|
|
โหราศาสตร์ไทย 8
ตำรายามสามตา
ท่านท้าวตรีเนตร เล็งญาณทราบเหตุ แต่ยามสามตา คือยามทิพยยนต์ ยามนี้วิเศษ ท่านท้าวเทเวศน์ หยั่งรู้เหตุผล ผู้ใดได้พบ ยามเจ้าจุมพล อาจเข้าใจคน รู้ทุกประการ
เดือนแรมบ่ ผิด ให้นับ อาทิตย์ มาหาอังคาร เวียนไปตามค่ำ แล้วจึงนับยาม ชอบเวลางาม จึงทายอย่าคลาด
ถ้าเดือนขึ้นไซร้ นับอาทิตย์ไปหาจันทกลา นับตามค่ำแล้ว จึงนับยามมาให้ชอบเวลา แม่นแล้วจึงทาย
กำลังอังคาร ท่านท้าวมัฆวาน บอกไว้โดยหมาย จันทร์ปลอดมัธยม นิคมอุบาย ยามเจ้าฤาสาย เที่ยงแท้สัตย์จริง
อาทิตย์ คือสีใส กำหนดลงไว้ อย่าได้ยุ่งยิ่ง ตรองให้เห็นเงื่อน อย่าเชือนประวิง ถูกแน่แท้จริง อย่ากริ่งสงสัย
ถ้าดูสู้กัน เล็งดูยามนั้น จะเป็นฉันใด ถ้ากำอยู่หลัง เบื้องหน้ายามใส ว่าเขาจักได้ เราแพ้เสียตน
ถ้ากำอยู่หน้า ยามใสโสภา อยู่หลังเป็นต้น เขาพ่ายแพ้กุมเอา
ถ้าข้าศึกมา ถ้ากำอยู่หน้า ศึกมาถึงเรา ถ้าใสอยู่หน้า มาแล้วกลับเล่า หน้าปลอดจักเปล่า ถ้าเจ็บอย่าฟัง
คนมากเท่าใด ถ้าหน้ากำไซร้ คนมากโดยหวัง ถ้าว่าหน้าใส คนน้อยอย่าฟัง ถ้าปลอดอย่าหวัง หาไม่สักคน
คนหาญหรือขลาด หน้ากำสามารถ เรี่ยวแรงแสนกล หน้าใสพอดี บ่มีฤทธิรน หน้าปลอดอำพน ว่าชายเหมือนหญิง
ถืออันใดมา หน้ากำโสกา คือศาสตราจริง หน้าใสถือไม้ มาได้สักสิ่ง หน้าปลอดประวิง ว่าเดินเปล่ามา
ว่าสูงหรือต่ำ หน้ากำควรจำ ว่าสูงโสภา หน้าใสปานกลาง ปลอดต่ำ หนักหนา ทายตามเวลา ยามเจ้าไตรตรึงส์
ว่างามมิงาม หน้ากำอย่าขาม ว่างามบ่ถึง หน้าใสงามนัก หน้าปลอดพอถึง ยามเจ้าไตรตรึงส์
ว่าหนุ่มหรือแก่ หน้ากำนั้นแล ว่าแก่ชรา หน้าใสกลางคน ปลอดเด็กหนักหนา ประคินเวลา แม่นแล้วจึงทาย
คนผอม หรือพี หน้ากำหมองศรี ว่าพีพ่วงกาย หน้าใสพอดี ฉวีเฉิดฉาย หน้าปลอดเร่งทาย ว่าผอมเสียศรี
ดำแดงหรือขาว หน้ากำควรกล่าว ว่าดำอัปรีย์ หน้าใสดำแดง เป็นแสงมีศรี หน้าปลอดขาวดี เที่ยงแท้โดยถวิล
ต้นลงหรือปลายลง หน้ากำเร่งทาย ว่าปลายลงดิน หน้าใสปลายขึ้น ต้นลงอาจิณ หน้าปลอดเร่งถวิล ว่านอนราบลง
สุกหรือดิบห่าม หน้ากำอย่าขาม ว่าสุกโดยตรง หน้าใสห่ามแท้ ทายแต่โดยตรง หน้าปลอดเร่งปลง ว่าดิบหนักหนา
ว่าหญิงหรือชาย หนำกำเร่งทาย ว่าชายละนา หน้าใสบัณฑิต พึงพิศโสภา หน้าปลอดทายว่า เป็นหญิงโสภาโดยหมาย
เต็มหรือพร่องแห้ง หน้ากำควรแถลง ว่าเต็มบ่มิคลา หน้าใสมิเต็ม งวดเข้มจงทาย หน้าปลอดกลับกลาย ว่าแห้งห่อนมี
ขุนนางหรือไพร่ หน้ากำควรไข ว่าคุณมีส หน้าใสโสภา วาสนาพอดี หน้าปลอดกาลี เข็ญใจหนักหนา
ไข้เป็นหรือตาย หน้ากำเร่งทาย ว่าตาย บ่ คลา หน้าใสว่าไข้ ลำบากหนักหนา หน้าปลอดทายว่า ไข้นั้น บ่ ตาย
ท่านรักหรือชัง หน้ากำท่านหวัง รักดังลูกชาย หน้าใสมิรักมิชังโดยหมาย หน้าปลอดเร่งทาย ว่าชังหนักหนา
หน้าจืดหรือหวาน หน้ากำเปรียบปาน น้ำตาลโอชา หน้าใสรสหวาน ประมาณรสา หน้าปลอดทายว่า จืดชืดมิดี
หน้าขม หรือเฝื่อนฝาด หน้ากำสามารถ ว่าขมแสนทวี หน้าใสทายว่า ฝาดนักมิดี หน้าปลอดตรงที่ ว่าจืดจริงนา
ว่าอยู่ หรือไป ถ้าหน้ากำไซร้ ว่าไป บ่ ช้า หน้าใสแม้นไป กลางทางกลับมา หน้าปลอดทายว่า ว่าแต่จะไป
