|
|
บุญไม่ช่วย
บุญไม่ช่วย
|
คุณเคยคิดหรือไม่ว่า เมื่อคุณมีความทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บ อกหัก รักคุด ถูกโกง ลัมเหลวทางธุรกิจ ถูกไล่ออก ตกงาน ฯลฯ ทำไมเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเราทั้งๆที่ชาตินี้เราก็ไม่เคยทำความชั่วใดๆ บุญที่เราเคยทำเหมือนไม่ส่งผลดีให้เราบ้างเลย หากท่านคิดเช่นนั้นเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้อาจทำให้ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างก็ได้
ในประเทศจีนสมัยโบราญ มีชายคนหนึ่งมีจิตใจดีงาม ชอบทำบุญทำกุศล เป็นชีวิตจิตใจ เมื่อสมัยหนุ่มๆเคยร่ำรวยถึงขั้นเป็นเศรษฐีแต่ด้วยความศรัทธาในการทำบุญทำทาน ถ้าทราบว่า มีงานบุญ งานกุศลใดที่เป็นงานที่ดีมีประโยชน์แก่ชุมชนและพระศาสนา เมื่อเขาได้รู้เข้าด้วยใจที่เมตตาต่อทุกสรรพชีวิตเสมอกัน ก็มักจะมีจิตศรัทธาเลื่อมใส จึงมักเข้าร่วมเป็นเจ้าภาพในงานบุญนั้นๆ เสมอ ทำโดยไม่หวังแก่หน้าแก่ตาของตนเองหรือประโยชน์อื่นใดแอบแฝง แถมทำบุญทีละมากๆ ทำอย่างเต็มที่ ทำเป็นประจำและสม่ำเสมอ
ไม่ช้าเงินทองทรัพย์สินที่หาไว้มากมาย ก็มีอันร่อยหลอลงไป มิหนำซ้ำสุดท้ายก็ยังนำทรัพย์สินออกขายเพื่อไปทำบุญอีก ไม่ช้าไม่นานเขาก็ยากจนลงจนไม่มีบ้านอยู่ แถมยังมีหนี้สินติดตัวมากมาย สุดท้ายจึงจำเป็นต้องนำภรรยาสุดที่รักไปใช้หนี้ โดยขายให้เป็นคนรับใช้ของเศรษฐีท่านหนึ่ง ก่อนจากกันด้วยความรักที่ภรรยามีต่อสามี นางจึงได้บอกแก่สามีว่า
“อย่าเสียใจไปเลย ท่านพี่ น้องเต็มใจและยินดีที่จะช่วยเหลือความเดือดร้อนของท่านพี่ ไม่ว่าอย่างไร ท่านพี่ ก็ดีต่อน้องเสมอมา น้องไม่เคยนึกเสียใจเลย การจากกันครั้งนี้เป็นเพราะความจำเป็นจริงๆ น้องเข้าใจ
แต่น้องอยากจะเตือนพี่ว่า เงินที่เหลือจากการใช้หนี้สินครั้งนี้ น้องอยากให้พี่เก็บไว้ใช้ซื้ออาหารและสิ่งจำเป็น อย่านำไปทำบุญอีก เพราะว่าเป็นเงินก้อนสุดท้าย ซึ่งมีจำนวนเงินเหลืออยู่ไม่มาก ถ้าเงินหมดก็จะทำให้พี่ลำบากถึงที่สุด เพราะทรัพย์สินของท่านพี่ไม่มีเหลือแล้ว ญาตพี่น้องที่จะช่วยเหลือก็ไม่เห็นมี เชื่อน้องนะท่านพี่ น้องเตือนด้วยความหวังดีจริงๆ” นางกล่าวทั้งน้ำตา ก้มหน้าแล้วเดินตามคนของเศรษฐีไป
ชายคนนั้นยืนร้องไห้ ดูภรรยาเดินจากไปเป็นคนรับใช้ของเศรษฐีด้วยความเศร้าใจ
แต่แล้วไม่นานชายคนนั้นก็นำเงินที่มีอยู่ไม่มากไปทำบุญอีก ตอนนี้จึงกลายสภาพเป็นขอทานหากินเร่ร่อนไปตามตลาด แหล่งชุมชน บ้านเรือน เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นทั่วไป และผู้รู้ถึงที่มาที่ไปของชายคนนั้น ต่างก็ร่ำลือกันไปว่าทำดีแล้วไม่เห็นจะมีความดีมาสนอง ซ้ำต้องกลับกลายเป็นยาจกเข็ญใจเสื้อผ้าขาดเก่ามอซอ ต้องอดมื้อกินมื้อเยี่ยงนี้ ต่อแต่นี้ไปคงไม่มีคนคิดทำความดีกันอีกแล้ว
