๖ มีนาคม ๒๔๑๓
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จ ฯ สิงคโปร์ ชวา โดยเรือพิทยัมรณยุทธ ออกจากกรุงเทพ ฯ วันนี้
๙ มีนาคม ๒๔๑๓
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จประพาสน์เมืองสิงคโปร์ ปัตตาเวีย และเกาะชวา โดยเรือพระที่นั่งพิทยัมรณยุทธ เพื่อทอดพระเนตรกิจการบ้านเมือง ตลอดจนขนมธรรมเนียม และประเพณีของต่างชาติ เป็นเวลา ๔๗ วัน และเสด็จกลับเมื่อ ๑๕ เมษายน ๒๔๑๔
พ.ศ.๒๔๑๔
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จประพาสอินเดียและพม่า
๑๘ มีนาคม ๒๔๑๔
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จประพาสอินเดียเป็นครั้งแรก โดยเรือพระที่นั่งบางกอก มีเรือรบตามเสด็จ ๒ ลำ
๑๕ เมษายน ๒๔๑๔
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จนิวัติประเทศไทย หลังจากเสด็จประพาสต่างประเทศครั้งแรกคือ สิงค์โปร์และชวา ระหว่าง ๙ มีนาคม ๒๔๑๓ ถึง ๑๕ เมษายน ๒๔๑๔ หลังจากเสด็จประพาสได้โปรดเกล้า ฯ ให้มีการแก้ไขวัฒนธรรมการแต่งกาย โดยประยุกต์ของเดิมและของใหม่เข้าด้วยกัน
๒๒ มิถุนายน ๒๔๑๕
วันมรณะภาพสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) เวลา ๒๔.๐๐ น. บนศาลาใหญ่ วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม (เกิด ๑๗ เมษายน ๒๓๓๑)
๒๓ กรกฎาคม ๒๔๑๕
เรือรบสหรัฐ ฯ เดินทางถึงกรุงเทพ ฯ นำสาส์นของประธานาธิบดี แอนดรูว์ จอห์นสัน ถวาย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ
๓๐ สิงหาคม ๒๔๑๕
จีนแห่จ้าวมาจากสำเพ็ง มายังวัดมหรรณพ์ ตั้งศาลจ้าวใหม่ คือ ศาลเจ้าพ่อเสือ
๕ กันยายน ๒๔๑๕
ตั้งห้างแรมเซเวกฟิลด์ ที่ตึกกรมประชาสัมพันธ์หลังเก่า ต่อมาเป็นห้างแบดแมน เป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรก
๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๑๕
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ขึ้นเถลิงราชย์สมบัติ ขณะพระชนม์ ๑๕ พรรษา มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรก แต่เนื่องจากพระองค์ยังไม่บรรลุนิติภาวะ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งขณะนั้นมีบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ จึงรับหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน จนกว่าพระองค์ทรงบรรลุนิติภาวะ
๓๐ มีนาคม ๒๔๑๕
ไทยเสียรัฐกลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี ปลิส แก่อังกฤษ
พ.ศ.๒๔๑๖
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้นายทหารกรมมหาดเล็ก มีตำแหน่งเป็นนายทหารราชองค์รักษ์พิเศษ
๒๑ มิถุนายน ๒๔๑๖
เกิดอหิวาตกโรคในพระนคร ระบาดอยู่ ๓๐ วัน คนตายมาก
๒๒ มิถุนายน ๒๔๑๖
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้เปลี่ยนธรรมเนียมหมอบคลานเข้าเฝ้าเป็น ยืนเฝ้า
๒๖ กันยายน ๒๔๑๖
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงผนวช นับเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรก ในพระราชวงศ์จักรี ที่ทรงผนวชเมื่อเสวยราชย์
๙ ตุลาคม ๒๔๑๖
วันทรงลาผนวช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงผนวช เมื่อ ๒๖ กันยายน ๒๔๑๖
๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๑๖
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงจัดให้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอีกครั้ง เมื่อพระองค์ทรงบรรลุพระราชนิติภาวะแล้ว และทรงผนวชเป็นพระภิกษุ เป็นเวลา ๒ สัปดาห์ นับจากนั้นมาก็ทรงพระราชอำนาจเด็ดขาด ในการบริหารราชการแผ่นดิน
๘ พฤษภาคม ๒๔๑๗
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งคณะรัฐมนตรีชุดแรกของไทยขึ้นบริหารประเทศ เรียกการบริหารงานของรัฐมนตรีชุดนี้ว่า สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน (Council of State) ต่อมาในเดือนมิถุนายน ก็ได้ทรงแต่ตั้ง สภาที่ปรึกษาในพระองค์ ( Privy Council ) ขึ้นตามแบบอย่างประเทศในอังกฤษ มีหน้าที่ให้คำแนะนำพระมหากษัตริย์ อังกฤษ ทรงแบ่งส่วนราชการออกเป็น ๑๒ กระทรวง คือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงท่า กระทรวงวัง กระทรวงเมือง กระทรวงนา กระทรวงพระคลัง กระทรวงยุติธรรม กระทรวงยุทธนาธิการ กระทรวงธรรมการ กระทรวงโยธาธิการ และกระทรวง.....ธิการ
๑๗ พฤษภาคม ๒๔๑๗
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้พิมพ์หนังสือราชกิจจานุเบกษา (พ.ศ.๒๔๑๗) ซึ่งเคยพิมพ์ครั้งแรกในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ พ.ศ.๒๔๐๑
๑๒ กรกฎาคม ๒๔๑๗
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงมีพระราชปรารภในสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน เรื่องการเลิกทาส ซึ่งเป็นต้นกำเนิดในการตากฎหมายและการดำเนินการต่าง ๆ ในการเลิกทาส การเลิกทาสนี้ใช้เวลานานถึง ๓๐ ปี
๑๕ สิงหาคม ๒๔๑๗
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน
๑๖ สิงหาคม ๒๔๑๗
ประกาศตราตระกูลสำหรับพระราชวงศ์ คือ ตราจุลจอมเกล้า มี ๓๕๑ ดวง
๑๔ เมษายน ๒๔๑๘
ตั้งกระทรวงการต่างประเทศ โดยแยกออกมาจากกระทรวงพระคลัง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ
๖ กรกฎาคม ๒๔๑๘
ประกาศให้เปิดโรงเรียนทั่วราชอาณาจักร ตามวัดทั่วประเทศ มีพระและคฤหัสถ์เป็นครูอย่างน้อย ๕ คน เงินเดือน ๆ ละ ๖ บาท สมัยนั้นไม่ทราบจำนวนวัด เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ มี ๑๓,๐๖๕ วัด พ.ศ. ๒๔๘๐ มี ๑๗,๖๕๐ วัด พ.ศ. ๒๕๒๔ มี ๓๑,๑๘๗ วัด พ.ศ. ๒๕๒๗ มีโรงเรียนประถม ๓๐,๗๒๔ โรงเรียน
เมืองไทยเริ่มการศึกษาทั่วประเทศหลังญี่ปุ่น ๓ ปีเท่านั้น ญี่ปุ่นจัดการศึกษาทั่วประเทศ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๕
๑๗ พฤษภาคม ๒๔๑๙
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จก่อพระฤกษ์พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
๕ กันยายน ๒๔๑๙
ตั้งหอมิวเซี่ยม (พิพิธภัณฑ์) ที่ศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง ให้ทหารมหาดเล็กรับผิดชอบ
๗ พฤศจิกายน ๒๔๑๙