สี่ตีนหรือสอง หน้ากำควรสนอง ว่าสีตีนแท้ หน้าใสสองตีน ประคีนจงแน่ หน้าปลอดจงแก้ว่าตีน บ่ มี
แม้นดูของหาย หน้ากำเร่งทาย ว่าได้บัดนี้ หน้าใสแม้นได้ ช้าเจียนขวบปี หน้าปลอดหน่ายหนี บ่ ได้เลยนา
แม้นดูปลูกเรือน นับยามอย่าเชือน เร่งทายอย่าคลา แม้กำอยู่หลัง ยามใสอยู่หน้า ว่าดีหนักหนา ถาวรมีศรี หน้ากำนำพา คือ กำอยู่หน้า ท่านว่ามิดี แม่เรือนจะตาย วอดวายเป็นผี หน้าปลอดมิดี บอกให้รู้นา
ว่าคว่ำหรือหงาย หน้ากำเร่งทาย ว่าคว่ำ บ่ คลา หน้าใสหงายแท้ นอนแผ่อยู่นา หน้าปลอดทายว่า คะแคงแฝงตน
ยามนี้วิเศษ ท่านท้าวตรีเนตร หยั่งรู้เหตุผล คือเนตรท่านเอง แลเล็งทิพยยนต์ สมเด็จจุมพล ให้ไว้เราทาย
ผู้ใดได้พบ ยามเจ้าไตรภพ ร่ำเรียนกฎหมาย เดือนขึ้นเดือนลง วันคืนเช้าสาย ให้แม่นแล้วทายอย่าคลาดเวลา
พระอาทิตย์ฤทธิไกร คือเนตรท้าวไท ท่านท้าวพันตา อยู่ตรวนลาด พระบาทภูวนา ดูงามหนักหนา รุ่งเรืองเฉิดฉัน
ครั้นจักมีเหตุ ร้อนอาสน์ตรีเนตร ตรึกเหตุด้วยพลัน เล็งแลทั่วโลก ทุกทิศหฤหรรษ์ พระองค์ทรงธรรม์ เล็งตาทิพย์พราย
ท่านให้นับยาม ครั้นรุ่งอร่าม สวยงามแก่งาย แม้ตะวันเที่ยง เฉวียงวันฉาย สายบ่ายแล้ว บ่ คลาย ฝ่ายค่ำสุริยัน
ค่ำเฒ่าเข้านอน เด็กหลับกลับผ่อน ให้นอนเงียบพลัน เที่ยงคืนยามสาม ล่วงเข้าไก่ขัน ใกล้สุริยัน สุวรรณเรืองรอง
ตำรานี้นะ ของท่านคุณพระ ครูเทพจอมทอง มาให้สมุห์วาสน์ สามารถท่องจำ ไว้สืบสนอง บทเบื้องต่อบรรพ์
ข้าพระสมุห์ คิดอ่านทำนุ บำรุงเสกสรร เป็นกลอนกาพย์สาส์น วิลาสนี้พลัน ยี่สิบแปดบรรพ์ เป็นฉันท์บรรยาย
ยามสามตาอีกตำราหนึ่ง
เมื่อจะดูยามสามตานี้ ถ้าเดือนข้างขึ้น ให้นับแต่อาทิตย์มาหาจันทร์ ถ้าเดือนข้างแรม ให้นับแต่จันทร์มาหาอังคาร เมื่อได้เศษเท่าใดแล้ว ให้ทายตามเศษนั้น ๆ ดังนี้
ถ้าดูของหาย ถ้าเศษ ๑ คนในเรือนเอาไปซ่อนไว้ ให้หาจงดี ถ้าเศษ ๒ คนมาสำนักอาศัย ลักไปซ่อนไว้หนบูรพา แลทักษิณ จะมีพี้น้องเอามาคืนให้ ถ้าเศษ ๓ ของนั้นอยู่ทิศประจิม และพายัพ จะได้คืนแล
ถ้าเขาถามว่า ผู้ลักไปนั้นหญิงหรือชาย ถ้าเศษ ๑ ว่าผู้หญิงเรือนเดียวกัน ลักไปซ่อนไว้ แทบฝั่งน้ำ และประตูใหญ่ ถ้าเศษ ๒ ทายว่า ผู้ชายบัณฑิตลักไปไว้แทบประตู เศษ ๓ ผู้ใหญ่ต่างเรือนลักไป แล
ถ้าดูตาย ถ้าเศษ ๑ ว่ามิตาย มีผู้เลี้ยงรักษา ถ้าเศษ ๒ มิเป็นไร มีผู้จะเลี้ยงรักษา แต่ว่าจะได้ลำบาก ถ้าเศษ ๓ ว่าตายจริง แล
ถ้าถามว่าศึกจะมาหรือไม่ ถ้าเศษ ๑ ว่ามิมา ถ้าเศษ ๒ มาถึงครึ่งทาง ถ้าเศษ ๓ จะมาถึงพลัน แล
ถ้าถามว่าผู้ใดจะมา ถ้าเศษ ๑ ตัวพระยามาเอง ถ้าเศษ ๒ มาแต่เสนาผู้ใหญ่ มากึ่งหนทางแล้วกลับไป ถ้าเศษ ๓ มาแต่นายทหารผู้ใหญ่ แล
ถ้าถามว่ามาถึงวันใด ถ้าเศษ ๑ มาถึงวันนี้ ถ้าเศษ ๔,๕,๖,๗ ไม่มา ถ้าเศษ ๒ จะมาถึงใน ๑-๒ วัน ถ้าเศษ ๓ มามิมาเท่ากัน แล
ถ้าถามว่าแพ้หรือชนะ ถ้าเศษ ๑ หนีเรา ถ้าเศษ ๒ แรงเท่ากับ ถ้าเศษ ๓ เขามาแรงกว่าเรา ตั้งทัพอยู่ทิศพายัพ สองวันจึงจะชนะ แล
ถ้าถามว่าไปทัพ จะได้รบหรือไม่ได้รบ ถ้าเศษ ๑ มิได้รบ ถ้าเศษ ๒ ได้รบสักหน่อยหนึ่ง ถ้าเศษ ๓ ตั้งทัพรบ แล
ถ้าถามว่าจะได้หรือไม่ได้ ถ้าเศษ ๑ ว่าจะได้ต้นทาง จะเอาได้หลาย ถ้าเศษ ๒ ว่ามิได้ ถ้าเศษ ๓ จะได้ภายนอกเมือง แล
