หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    งูเหลือมฟังธรรม
    งูเหลือมฟังธรรม
    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
     
                            ท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย การฟังเรื่องราวของพระสูตรก็ถือว่า ฟังเรื่องราวของผู้ปฏิบัติก่อน การที่องค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เอาพระสูตรมาแสดงให้แก่บรรดาท่านพุทธบริษัทฟัง ก็มีความประสงค์อยู่ว่า จะได้ถือเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติ
                            มีบรรดาพุทธบริษัทหลายท่านว่า เรื่องราวของพระสูตรเป็นเหตุไร้ผล เพราะว่าองค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์มานาน และมีใครที่ไหนบ้างจะจำเข้าไว้ ดีไม่ดีเขาก็กล่าวพระสูตรเป็นเรื่องราวที่บรรดาท่านนักปราชญ์ทั้งหลายแต่งขึ้นไว้หลอกเด็ก เรื่องนี้จะเป็นประกรใดก็ช่างเถิด
                            บรรดาท่านพุทธบริษัท เรามาถือเอาเหตุเอาผลกันดีกว่า เรื่องพระสูตรจะจริงหรือไม่จริงก็ช่าง ถ้าเราเป็นคนมีปัญญาสามารถปฏิบัติตามที่องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิ์โสภาคสอน ทำทิพยจักขุญาณให้เกิด ทำปุพเพนิวาสสานุสสติญาณให้เกิด ทำอตีตังสญาณ อนาคตังสญาณให้เกิด ทำเจโตปริยญาณให้เกิด เพียงเท่านี้บรรดาท่านพุทธบริษัท ความสงสัยในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคก็รู้สึกว่าจะเป็นของไม่ยากนัก จะเห็นว่าคำสอนขององค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดามีเหตุผลพอสมควร แล้วก็เป็นความจริงทุกอย่าง
                            สำหรับพระสูตรที่บรรดาท่านพุทธบริษัทฟังมาในกาลก่อนถึงบุพกรรม รู้สึกว่าเป็นกรรมชั่ว ทำตัวให้ได้รับความทุกข์ ฟังแล้วน่าสลดใจ ที่องค์สมเด็จพระจอมไตรอ้างตัวอย่าง แม้แต่กรรมของพระองค์เองที่เป็นพระมหาชนก ด้วยมีเจตนาความรักในสามเณรตัวเล็ก ๆ ซึ่งเป็นเด็กอายุแค่ 7 ขวบ พายเรือมา สามเณรตัวเล็ก ๆ นี้น่ารักมาก แกล้งทำน้ำให้เป็นคลื่นเพื่อเป็นการล้อเณร พอดีสามเณรเรือล่ม อาศัยที่พระองค์ทำให้สามเณรเรือล่มและก็มีความรักอยู่เป็นทุน จึงได้อุ้มสามเณรนั้นขึ้นบก เปลี่ยนผ้าให้ใหม่ รับเป็นโยม ปวารณาในฐานะที่พระองค์เป็นพระราชา เณรเป็นเณรหลวง เป็นพระของหลวง มีความสุขเป็นพิเศษ
                            แต่ถึงกระนั้นก็ดี องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์กล่าวว่า กรรมเพียงเล็กน้อยเท่านี้ ท่านจัดว่าเป็นอกุศลกรรม ความจริงน่าจะคิดถึงเจตนาของพระองค์ ไม่ได้คิดว่าจะฆ่าหรือจะแกล้งสามเณรให้มีความทุกข์
                            แต่ว่ากรรมเพียงเล็กน้อยเท่านี้ ก็ทำให้องค์สมเด็จพระชินสีห์ต้องว่ายน้ำมาถึง 500 ชาติ  แต่ว่าผลของความดีที่สงเคราะห์สามเณร การว่ายน้ำคราวใดก็ปรากฎว่า องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาเป็นพระราชาทุกชาติเหมือนกัน เป็นอันว่า ผลของความชั่ว และผลของความดีให้ผลร่วมกัน
                            แต่ว่า ต่อแต่นี้ไปจะกล่าวถึงผลของความดีให้บรรดาท่านพุทธบริษัทฟัง เพราะว่าการเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระพุทธเจ้าทรงแนะนำโดยเฉพาะ คือให้บรรดาท่านพุทธบริษัทตั้งมั่นอยู่ในธรรมอันหนึ่ง นั่นคือพระนิพพาน  การจะไปพระนิพพานของบรรดาท่านพุทธบริษัทรู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน ทั้งนี้เพราะว่า ก่อนจะไปพระนิพพานได้ ต้องตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน สำหรับกิเลสนี้ พระโบราณาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่า มีกิเลสถึงพันห้า ตัณหาร้อยแปด เป็นอันว่ากิเลสและตัณหานี้นับกันจริง ๆ มันก็ไม่ถ้วน แล้วเราจะมานั่งไล่กิเลสให้หมดใจ ไล่ตัณหาให้หมดใจ มันจะเป็นไปได้อย่างไร นี่เป็นเรื่องน่าสงสัย