เรื่องนี้ร้อนไปถึงสวรรค์เบื้องบน บรรดาเทวดาที่ได้ยินคำร่ำลือ และ ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชายคนนั้นก็มาร่วมประชุมกันหาทางที่จะช่วยเหลือ
“ข้าได้ตรวจสอบดูแล้ว ชายคนนี้ในอดีตชาติได้ทำกรรมหนักมากเอาไว้ สุด ที่จะแก้ไขได้ในชาตินี้และจะต้องทนทุกข์เวทนาแบบนี้ต่อไปทั้งหมดสามชาติ คือ ชาตินี้จะต้องอดตาย ชาติต่อมาจะถูกฟ้าผ่าตาย ชาติสุดท้ายก็จะถูกเสือกัดตาย น่าเวทนาจริงๆ”
เหล่าเทวดาจึงลงมติกันว่า จะช่วยให้ชายผู้นี้ใช้กรรมให้หมดกันในชาตินี้เพียง ชาติเดียว
เนื่องจากช่วงนั้นเกิดความแห้งแล้ง มิหนำซ้ำยังมีฝูงแมลงลงกัดกินพืชไร่ให้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงเกิดภาวะขาดแคลนอาหารอำเภอและหมู่บ้านใกล้เคียง ชาวบ้านต่างกระเสือกกระสนเอาตัวรอดไปวันๆ ชายผู้นั้นจึงไม่สามารถขออาหารมากินได้อยู่หลายวัน ร่างกายซูบผอม จนแทบไร้เรี่ยวต้องนอนหมดแรงในที่พัก เขาตัดสินยังไงวันนี้ก็ต้องหาอาหารให้ได้ จึงรวมแรงทั้งหมดตัดสินใจเดินโซซัดโซเซ ออกจากที่พักเพื่อเดินไปสู่หมู่บ้านเพื่อขออาหารกินประทังชีวิต ทันใดก็เกิดพายุเมฆฝนหอบเอาทั้งฟ้าทั้งฝนมาแบบไม่ตั้งตัว แล้วก็เกิดฟ้าร้องดังสนั่น พร้อมทั้งเกิดฟ้าผ่ามาถูกชายคนนั้นพอดี ร่างกายที่เสื้อผ้าขาดวิ่น ดำไหม้จากแรงฟ้าผ่า เขานอนสลบแน่นิ่งไปไม่ไหวติง เผอิญมีเสือตัวใหญ่ออกมาจากป่าข้างทางได้กลิ่นเนื้ออันหอมหวานและเห็นเหยื่อนอนนิ่งไร้ทางสู้ คิดแล้วจึงเห็นเป็นโอกาศดี จึงได้ตรงเข้าตะครุบและกัดลำคอจนชายผู้นั้นหมดลมหายใจ มันกัดกินร่างไร้ชีวิตอย่างเพลิดเพลิน จนร่างกระจุยกระจายดุจเป็นซากสัตว์เป็นภาพที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก
ภรรยาของชายคนนั้นเมื่อได้มาอยู่บ้านเศรษฐีก็ทำหน้าที่แม่บ้าน มิได้มีลำบากอย่างที่คิดเอาไว้ แถมยังสุขสบายกว่าตอนที่ต้องเป็นหนี้สินอยู่กับชายคนนั้นเสียอีก แต่เมื่อครั้นได้ข่าวว่าสามีของตนเสียชีวิตแล้ว ก็มีความสงสาร จึงขออนุญาตเศรษฐีเพื่อเดินทางมาจัดงานศพให้สามีเป็นครั้งสุดท้าย
ในงานศพวันสุดท้าย ด้วยความเสียใจและสงสารสามี ก่อนจะนำศพลงฝังในหลุม นางได้เอ่ยขึ้นว่า
“เวรกรรมอะไรกันหนอทำให้ท่านต้องเผชิญเคราะห์กรรมถึงเพียงนี้ บุญที่ท่านทำไว้ ไม่ได้ช่วยท่านเลย ๆ” พูดพลางน้ำตานางก็ไหลเป็นทาง สะอึกสะอื้นด้วยความเวทนาอย่างสุดจะหักห้ามใจได้
นางตัดสินใจกัดนิ้วตัวเอง แล้วใช้เลือดที่ไหลออกมาเขียนที่หน้าผากสามีไว้ว่า “บุญ ไม่ ช่วย” แล้วจึงทำการฝังศพ และ นางได้อยู่จนจัดงานพิธีเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วจึงกลับไปหาท่านเศรษฐีดังเดิม
ต่อมาไม่นานฮ่องเต้ของแผ่นดินจีนท่านทรงดีพระทัยมาก ที่พระมเหสีได้ให้กำเนิดพระราชโอรสองค์แรก อันเป็นความหวังว่าจะได้สืบทอดราชบรรลังค์ของกษัตริย์สืบต่อไป แต่ไม่นานก็ทรงกังวลพระทัยเพราะทารกน้อยที่เกิดมา ทรงร้องไห้ตลอดเวลา ปลอบอย่างไรก็ไม่ยอมหยุด มิหนำซ้ำบนหน้าผากก็มีอักษรเขียนไว้ด้วยว่า “บุญ ไม่ ช่วย” ไว้ด้วย