ถ้าถามว่าจะได้เชลยหรือมิได้ ถ้าเศษ ๑ ว่าจะได้ ถ้าเศษ ๒ ได้แต่มนตรี และนางเทวี ถ้าเศษ ๓ จะได้ขุนนางผู้ใหญ่ แล
ถ้าถามว่ามีที่ไปจะมาช้าหรือมาเร็ว ถ้าเศษ ๑ ว่ายังมิมา ถ้าเศษ ๒ เพิ่งจะมา ถ้าเศษ ๓ มาถึงในเดี๋ยวนี้ ถ้าวันนี้ไม่มาอีก ๓ วันหรือ ๗ วัน จะมา แล
ถ้าถามว่าจะไปบกหรือไปเรือดี ถ้าเศษ ๑ ไปบกดี ถ้าเศษ ๒ ไปเรือแต่พอคุ้มตัว ถ้าเศษ ๓ ไปบกมีลาภสองประการ แต่ไม่มีลาภต่อหน้า แล
ถ้าถามว่าไปรบโจรจะแพ้หรือชนะ ถ้าเศษ ๑ ว่าเราชนะ ถ้าเศษ ๒ แรงเท่ากัน ถ้าเศษ ๓ โจรแรงกว่าเรา แล
ตำราพิชัยสงคราม
เป็นตำราพิชัยสงคราม แบบยุทธอาภรณ์ ตามตำนานเล่าสืบกันมาว่า ในสมัยพุทธกาล พระเจ้าปเสนทิโกศล ทำสงครามกับพระเจ้าอชาติศัตรู อำมาตย์ของพระเจ้าปเสนทิโกศล ได้ฟังการสนทนาของพระติสสภิกษุ กับบรรดาพระเถระทั้งหลาย ในเรื่องนี้ จึงได้นำความไปกราบทูลพระเจ้าปเสนทิโกศล พระองค์จึงได้ตั้งเป็นตำราตั้งแต่นั้นมา ว่าดังนี้
สิทธิการิยะ ถ้าจะยาตราพยุหโยค ท่านให้พิจารณาดูวันดังนี้
ถ้าวัน ๑ ได้ครุฑนาม ให้ประดับอาภรณ์สีแดง มือถือธนู แล้วเอาน้ำใส่ศีรษะ คอยฟังเสียงปี่และเสียงไก่ขัน เป็นฤกษ์สกุณสังหาร แล้วให้เร่งเบิกพล โห่ร้องเอาชัย
ถ้ายาตราวัน ๒ ได้พยัคฆนาม ให้ประดับอาภรณ์ด้วยสีขาว ถือดาบและเขนเป็นอาวุธ แล้วนอนเสียหน่อยหนึ่ง เอานิมิตรเสียงดุริยดนตรี เป็นสกุณสังหาร เร่งเบิกพล โห่ร้องเอาชัย แล
ถ้ายาตราวัน ๓ ได้สีหนาม ประดับเครื่องอาภรณ์สีชมพู ถือดาบเป็นอาวุธ แล้วกินน้ำอ้อยเสียก่อน เอานิมิตรเสียงสุนัขเห่าหอน เป็นสกุณสังหาร เร่งเบิกพลยาตราทัพ โห่ร้องเอาชัย แล
ถ้ายาตราวัน ๔ ได้สุนัขนาม กินอาหารเสียก่อนแล้วประดับอาภรณ์สีเขียวใบตองอ่อน มือถือดาบ คอยนิมิตรเสียงแตรสังข์ เป็นสกุณสังหาร เร่งเบิกพล โห่ร้องเอาชัย และ
ถ้ายาตราวัน ๕ ได้มุสิกนาม ให้กลั้นใจเอานิ้วกลางกับนิ้วหัวแม่มือ หยิบเอาเถ้ากลางเตาไฟเจิมหน้าเสียก่อน แล้วประดับอาภรณ์สีเมฆสีหมอก มือถือหอกอันคมกล้า เมื่อได้เห็นคิชฌปักษี และนกหมู่ใหญ่บินมา ให้ถือเป็นสกุณสังหาร เร่งเบิกพลโห่ร้องเอาชัย แล
ถ้ายาตราวัน ๖ ได้อัชชนาม ให้ทาเครื่องหอมเสียก่อน แล้วประดับอาภรณ์เลื่อมประภัสสร ถือธนูเป็นอาวุธ คอยนิมิตรเสียงดนตรีขับร้องเป็นสกุณสังหาร เร่งเบิกพลโห่ร้องเอาชัย แล
ถ้ายาตราวัน ๗ ได้นาคนาม ประดับอาภรณ์สีดำ ถืออาวุธต่าง ๆ แล้วให้ทำอาการขึ้งโกรธ คอยดูกา และนกดุเหว่า เป็นสกุณสังหาร เร่งเบิกพลให้โห่ร้องเอาชัย
วัน ๑ ยามจันทร์ กาละไท ตกทิศอุดร ให้ยกเข้าตีข้าศึก ได้เมื่อมโหสถชนะท้าวจุลนี แล
วัน ๑ ยาม ๗ กาละไท ตกทิศอาคเณย์ ให้เขาเป็นฝ่ายรุก เราเป็นฝ่ายรับ ได้เมื่อมโหสถชนะแก่อาจารย์เถวัฏ แล
วัน ๑ ยาม ๓ กาละไท ตกทิศอิสาน ยามนี้เร่งให้ยกเข้าต่อตีข้าศึก ได้เมื่อพระยาโปริสาท จับพระยาสุดโสมได้ ดีนัก แล
วัน ๒ ยาม ๗ กาละไท ตกทิศหรดี ให้ข้าศึกยกมาตีเราก่อนจึงจะตีมีชัย ได้เมื่อพญาราชสีห์จับคชสาร แล
วัน ๒ ยาม ๖ กาละไท ตกทิศอิสาน ให้เร่งรุกรบจะมีชัย ได้เมื่อนางนกไส้ เข้าพญาคชสารได้ ดีนัก แล