                            สำหรับบรรดาท่านพุทธบริษัท เมื่อไรเราจะไล่กิเลสหมด เราจะไล่ความรักที่เกี่ยวกับกามารมณ์ การอยากมีผัว อยากมีลูก เมื่อไรมันจะหมดไปสักที เราจะไล่กิเลสตัวร้าย คือความโกรธ คิดประทุษร้ายชาวบ้านชาวเมืองนี้ เมื่อไรมันจะหมดไป เราจะมาไล่ความหลงที่ปรากฎขึ้นในใจมันก็แสนยาก เพราะมันหลงเสียแล้ว บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าเราฟังไปในด้านการปฏิบัติในพระพุทธศาสนา รู้สึกว่าจะยากเต็มที
                            แต่ทว่าองค์สมเด็จพระมหามุนี ในฐานะที่เป็นสัพพัญญูเป็นพระพุทธเจ้า มีความฉลาดเป็นพิเศษ องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ก็มีวิธีแนะนำ คือแนะนำแบบความฉลาด ถ้าฉลาดจริง ๆ บรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิง การไปพระนิพพานก็ไม่ใช่ของยากเหมือนกัน บางทีท่านฟังแล้วจะรู้สึกว่าง่ายเกินไปกว่าที่ท่านคิด แต่ว่าสำคัญอยู่ที่จิตเท่านั้นแหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท เราจะเกิดในอบายภูมิมีนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน หรือจะมาเป็นมนุษย์ มีความสุข มีความทุกข์ เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นพรหม หรือเกิดที่นิพพาน ความสำคัญอยู่ที่ใจอันเดียว ถ้าใจเราดี จับอยู่ในส่วนดี เราก็มีความสุข สามารถจะเปลื้องความทุกข์เข้าถึงพระนิพพานได้ ถ้าเรากลายเป็นคนใจร้าย บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เราก็ไม่พ้นจากความทุกข์
                            ที่เรามาดูตัวอย่างกัน สำหรับท่านที่เข้าถึงซึ่งพระนิพพานง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นสัตว์เดรัจฉาน   สามารถทำจิตใจของตนให้เป็นปัจจัยให้เข้าถึงพระนิพพานได้ง่าย ๆ เพียงตายจากสัตว์เดรัจฉาน ได้เกิดเป็นเทวดา จุติจากเทวดามาเกิดเป็นคน ได้พบศาสนาขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาแล้ว ฟังเทศน์ในศาสนาขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ไม่ใช่พระพุทธเจ้าเทศน์ เป็นพระสงฆ์สาวกเทศน์เพียงจบเดียว ท่านก็บรรลุพระโสดาปัตติผล พอฟังครั้งที่สองก็เป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงสุด คือ พระอรหัตผล
                            เมื่อฟังเรื่องนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าง่าย ฉะนั้น องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงได้ทรงแนะนำบรรดาท่านพุทธบริษัท ให้ระวังใจเป็นสำคัญ โดยพระบาลีว่า เจตนาหํ ภิกขเว ปุญญํ วทามิ ซึ่งแปลเป็นใจความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าเจตนาเป็นตัวบุญ และมีพระบาลีกล่าวว่า มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฐา มโนมยา ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด สำเร็จด้วยใจ  เราจะดีหรือจะชั่วได้ ก็อาศัยใจเป็นสำคัญ