วันประสูติ จอมพล พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ฯ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช โอรสรัชกาลที่ ๕ ได้ไปศึกษาชั้นต้นที่อังกฤษ และศึกษาวิชาการทหารที่เดนมาร์ก ได้ทรงวางรากฐานในกิจการทหารและกองทัพบกมาก เช่น ตราพระราชบัญญัติลักษณะเกณฑ์ทหาร ลักษณะจัดทหาร วิธีฝึกทหาร เป็นต้น
พ.ศ.๒๔๒๐
ได้มีการตรา พระราชบัญญัติ ข้อบังคับ สำหรับกรมทหารมหาดเล็กขึ้นเพื่อจัดหน่วยให้เป็นไปอย่างมีระเบียบและมีประสิทธิภาพ
๑๙ เมษายน ๒๔๒๑
เริ่มปักเสาโทรเลขต้นแรก ในจำนวน ๗๒๑ ต้น ระยะทาง ๔๕ กม. เป็นการสร้างสายโทรเลขจากกรุงเทพ ฯ ถึงสมุทรปราการ เป็นสายแรก
๑๑ มิถุนายน ๒๔๒๑
พระศรีวิชัย (ครูบาศรีวิไชย) พระภิกษุผู้มีชื่อเสียงแห่งลานนาไทย เกิดที่บ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เป็นพระภิกษุนักบุญ ผู้สร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ เมืองเชียงใหม่ โดยแรงศรัทธา ใช้เวลาเพียง ๕ เดือน พระศรีวิไชย มรณะภาพ เมื่อ ๒๒ มีนาคม ๒๔๘๑
๙ กันยายน ๒๔๒๑
กำหนดมาตราฐานการตวงข้าว ๑ เกวียนเท่ากับ ๑๐๐ ถัง แต่ก่อนถือ ๒๒ หาบ เป็น ๑ เกวียน
๘ กรกฎาคม ๒๔๒๒
สมโภชพระที่นั่งวโรภาสพิมาน ที่บางปะอิน พระราชวังบางปะอิน เริ่มสร้าง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๕ เสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๙ เคยเป็นที่รับรองแกรนด์ดุ๊ก ซาร์วิตส์ แห่งรัสเซีย เมื่อ ๒๒ มีนาคม ๒๔๓๓ เป็นเวลา ๔ วัน
๑ พฤษภาคม ๒๔๒๓
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ได้เปลี่ยนธรรมเนียมออพฟิศใหม่ใช้ยืนและนั่งเก้าอี้แบบฝรั่ง เป็นการเปลี่ยนธรรมเนียมให้คล้อยตามอารยะประเทศ
๒๐ พฤษภาคม ๒๔๒๓
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ใช้ธนบัตรสยาม เป็นครั้งแรก เรียกว่า อัฐกระดาษ
๑๙ ธันวาคม ๒๔๒๓
วันประสูติ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (สิ้นพระชนม์เมื่อ ๑๙ พฤษภาคม ๒๔๖๖)
๑ มกราคม ๒๔๒๓
วันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ทรงพระนามว่า สมเด็จเจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ พระองค์ได้รับสมัญญานามว่า "สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า"
๑๖ มีนาคม ๒๔๒๓
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พรราชทานเพลิงศพ สมเด็จรพระนางเจ้าสุนันทากุมานีรัตน์ พระบรมราชเทวี (พระนางเรือล่ม)
พ.ศ.๒๔๒๔
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ที่ตำหนักสวนกุหลาบ เพื่อฝึกและผลิตนายร้อยและนายสิบให้แก่กรมทหารมหาดเล็ก
พ.ศ.๒๔๒๔
ราชทูตไทยคนแรก ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ไปประจำประเทศในยุโรป คือพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ (เวลานั้นทรงเป็นหม่อมเจ้า) ทรงทำหน้าที่ราชทูตไทยประจำกว่า ๑๐ ประเทศในยุโรป รวมทั้งสหรัฐอเมริกาด้วย โดยมีสำนักงานอยู่ที่สถานทูตในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
๔ สิงหาคม ๒๔๒๔
ดวงตราไปรษณียากร ได้นำออกจำหน่ายครั้งแรก มีอยู่ ๕ ชนิด ตั้งแต่ราคา ๑ โสฬส จนถึง 1 สลึง และยังมีไปรษณียบัตร ราคา ๑ อัฐ อีกด้วย
พ.ศ.๒๔๒๕
ได้มีการตรา พระราบัญญัติทหาร หลายฉบับ ให้มีการรับสมัครทหาร