วัน ๒ ยาม ๔ กาละไท ตกทิศทักษิณ ให้เร่งยกพลเข้าต่อตีข้าศึก จะมีชัย ได้เมื่อนายพรานโสอุดร ยิงพญาฉัตทันต์ แล
วัน ๓ ยาม ๑ กาละไท ตกทิศทักษิณ ได้เมื่อพระโมคคัลลาน์ ทรมานพญานาคราช ให้เร่งระดมยกเข้าตีเถิด จะมีชัยชนะ แล
วัน ๓ ยาม ๒ กาละไท ตกทิศหรดี ยามนี้ให้ตั้งมั่นไว้ก่อน อย่าได้ออกรบเลย ถ้าขืนยกออกรบ จะแพ้แก่ข้าศึก ได้เมื่อพญามารยามาแย่งรัตนบัลลังก์ แล
วัน ๓ ยาม ๖ กาละไท ตกทิศอุดร ให้เร่งรบเถิด จะมีชัยชนะแล ได้เมื่อพระพุทธเจ้า ชนะพญามาร แล
วัน ๔ ยาม ๗ กาละไท ตกทิศประจิม ให้เร่งรบ จะมีชัยชนะ ได้เมื่อนกหัสดินทร จับคชสารไปกิน แล
วัน ๔ ยาม ๕ กาละไท ตกทิศอิสาน ให้เร่งออกรบ จะมีชัยชนะ ได้เมื่อพญาทรพีฆ่าพ่อ
วัน ๔ ยาม ๓ กาละไท ตกทิศทักษิณ อย่าออกรบ จะเสียแม่ทัพ และนายทหารได้เมื่อทรพาตาย แล
วัน ๕ ยาม ๑ กาละไท ตกทิศบูรพา ให้เร่งรบจะมีชัย ได้เมื่อพระอินทร์มีชัยชนะแก่ท้าวอสูร แล
วัน ๕ ยาม ๗ กาละไท ตกทิศประจิม อย่ายกไป ได้เมื่อนางอัศวมุขีจับเอาพราหมณ์ไปได้ แล
วัน ๕ ยาม ๕ กาละไท ตกทิศอิสาน ยามนี้ให้เร่งรบเถิด ถ้าจะถอยทัพก็ดี แลได้เมื่อสองพ่อลูกหนีนางอัศวมุขีไปได้ แล
วัน ๖ ยาม ๔ กาละไท ตกทิศอิสาน ให้เร่งรบเถิด ถ้าถอยทัพก็ดี แล
วัน ๖ ยาม ๒ กาละไท ตกทิศทักษิณ ดีร้ายเท่ากัน พิเคราะห์ดูให้แน่ ถ้าเห็นดีจึงจะให้ยกเข้าตี ถ้าเห็นร้าย อย่ายกไปเลย ได้เมื่อวิชาธรได้นาง แล
วัน ๖ ยาม ๗ กาละไท ตกทิศพายัพ ได้เมื่อท้าววิเทหราช ได้นางปัญจาลจันที ยามนี้ให้ยกไปตั้งมั่นรอไว้ก่อน ถ้าข้าศึกยกมาก็แพ้เรา แล
วัน ๗ ยาม ๔ กาละไท ตกทิศบูรพา ได้เมื่อพญาฉัตรทันต์ตาย อย่าออกรบเลย
วัน ๗ ยาม ๗ กาละไท ตกทิศอุดร ได้เมื่อห่าลงเมืองไพศาลี ยามนี้ห้ามมิให้ออกรบ จะเสียรี้พล และสรรพอาวุธยุทธภัณฑ์ทั้งปวง แล
ตำราทำนายฝันตามคัมภีร์สารัตถสังคหะ
บุคคลย่อมฝันด้วยเหตุ ๔ ประการ คือ ฝันเห็นด้วยธาตุโขภะ ประการ ๑ ฝันเห็นด้วยเหตุอนุภูติ ประการ ๑ ฝันเห็นด้วยเทวตูปสังหรณ์ ประการ ๑ ฝันเห็นด้วยเหตุ บุพพนิมิต ประการ ๑
ฝันเห็นด้วยธาตุโขภะ คือธาตุอันใดอันหนึ่งในกายกำเริบ ทำให้กายและจิตไม่สบาย ครั้นหลับลงจึงฝันพิกลไปต่าง ๆ ให้สะดุ้งตกใจ ให้เห็นปรากฏประดุจตกจากภูเขา ให้เห็นประดุจดังว่าบุคคลจับเอาตัวซัดขว้างไปในอากาศ ให้เห็นปรากฏประดุจดังว่า พาลมมฤคราชเนื้อแลช้าง และโจรเป็นต้นไล่คุกคาม ให้สะดุ้งตกใจ
ฝันเห็นด้วยเหตุอนุภูติ คือตนได้เสวยซึ่งอารมย์อันใดอันหนึ่งมาก่อน จิตนั้นประหวัดไปถึงอารมณ์นั้น จึงให้ฝัน เป็นต้นว่าได้เห็นได้ฟัง สิ่งใด ๆ ครั้นหลับลงจึงได้ฝันเห็นสิ่งอันนั้น
ฝันเห็นด้วยเหตุเทวตูปสังหรณ์ คือ เทวดาปรารถนาจะให้ประโยชน์ แลมิให้เป็นประโยชน์ ประมวลมาซึ่งอารมณ์ต่าง ๆ จึงดลใจให้ฝัน
ฝันเห็นด้วยเหตุบุพพนิมิต คืออำนาจแห่งกุศล อกุศลเข้าดลใจ ให้ฝันเห็นบุพพนิมิต เพื่อจะให้รู้ว่าดีแลร้าย ดุจหนึ่งพระนางสิริมหามายา ทรงสุบินนิมิตในกาล เมื่อทรงตั้งพระครรภ์พระราชโอรส แลพระมหาบุรุษเจ้าทรงพระสุบินในการที่จะได้ตรัสแก่พระโพธิญาณ และพระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบิน ๑๖ ข้อ เพื่อจักให้รู้จักเหตุอันจักให้ปรากฏไปในอนาคตกาล ฝันดังนี้เป็นลักษณะบุพพนิมิต
