|
|
พระมหาจักรพรรดิทรงเครื่อง ศักดิ์สิทธิ์-สร้างขึ้นสมัยอยุธยา
คอลัมน์ เดินสายไหว้พระพุทธ
ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เขตพระนคร กรุงเทพฯ เป็นที่ประดิษฐาน 'พระพุทธรูปทรงเครื่องพระมหาจักรพรรดิ' อันศักดิ์สิทธิ์
พระพุทธรูปทรงเครื่องพระมหาจักร พรรดิ สร้างขึ้นสมัยอยุธยาตั้งแต่ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 22 ตามคติเรื่อง "ชมพูบดีสูตร" ซึ่งกล่าวถึงสมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จประทับสำราญพระอิริยาบถอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร
ครั้งนั้นพระเจ้าพิมพิสารพุทธอุบาสก ถูกพระยาชมพูบดีกษัตริย์ผู้ทรงอานุภาพเป็นที่ยำเกรงของกษัตริย์ทั้งหลายคุก คาม จึงไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่เวฬุวัน เพื่อ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
พระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นด้วยพระญาณว่าจะโปรดพระยาชมพูบดีได้ จึงทรงเนรมิตพระเวฬุวันประดุจเมืองสวรรค์ และทรงเนรมิตพระองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ทรงเครื่องราชาภรณ์ทุกประการ แล้วตรัสให้พระอินทร์ เป็นทูตไปเชิญพระพระยาชมพูบดีมาเฝ้า พระยาชมพูบดีแพ้แก่ฤทธิ์พระ อินทร์ จึงยอมเข้าเฝ้ายังเวฬุวันวิหาร
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทรมานพระยาชมพูบดีให้คลายจากความถือดีด้วยประการต่างๆ แล้ว ทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับคืนสู่สภาพเดิมและทรงแสดงธรรมจนพระยาชมพูบดีสิ้นทิฐิมานะ ขอบรรพชาอุปสมบทเป็นพระพุทธสาวก
พระพุทธรูปทรงเครื่องพระมหาจักรพรรดิ จึงมีความหมายถึงความยิ่งใหญ่เหนือพระยามหากษัตริย์ทั้งปวง จึงนิยมสร้างเป็นพระพุทธรูปฉลองพระองค์พระเจ้าแผ่นดินและพระบรมวงศานุวงศ์สืบมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์
พระทรงเครื่องพระมหาจักรพรรดิ เลขทะเบียนศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษ ที่ 23 สำริด สูงพร้อมฐาน 4 เซนติเมตร สถานที่เก็บรักษา ห้องศิลปะอยุธยา อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์
นอกจากนี้ ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น อันควรค่าสักการะ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ได้แก่ หอแก้วศาลพระภูมิ พระราชวังบวรสถานมงคล สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท พระมหาอุปราชในรัชกาลที่ 1 (พ.ศ.2325-2346 )
สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นพร้อมๆ กับพระราชวังบวรสถานมงคล เมื่อ พ.ศ. 2325 หรือหลังจากนั้นเล็กน้อย เนื่อง จากสร้างขึ้นเป็นที่สถิตของพระภูมิเจ้าที่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเจ้าของผืนแผ่นดินที่สร้างวัง
ดังนั้น เมื่อสร้างพระราชวังบวรสถานมงคลแล้ว จึงต้องสร้างศาลสำหรับเทวดาเจ้าของที่เป็นการทดแทนด้วย
ลักษณะการสร้างเป็นแบบพิเศษ คือสร้างเป็นหอบนเขามอ ตกแต่งเป็นเขาธรรมชาติอย่างจีน อันนิยมสร้างเฉพาะแต่ในวังและพระอารามหลวง เรียกว่าหอแก้ว เดิมมีระเบียงล้อมโดยรอบ
ต่อมารื้อออกไปในสมัยรัชกาลที่ 2 ภายในหอแก้วประดิษฐานรูปเจว็ด หรือแผ่นไม้ทรงเสมาเขียนรูปเทวดา ซึ่งนอกจากนับถือเป็นพระภูมิเจ้าที่แล้ว ยังได้รับการนับถือเป็นเทพเจ้าผู้รักษาวังและพระบวรเศวตฉัตรในพระมหาอุปราช อันเป็นที่เคารพนับถือของชาววังหน้า
ตลอดจนนับถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกรมศิลปากรในปัจจุบัน
|
Update : 10/5/2554
|
|