|
|
เปิดเบื้องลึก'วัดอนงค์' มส.ปลด'พระเทพเวที'
เปิดเบื้องลึก'วัดอนงค์' มส.ปลด'พระเทพเวที'
กลายเป็นข่าวฮือฮาในแวดวงคณะสงฆ์ เมื่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม ได้มีคำสั่งปลด พระเทพเวที (ยิ้ม ภัททธัมโม) อายุ 84 ปี ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ
ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักโดยเฉพาะกับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ระดับสูงเช่นนี้
มูลเหตุของเรื่องครั้งนี้ เริ่มจากในการประชุมมหาเถรสมาคม เมื่อวันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2554 ณ ตำหนักสมเด็จวัดสระเกศ มีสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศ เป็นประธานการประชุม
ในการนี้ นายอำนาจ บัวศิริ เลขาธิการสำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม ได้เสนอวาระจร เรื่องที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เสนอปลดพระเทพเวที ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม
ในเอกสารรายงานระบุความผิด ประกอบด้วย 1.แต่งตั้งหรือใช้บุคคลให้ทำหน้าที่เช่นเดียวกับไวยาวัจกร 2.ให้การอันเป็นเท็จ และ 3.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ศาสนสมบัติวัดและขัดคำสั่งเจ้าคณะภาค 1
รายงานท้ายคำสั่ง ยังระบุอีกว่า แต่มีเหตุควรปรานี เพราะเคยรับสนองงานการคณะสงฆ์ ในตำแหน่งเจ้าคณะเขตคลองสาน และรองเจ้าคณะภาค 1 อีกทั้งเป็นผู้ที่มีอายุกาลพรรษามาก จึงเสนอว่าพระเทพเวที เจ้าอาวาสวัดอนงคาราม หย่อนความสามารถ จึงเสนอให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม ฐานหย่อนความสามารถ
ทั้งนี้ ที่ประชุมมหาเถรฯ ได้มีมติเห็นชอบตามที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์เสนอ และให้คำสั่งดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2554 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม การปลดพระเทพเวทีออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด อนงคาราม มีสาเหตุมาจากมีผู้ร้องเรียน ซึ่งเป็นผู้เช่าอาคารบนที่ธรณีสงฆ์ของวัดอนงคาราม ที่ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ ได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ว่าได้รับความเดือดร้อนจากการขึ้นค่าเช่าอาคารของวัด
ต่อมา เจ้าคณะภาค 1 ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง มีพระธรรมสุธี เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน
ผลการตรวจสอบพบว่า พระเทพเวทีมีความผิดตามที่ถูกกล่าวหาข้อร้องเรียนจริง โดยเฉพาะการให้บุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นไวยาวัจกรวัดอนงคาราม ทั้งยังเป็นบุคคลล้มละลาย ให้เข้ามามีอำนาจทำหน้าที่แทนไวยาวัจกร ในการจัดประโยชน์ ซึ่งผิดกฎมหาเถรฯ
อีกทั้ง ยังพบว่ามีการทำสัญญาเช่าอาคารที่ตลาดน้อยให้กับบริษัทของคนใกล้ชิดกับบุคคลที่พระเทพเวทีมอบอำนาจให้ทำหน้าที่จัดประโยชน์ของวัดนานถึง 25 ปีด้วย
นอกจากนี้ เมื่อเจ้าคณะภาค 1 ได้เรียกพระเทพเวที ให้ปรับปรุงแก้ไขเกี่ยวกับการจัดประโยชน์อาคารบนที่ธรณีสงฆ์ของวัดอนงคาราม แต่พระเทพเวทีไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าคณะภาค 1 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา
ทำให้ถูกลงโทษตามมติมหาเถรสมาคม พร้อมทั้งโดนอายัดทรัพย์สินของวัดอนงคาราม ในที่สุด
พระเทพเวที ได้ออกมาชี้แจงภายหลังรับทราบคำสั่งปลด ว่า ได้เตรียมทำเรื่องอุทธรณ์คำสั่งปลดจากตำแหน่งเจ้าอาวาส เนื่องจากเห็นว่า คำสั่งมหาเถรฯ ดังกล่าวไม่เป็นธรรม ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นการฟังความเพียงข้างเดียวจากฆราวาสที่มีเรื่องฟ้องร้องกับทางวัดในคดีเช่าที่ดิน ซึ่งฆราวาสคนดังกล่าวได้ฟ้องร้องอาตมาฐานฟ้องเท็จ หลังจากที่ วัดได้ฟ้องร้องฆราวาสคนดังกล่าวก่อน และขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในศาล
"กรณีเจ้าคณะภาค 1 ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่มีผู้ร้องเรียน อาตมาได้ไปชี้แจงแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบรายละเอียดที่ชัดเจน ก็ชี้ขาดว่ามีมูลความผิดถูกปลดจากการเป็นเจ้าอาวาส ถือว่าอาตมาไม่ได้รับความยุติธรรมอาตมาเตรียมทำหนังสือชี้แจงต่อมหาเถรสมาคม เพื่อขอความเป็นธรรม โดยคาดว่าจะไปเสนอต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม วันที่ 20 มกราคม 2554 ที่วัดสระเกศ"
นายอำนาจ บัวศิริ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า กรณีพระเทพเวที ที่จะดำเนินการขออุทธรณ์ต่อมหาเถรฯ สามารถทำได้ ตามหลักแล้ว พระรูปใดที่เห็นว่ามติมหาเถรฯ ออกมาแล้วไม่เป็นธรรมกับตนเองก็สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ ซึ่งไม่ผิดอะไร แต่ทั้งนี้ผลจะออกมาเช่นไร ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการมหาเถรฯ ทั้งหมดด้วย โดยการอุทธรณ์ไม่ได้กำหนดระยะเวลา แต่เมื่อได้รับหนังสือจากมหาเถรฯ แล้ว ดำเนินการได้ทันที
ผลการอุทธรณ์ครั้งนี้ จะลงเอยอย่างไร คงต้องติดตาม
|
Update : 10/5/2554
|
|