ฝันด้วยเหตุโขภะ และอนุภูตนั้นมิได้จริง จะทำนายว่าดีร้ายนั้นไม่ได้ และฝันเห็นด้วยเทวตูปสังหรณ์ ก็จริงบ้างไม่จริงบ้าง บางทีเทวดาปรารถนาเพื่อจะให้เป็นประโยชน์ จึงมาดลใจให้ฝันเช่นนั้นก็มี บางทีเทวดาโกรธปรารถนาจะให้ฉิบหายด้วยอุบายของตน จึงดลใจให้ฝันเช่นนั้นก็มี
ฝันเห็นด้วยเหตุบุพพนิมิต นั้นจริงแท้ บุคคลจะฝันนั้น หลับสนิทก็มิได้ฝัน ตื่นอยู่ก็มิได้ฝัน และฝันนั้นในกาลเมื่อกปินิทรา คือหลับดังหลับวานร หลับ ๆ ตื่น ๆ ไม่หลับสนิท จิตนั้นขึ้นจากภวังค์ แล้ว ๆ เล่า ๆ จึงฝัน อนึ่ง บุคคลฝันในเวลากลางวัน แลปฐมยาม แลมัชฌิมยาม ฝันนั้นมิได้แน่ ถ้าฝันในปัจฉิมยามใกล้รุ่งไปจนถึงเวลาเบิกอรุณ เวลานั้นโอชารสาหาร ที่ตนบริโภคไว้นั้นซาบซ่านไปในกาย แต่งจิตแลกายให้สบายแล้ว แลฝันนั้นจริงเที่ยงแท้ ถ้าฝันดีคงจะได้ดี ถ้าฝันร้าย คงจะได้ร้าย
และลักษณะบุคคลที่ฝันดีนั้น คือฝันว่า ได้พบท้าวมหาพรหม แลพระอินทร์ แลเทพยดา ทำนายว่าเป็นมงคล เป็นความฝันอันประเสริฐ บุคคลนั้นจะกอร์ปไปด้วยความสุขเป็นอันมาก
ตำราทำนายฝัน
ผิว์ฝันวันอาทิตย์ ได้แก่คนทั้งหลาย ฝันวันจันทร์ได้แก่วงศ์ญาติ ฝันวันอังคารได้แก่พ่อแม่พี่น้อง ฝันวันพุธได้แก่บุตรภรรยา ฝันวันพฤหัสบดีได้แก่ครูบาอาจารย์ ฝันวันศุกร์ได้แก่สัตว์เลี้ยง ฝันวันเสาร์ได้แก่ตัวเราเอง
ฝันว่า มูตรคูถนั้นต้องตัว คนเมามัว หนึ่งพบอสุภเน่าพอง จะได้ลาภเนืองนอง ตำหรับกล่าวสนอง กำหนดไว้อย่าได้สงกา
ฝันว่านุ่งห่มภูษา จักสุขเกษมปรีดา ไม่มีใครบุกรุกรานแล
ฝันว่าทอดแหในน่าน หนึ่งตกเบ็ดหาญ หาปลาในท้องนที จะคิดสิ่งใดก็ดี ห่อนคลาดแคล้วศรีสวัสดิ์สมมนัสปอง แล
ฝันว่านาคเดี่ยวกรกรอง ตัวกล้าอย่าหมอง ย่อมมีที่คุ้มรักษา แล
ฝันว่าได้แหวน จักได้บุตรา แลกินกับพี่น้องตน กินกับพ่อแม่พึงยล จักได้ศุภผล อยู่สุขสมจิตคิดปอง แล
ฝันว่าสวมแหวนทอง แม้หญิงลำพอง เปลี่ยวเปล่าจักได้สามี ถ้ามีคู่ชมสมศรี จักได้บุตรีบุตรา อันพึงพอใจ ถ้าชายจะได้ครองหญิง เมียมิ่งพิสมัย วงพักตร์น่าชม
ฝันว่านุ่งห่มพอสมควร สาวจักนิยม มายามายวนใส่ใจ แล
ฝันว่าตัดตีนสินมือขาดไป จำขื่อคาใส่ ตรากตรำกระทำตรึงตรา ถ้าขุนจักได้เป็นพระยา ฟื้นไพร่ประชา ก็จักได้ดี แล
ฝันเห็นว่าเต่าจักมี ผู้คนทาสี เมียมิ่งและม้าคชา อีกทั้งบุตรี บุตรา พรากจากเคหา มาสู่บารมีสมปอง แล
ฝันว่าได้ม้าลำพอง ท่านหมายใจปอง จะยกตนให้ได้เป็นพระยา แล
ฝันว่าดื่มชลธารา จักได้ทาสา มาเลี้ยงเป็นเมียแห่งตน แล
ฝันว่าไฟไหม้เรือนร้อนรน เร่งขวนขวายแก้ไข ที่น้ำไหลริน จักบรรเทามลทิน โทษทุกข์จักผิน กลับให้มีโชคชัย แล
ฝันว่าเหินกลางนภาลัย จักนึกสิ่งไร สำเร็จ สัมฤทธิ์ผล แล
ฝันว่าลูกอ่อนนอนเต็มเรือน จักได้ข้าคนมาสู่ แต่ล้วนดี ๆ แล
ฝันว่านุ่งแดง แสงสี เร่งเกรงไพรี ระมัดระวังกาย แล
ฝันว่านุ่งห่มพัสตร์ จะอยู่ปรีดา ไม่มีใครรุกราน แล
ฝันว่าเห็นท้าวมัฆวาน หนึ่งท้าวพรหมมาร หนึ่งเห็นพระจันทรา เร่งให้ระมัดกายา เกรงภัยพาธา ระมัดตัวจงดี แล
ฝันว่าพระยายมราวี มักมีมิดี จะมีผู้ดีเกลียดชังตน แล
