล มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ยกเลิกบรรดาศักดิ์ และการใช้ราชทินนาม
๒๖ พฤษภาคม ๒๔๘๕
กองพลที่ ๓ ของกองทัพพายัพยึดเมืองเชียงตุง อันเป็นเมืองหลวงของสหรัฐไทยเดิมได้ในสงครามมหาเอเซียบูรพา
๒๗ มีนาคม ๒๔๘๕
ประกอบพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณศาลาแดง กรุงเทพ ฯ ๒๑ ธันวาคม ๒๔๘๔
กองบัญชาการทหารสูงสุด ได้จัดตั้งกองทัพพายัพขึ้นมี พลโท หลวงจรูญ เริงฤทธิ์ (จรูญ รัตนกุลเสรี เริงฤทธิ์) เป็นแม่ทัพ ประกอบด้วยกองพลทหารราบ ๓ กองพล (กองพลที่ ๒,๓ และ ๔) และกองพลทหารม้า ๑ กองพล เพื่อเข้าปฏิบัติการในดินแดนสหรัฐไทยเดิม ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของประเทศไทย โดยสนธิกำลังจากหน่วยต่าง ๆ ทั่วประเทศ ตามคำร้องขอของกองทัพญี่ปุ่น ที่ต้องการให้ไทยส่งทหารไปร่วมรบกับญี่ปุ่นในพม่า โดยแบ่งมอบพื้นที่รับผิดชอบดังกล่าว เพื่อป้องกันปีกขวาของกองทัพญี่ปุ่นเข้าสู่พม่า