ฮ่องเต้ได้ทรงปรึกษาโหรหลวง ๆ ก็ได้แนะนำให้ป่าวประกาศว่าผู้สามารถทำให้พระราชโอรสหยุดร้องไห้ได้ จะมอบรางวัลให้แล้วแต่จะขอ และ ยังได้บรรยายไว้ว่าบนหน้าผากทารกมีลักษณะพิเศษคือมีคำสามคำ คือ บุญ ไม่ ช่วย อยู่ด้วย
ไม่นานข่าวก็มาถึงภรรยาของชายคนนั้น นางจึงได้เข้าเฝ้าและขอดูทารกเพื่อให้แน่ใจ เมื่อนางได้ดูตัวอักษรที่อยู่บนหน้าผากเป็นลายมือของตน จึงแน่ใจว่าชายผู้เป็นสามีได้มาเกิดเป็นพระราชโอรสของกษัตริย์แล้ว จากการทำความดีชนิดหาคนเทียบไม่ได้เลย นางจึงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
“หยุดร้องไห้เสียทีเถอะ ข้ารู้แล้ว ๆบัดนี้บุญที่ท่านพี่ทำไว้ได้ส่งผลดีให้กับท่านแล้ว เงียบเสียทีเถิด”
ว่าพลางนางใช้มือลูบไปที่หน้าผาก พลันตัวอักษรก็หายไปในทันที ทารกก็หยุดร้องไห้ทันที เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้ที่ยืนดูอยู่ยิ่งนัก
ฮ่องเต้มีสีหน้าพอพระทัยยิ่งนัก จึงเอ่ยถามว่า
“เจ้าทำได้ดีมาก ท่านต้องการอะไร ข้าจะประทานให้ทุกอย่าง”
“ข้าไม่ต้องการเงินทองทรัพย์สินสิ่งใด เพียงขอให้ได้ดูแลปรนนิบัติ เจ้าชายน้อย ข้าก็พอใจมากแล้ว” นางตอบ
“ถ้าอย่างนั้นข้าขอแต่งตั้งเจ้าดำรงตำแหน่งเป็นพี่เลี้ยงของพระโอรสของข้า เจ้ามีอิสระสามารถจะเข้าออกส่วนต่างๆในวังได้ตลอดโดยไม่มีข้อห้ามแต่ประการใด”
ตั้งแต่นั้นมาภรรยาของชายคนนั้นก็อยู่อย่างมีความสุข จากการเป็นอยู่ที่สุขสบายและได้ดูแลพระโอรสจนเติบใหญ่ขึ้นมา
เมื่อกรรมชั่วที่ทำไว้ได้หมดสิ้นไปแล้ว ทุกคนล้วนต่างได้รับความสุขจากผลกรรมดีทีสร้างไว้ อันเป็นกรรมที่รอแต่เพียงเวลาที่จะให้ผลเท่านั้นเอง
การทำกรรมชั่วซ้ำเติมตัวเอง ในขณะที่มีความทุกข์โดยคิดว่า "บุญไม่ช่วย"นั้นเป็นการทำร้ายตัวเองอย่างร้ายกาจ เพราะเรากำลังทำกรรมใหม่ที่จะให้ผลเสริมกรรมเก่าเหมือนสาดน้ำมันเข้าไปในกองไฟที่กำลังไหม้อยู่อย่างนั้น แทนที่ไฟกำลังใกล้มอดลงเพราะหมดเชื้อแห่งกรรมเก่า กลับลุกโชนขึ้นใหม่เพราะกรรมชั่วในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามการทำความดีควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของปัญญาและความเหมาะสมด้วย จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนเองและผู้อื่น
ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะได้รับเคราะห์กรรมหนักหนาสักเพียงใด ขอให้ใช้ความอดทน ใช้สติปัญญาแก้ไขไปตามความเหมาะสม ความทุกข์เป็นบทเรียนที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะหาได้ ถ้าเรารู้จักที่จะเรียนรู้จากมัน จงมีความหวังไว้เสมอ มีศีลห้าเป็นอย่างน้อย เร่งทำในสิ่งที่ถูกที่ควร และอย่าท้อแท้ในการทำความดีนะครับ ผลกรรมดีอาจรอท่านอีกไม่นานก็ได้ หลังฝนซาฟ้าย่อมสดใสเสมอครับ
|
ที่มา : กฎแห่งกรรม ของ คุณ ท.เลียงพิบุลย์ |
|
Update : 2/5/2554
|
|