ฝันว่านอนบนพื้นเบื้องบน ตีนหนึ่งตกชล เศียรหนึ่งตกน้ำ ให้แก้ที่ต้นพฤกษา อันใหญ่โสภานานไปจะได้เมียงาม แล
ฝันว่าได้นางพระยานงราม แม้ว่าใครถาม ว่าอย่าบอกบรรยาย ให้แก้กลางหาดทราย นัยหนึ่งอุบายว่า แก้กับต้นไม้ใหญ่ จึงจะดีแล
ฝันว่าสาวพรหมจารี ถือประทีปเทียนศรี สะอาดเข้ามาเรือนตน จักมียศยิ่งกว่าชน ท่านจะเลื่อนตนขึ้นให้ถึงพระยา แม้นว่าหญิงโสภา จักได้ภัสดา อันเสพเนื้อพึงใจแล
ฝันว่าสวดพระพุทธมนต์สิ่งใด จักเปลื้องปลอดภัย บาปกรรมบ่มาบีทาแล
ฝันว่ากางกรดบังแสงสุริยา และกางร่มจะผาสุก ประเสริฐโภคี ทำขวัญตัวจงดี ลาภจักพูนมีอนันต์หลากเหลือตาแล
ฝันว่าเข้าในวิหารและกุฎีนานา นิวาสสาวกสงฆ์ แห่งพระสัมพุทธพงษ์ จักเปลื้องทุกข์ปลง และว่าจะเรืองเดชาแล
ถ้าฝันเห็นรูปพระปฎิมา หนึ่งพระจุฬามณีแลองค์พระเจดีย์ อย่าได้เจรจาพาทีกับใครก็กี จะเรืองอุดมเดชาแล
ถ้าฝันเห็นอาจารย์ทิศา หนึ่งพรหมจารี แม้นึกสิ่งใด จะได้สมดังนึกแล
ฝันว่าเหาะเลื่อนลอยลม ลินลาสนิยม มาโดยอากาศเวหา เร่งให้ทำขวัญกายา จักยิ่งยศปรากฎไปทั่วทุกนรชน แม้ว่าใครมาผจญประจญ จะแพ้ฤทธิรณ ขยาดหวาดเสียกำลังแล
ฝันว่าฟ้าผ่าต้องกายา เร่งให้บูชาน้ำเต้า แตงกวาจึงจะดี เงินทองจักพูนมี ถอยทุกข์อัปรีย์ อุบัติกำจัดไกลแล
ฝันว่านั่งใต้ร่มไทร จักได้เป็นใหญ่ยิ่งยศ ปรากฎแก่ตนแล
ฝันว่าเชิญรูปพระทศพล ไว้ในตำบล ถิ่นฐานนิวาสอาราม ทายว่าจักได้เมียงาม ลาภจักไหลหลามมาสุ๋สำนักแห่งตนแล
ฝันว่าขึ้นเรือนใหม่พึงยล จักดีแก่ตน อย่าแหนงระแวงวิญญาณแล
ฝันว่าข้ามพ้นชลธาร หนึ่งได้ไต่สะพาน ลุไปได้ดังจำนง ผู้นั้นจักมีอานิสงส์ เป็นที่ดำรง ระงับแก่ฝูงประชาชนแล
ฝันว่าเขาฆ่าชีวา จักมีเดชานุภาพในหมู่ไพรินแล
นิมิตพระยาปัตถเวน ๑๖ ข้อ
ปางองค์ชินวงศ์พระจอมไตร อันอาศัยสาวัตถีบุรีสถาน ภิกษุสงฆ์สองหมื่นเป็นบริวาร พระสำราญอยู่ในเขตพระเชตุพน กรุงกษัตริย์ปัตถเวนไปทูลถามด้วยข้อความนิมิตคิดฉงน อภิวาทเบื้องพระบาทยุคล แล้วทูลฝันแต่ต้นไปจนปลาย
สมเด็จพระชินสีห์โมลีโลก จึงดับโศกกรุงดฃกษัตริย์ให้เสื่อมหาย แย้มพระโอษฐ์โชติช่อวิเชียรพรายสว่างฉายพระเขี้ยวแก้วแวววาว สว่างวับจับคันธุกุฎี พระรังษีเป็นเกลียวสีเขียวขาว อีกนิลแนบแซมหงส์เป็นวงวาว ทั้งแดงขาวสีเบญจรงค์พราย
ข่มขี่ระสุริยงค์ จากโอษฐ์องค์งามละออเป็นช่อฉาย เผยพุทธบรรหารประทานนาย อันตรายนี้ไม่มีแก่บพิตร จะได้แก่ศาสนาตถาคต โดยกำหนดสองพันเศษสังเกตกิจ ราษฎรจะร้อนดังไฟพิษ จะวิปริตทุกอย่างต่าง ๆ เป็น
๑. ฝันว่าโคทั้งที่มีกำลัง แล่นประดัวมาโดยทิศนิมิตรเห็น จะชนกันแล้วหันห่างกระเด็น ต่างหลีกลี้หนีเร้นไปหายตัว ทรงภิปรายทายว่าฤดูฝน เมฆหมอกมนมืดมิดทุกทิศทั่ว ดังจะปลายสายพิรุณขุ่นเขียวมัว วายุพีดกลัดกลั้วละลายไป จะลำบากยากเย็นแก่ไพร่พล ด้วยฟ้าฝนไม่ตกมาในไร่ ทั้งต้นข้าวเต้าแตกเหี่ยวแห้งไป ผลมะม่วงมะปรางจะบางเบา เกิดข้าวยากหมากแพงทุกแหล่งหล้เา ฝูงประชาแค้นคับจะอับเฉา ด้วยมนตรีโมหาปัญญาเยาว์ ลำเอียงเอาอามิสไม่คิดธรรม์
๒. ฝันว่าไม้รุ่นเจริญผล ดูพิกลเหมือนไม้ในไพรสณฑ์ พระทรงสัตยตรัสทายทำนายฝัน ภายหน้านั้นชายหญิงจะทิ้งเหล่า จะคบชู้สู่หาสมาคม จะเสพย์สมกันแต่แรกพึ่งรุ่นสาว กุมารีจะมีบุตรแต่รุ่นราว ไม่ยืนยาวยากเย็นด้วยเข็ญมี
๓. ฝันว่าแม่โคคาวิน วอนขอนมลูกกินน่าบัดสี ทรงภิปรายทายว่า นิมิตนี้ไปภายหน้าจะมีเป็นแน่นอน พ่อแม่แก่ชรามาหาบุตร ทั้งที่สุดข้าวปลาและผ้าผ่อน ต้องมายอมปลอบขอเฝ้าง้องอน มันขอดข้อนสำคัญให้อับอาย พูดหยาบช้าต่อบิดาชนนี กล่าววาทีให้ช้ำทำฉลาย มิได้มีหิริโอตัปปะ ละอาย พูดหยาบคายขี่ข่มคารมพาล
๔. ฝันว่าโคใหญ่เคยไถนา ไม่นำพาปล่อยปละจากสถาน เอาลูกโคเทียมไถเข้าใช้การ ไม่เคยงานเสียรอยย่อยยับไป เดินดินแตกแยกข้ามคันนาหนี ไม่รู้ในท่วงทีทำนองไถ มีพุทธบรรหารว่า นานไปนเรศไทท้าวพระยาทุกธานี จะคบคนพาลปัญญาหยาบ ใจบ้าบาปหนุนคะนองให้ครองที่ นับถือว่าสุจริตความคิดดี ได้ท่วงทีพวกอุทานก็ลามรวน ถึงได้เป็นเสนาที่ปรึกษาความ ถ้าวู่วามตามศักดิ์แล้วหักหวนความชอบผิดมิได้คิดเป็นข้อควร เอาแต่ส่วนสินบลคนเข็ญใจ
๕. ฝันว่ามีม้านั้นสองปาก เห็นหญ้าหยากปากอ้าน้ำลายไหล บุรุษลองปองป้อนจนอ่อนใจ หยิบหญ้าหย่อนยื่นให้ไม่เว้นวาย มีพุทธฎีกาพยากรณ์ ผู้ตัดรอนความราษฎรสิ้นทั้งหลาย ระรวบรวมกันกินทั้งสองฝ่าย จะให้...แนะนำโจทก์จำเลย กินกันพลางทางข่มด้วยลมลวง เหนี่ยวหน่วงถามถึงแล้วนิ่งเฉย บ้างอาศัยใช้การจนนานเลยความก็เลยแห้งร้าวอยู่ค้างปี
๖. ฝันว่าสุวรรณณภาชุน์ทอง สุนัขปองขึ้นนั่งน่าบัดสี เอื้อนพระโอษฐ์โปรดพุทธวาที ว่าพาลาจะได้ที่เสนีย์นาย จะหยิ่งยศมาสำทับไม่นับปราชญ์ เสพสังวาสคบพาลประมาณหมาย เหมือนขมิ้นขยำน้ำปูนละลาย ทั้งไพร่นานจะคนองลำพองพาล
๗. ฝันว่ามีผู้พันเชือกหนัง อยู่เคหังเพิงพะในสถาน ปลายเชือกเสือกห้อยลงย้อยยาน สุนัขนอนใต้ร้านกัดดินไป ยิ่งฟั่นก็ยิ่งสั้นไปหมดสิ้น หายืดลงถึงดินนั้นไม่ได้ พระโลกุตตมาจารย์บรรหารไว้ว่านานไปจึงจะเห็นขุกเข็ญมี ชายมาหาลาภสักการที่บ้านเรือน หญิงก็เบือนบากบ่าย จำหน่ายหนี ทำแสนงอนซ่อนทรัพย์คิดอัปรีย์ ข่มขี่หยาบคายให้ชายกลัว ทำยอกยักลักทรัพย์ส่งให้ชู้ ตะแคงค่อมขู่ข่มเหงผัว ชายก็เขลาเมารักสมัครมัว เห็นผัวกลัวก็กลับข่มให้สมใจ
๘. ฝันว่าประชาชนตักน้ำ ช่วยกันปล้ำเทส่งลงตุ่มใหญ่ ตุ่มน้อยร้อยพันเรียงกันไป หามีใครเทใส่แต่สักคน
พระวรญาณโปรดประทานประกาสิต และนิมิตทายเข็ญให้เป็นผล ว่าภายหลังเสนาเป็นนายพล ราษฎร์จะปล้นทรัพย์ใส่ในตุ่มโต ยิ่งได้มาจานเจือจนเหลือล้น ยิ่งยากจนยับนักลงอักโข เฝ้าระวังตั้งท่าแต่พาโล ที่ชื่อโชกลุ้มดังตุ่มน้อย
๙. ฝันว่าเห็นสระปทุมา มีหมู่กุ้งกุมภามัจฉาหอย วารีรอบขอบใสมิใช่น้อย กลางกลับถอยข้นขุ้นสนุ่นมี
พระทรงญาณบรรหารให้เห็นเหตุ ว่าประเทศที่สุขเกษมศรี กษัตริย์ทรงสืบวงศ์ประเพณี เป็นบุรีที่ประชุมประชากร จะแรมร้างว่างราเป็นป่าแขม ทั้งคาแฝกแทรกแซมขึ้นสลอน ทางชลวิกลกลายเป็นชายดอน ราษฎร์จะร้อนแรมสุขทุกเดือนปี ด้วยกรรรมแรงแห่งสัตว์วิบัติเป็น ไม่เคยเห็นก็จะเห็นเป็นถ้วนถี่ น้ำที่กลางขุ่นข้นคือมนตรี จะย่ำยีบาฑาประชาชน จะรุกรานแก่ไพร่ใส่ระดม คิดข่มเอาทรัพย์อยู่สับสน ในเดือนนอกเดือนใช้อยู่เบื้องบน สุดจะจนที่จะทานด้วยการรุม การหลงแล้วไม่นานทำการนาย พวกไพร่ราษฎร์พลัดพรายไปส้องสุม จะกลับลี้หนีหน้าไปป่าชุม ประคองคุมพวกเข็ญได้เย็นใจ
๑๐. ฝันว่าเห็นคนนั่งหุงข้าว หม้อเดียวซาวหลากล้นพ้นวิสัย บ้างดิบสุกคลุกระคนปนกันไป บ้างก็เปียกบ้างก็ไหม้ไม่มีดี
พระแย้มโอษฐ์โปรดพุทธฎีกา ว่าเทพาที่รักษาบุรีศรี พระเสื้อเมืองทรงเมืองเรืองฤทธี ประเพณีพลาดเพลี่ยงไม่เที่ยงทรรศ์ เทวัญอันอารักษ์ศาสนา จะรักษาแต่คนที่อาสัจจ์ ผู้ถือศีลสิกขาศีลลาวัตร มิตรที่รักจะตัดความรัก ฝูงราษฎร์จะอาพาธเจ็บไข้ เกิดมรณภัยทุกแห่งหน ประเพณีปีเดือนก็เปื้อนปน ฤดูฝนหนาวร้อนก็ผ่อนไป
๑๑. ฝันว่าอันแก่นจันทน์แดง ราคาแพงล้ำเลิศในต่ำใต้ ชายเขลาเอาพอแรงไม่แจ้งใจ ก็เอาไปแลกนมโคได้ง่ายดาย
ทรงพระพุทธทำนายภิปรายโปรด ภายหน้าโสดหมู่สงฆ์สิ้นทั้งหลาย จะแนะนำพระธรรมอันเพริดพราย เที่ยวเร่ขายแลกทรัพย์มาซื้อกิน ไม่อดสูดูร้ายละอายบาป นิยมหยาบเอื้อมอาจประมาทหมิ่น ก่อกรรมกระทำตนให้มลทิล เหมือนอย่างกินยาตายไม่หมายเป็น
๑๒. ฝันเห็นน้ำเต้านั้นจมชล ดูพิกลไม่เคยพบประสบเห็น จะเกิดความยากล้ำเหลือลำเค็ญ สิ่งที่เย็นกลับร้อนทั่วธานี คือนักปราชญ์ผู้รู้ธรรมจะต่ำต้อย พาลาลอยเฟื่องฟูชูศักดิ์ศรี ผู้พงศาตระกูลประยูรมี จะลี้ลับเสื่อมสูญประยูรยศ คนพาลจะราญเริงบรรเทิงหนา เจรจาผิดธรรมไม่กำหนด ใครปลอกปลิ้นลิ้นลมเป็นคนคด รู้โป้ปดกลอกกลับจึงรับกัน
๑๓. ฝันว่าคีรีน้อยนั้นลอยน้ำ ประหลาดล้ำหลากใจที่ในฝัน ทรงพระบรรหารให้เห็นพลัน ภายหน้านั้นผู้มีศักดิ์จะรักพาล จะยกย่องหมู่ชาติอันต่ำช้า เป็นเสนาผู้ใหญ่ในสถาน ให้ยศศักดิ์สืบสายเป็นนายการ ได้ท่วงทีพวกพาลสำราญใจ
๑๔. ฝันว่าเห็นกบพบงูร้าย แล้วตามล้วงกินจนสิ้นไส้ พระแย้มโอษฐ์โปรดตามภิปรายไป ภายหน้าไซร้หญิงพาลจะราญชาย ประมาทหมิ่นลิ้นลมข่มให้กลัว จะใช้ผัวต่างทาสดังมาตรหมาย ผัวสมานน้ำใจมิให้ระคาย หญิงร้ายยิ่งลามคำรามรณ
๑๕. ฝันว่าพญาเหมราชเข้าปนฝูงปักษาน่าฉงน น้อมเคารพนบนอบแล้วยอบตน เข้าระคนคบค้าด้วยพาพาล
องค์สมเด็จพระอิสสโรพระโมลี จึงเผยพุทธวาที่มีบรรหาร ว่าผู้ดีมีตระกูลนั้นจะบรรดาล ว่าคนพาลจะย่ำยีคนปรีชา สันดานทาสชาติร้ายจะได้ดี จะข่มขี่ผู้มีวงศ์และพงศา คนปราชญ์จะหลีกตัวกลัววาจา พวกพาลาดีได้ดีไม่มีอาย
๑๖. ฝันว่าเห็นเนื้อสมันนั้น ไล่เสือพยัคฆ์เบือนหน้าเข้าป่าหาย มีพระพุทธบรรหารประทานทาย ว่าศานุศิษย์ทั้งหลายจะสู้ครู จะหักหายผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย สำทับถ้อยขี่ข่มคารมสู้ ยกย่องกายหมายประกวดอวดอ้างรู้ จะลบหลู่ขู่ซ้ำด้วยคำพาล สงฆ์ทรงศีลบริสุทธิ์จะทรุดเศร้า ผู้เป็นเจ้าหลีกจากถิ่นสถาน ซึ่งบพิตรนิมิตสิบหกประการ ไม่มีเหตุเพทพาลในพระองค์ จะได้แก่โลกทั้งหลายในภายหน้า จำไว้พิจารณาอย่าลืมหลง จะเสื่อมสูญเมธีกวีวงศ์ และฝูงหงส์พงศ์ประยูรตระกูลพราหมณ์ จะเฟื่องฟูเชยชมนิยมหยาบ แบกแต่บาปหาบนรกยกขึ้นหาม กองกรรมก็จะนำสนองตาม จะลงหนังสุนัขถามเมื่อยามตาย พระไตรรัตน์จะวิบัติหม่นมัวหมอง ไม่ผุดผ่องแผ้วผาดสะอาดฉาย ศักราชคำรบนั้นสองพันปลาย จะต้องพุทธทำนายไว้แน่เอย
|
Update : 14/5/2554
|
|