                            เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน เรามาดูตัวอย่างกันว่า ใครหนอที่ฟังธรรมขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า โดยไม่ทราบว่าสิ่งนั้นเป็นธรรม แต่ทว่าพอใจในเสียงธรรม เกิดเป็นเทวดา ลงมาเกิดเป็นคน เข้าถึงซึ่งพระนิพพานง่าย บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายจะลองฟังและลองปฏิบัติตาม เราเป็นมนุษย์ มีความสำคัญยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน เพราะเรารู้ว่าเสียงนี้เป็นเสียงธรรมหรือไม่ใช่เสียงธรรม ลองฟังเรื่องราวของท่าน พระสูตรมีอยู่ว่า
                            เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระพุทธกัสสป ในสมัยนั้นปรากฎว่า มีงูเหลือมอยู่ตัวหนึ่งเป็นงูเหลือมแก่ อาศัยอยู่ในเขตสถาน คือถ้ำแห่งหนึ่ง ใกล้ ๆ กับสำนักของพระสงฆ์ ในคราวหนึ่ง องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนอภิธรรมทั้ง 7 คัมภีร์ คือ ปกรณ์ 7 ประการ ที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารกล่าวว่าเป็นปิฎกที่ 3 และเป็นปิฎกที่มีความสำคัญที่สุด ถ้าเทวดาและมนุษย์ปฏิบัติในด้านอภิธรรมทั้ง 7 ประการนี้ได้ครบถ้วน ท่านผู้นั้นก็จะเข้าถึงพระนิพพานได้เร็วที่สุด
                            ในคราวที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระพุทธมารดา ก็ได้เลือกความรู้ที่พระองค์ได้ทรงบรรลุมา เห็นว่าอภิธรรมมีความสำคัญเท่าความดีของพระมารดา ควรแก่ก้อนข้าวและน้ำนมที่พระมารดาทรงเลี้ยง คือให้ชีวิตมา องค์สมเด็จพระบรมศาสดาจึงได้ทรงนำพระอภิธรรมไปแสดง เทศน์จบเดียว ปรากฎว่าพระพุทธมารดาได้พระโสดาปัตติผล และมีเทวดาและพรหมมากท่าน ได้ถึงซึ่งพระอมตะมหาปรินิพพาน คือเป็นพระอรหันต์
                            นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน การฟังอภิธรรมย่อมมีประโยชน์ถ้าเราฟังด้วยความเคารพ แม้แต่พระที่ท่านสวดเราฟังไม่รู้เรื่องว่าท่านสวดว่าอย่างไร แต่ถ้าฟังด้วยใจเคารพแล้ว ท่านก็สามารถจะถึงพระนิพพานได้ อย่างช้าอีกชาติเดียวเท่านั้น สำหรับเรื่องราวของคน อาตมาจะยังไม่พูด จะขอพูดเรื่องของงูซึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉานก่อน
                            เมื่อองค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนพระอภิธรรมแก่บรรดาพระสาวกแล้ว คณะสาวกขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วก็มีความประสงค์จะท่องจำให้ขึ้นใจ จึงพากันไปซ้อมพระอภิธรรมในถ้ำใหญ่
                            ในถ้ำนั้นปรากฎว่ามีค้างคาวห้อยหัวกันอยู่ 500 ตัว เพราะว่าเวลากลางวัน ค้างคาวนอนหลับ และนอกจากค้างคาวก็มีงูเหลือมแก่อยู่ตัวหนึ่ง งูเหลือมแก่ตัวนี้แก่มาก ไปไหนไม่ค่อยไหว อาศัยอยู่ในถ้ำ เรื่องของค้างคาวอาตมาจะงดไว้ก่อน จะพูดเฉพาะเรื่องของงูเหลือม
                            งูเหลือมตัวนี้เมื่อนอนอยู่ ได้ยินเสียงพระซ้อมอภิธรรมทั้ง 7 คัมภีร์ แต่ทว่าบทอื่น ๆ ใดนี้แกไม่เคยชอบ ความจริงแกไม่รู้ว่าพระท่านสวดอะไร ท่านว่าอะไร จะเป็นธัมมะธัมโมหรือไม่ท่านไม่เข้าใจ พอใจแต่เฉพาะในเสียง ที่พอใจในเสียงก็พอใจอยู่บทเดียว คือบทอายตนะ ในตอนหนึ่งของบทอายตนะที่เราเรียกกันว่า ปัญจักขันธาใหญ่ ท่านสวดกันว่า จักขุนทริยัง โสตินทริยัง ฆานินทริยัง ชิวหินทริยัง เหล่านี้เป็นต้น มันลงท้ายยัง ๆ
                            สำหรับบทนี้ ในสมัยเมื่ออาตมาบวชใหม่ ๆ อยู่กับหลวงพ่อปาน พระในสมัยนั้นท่านชอบสวดปัญจักขันธาใหญ่ ในสมัยที่มีคนตาย พระที่บวชใหม่ว่าไม่ได้ อย่างอาตมายังไม่ได้ท่องกับเขา เวลาเขาสวดบทนี้ก็ดำน้ำตามเขาไปด้วย ว่าตัวหน้าไม่ได้ก็ลงท้ายทริยัง ๆ พอจบแล้ว ก็แลกสตางค์ค่าสวดกับเขาได้เหมือนกัน เขาถวายเท่ากัน พระที่สวดทั้งหมดก็ได้สตางค์ อาตมาสวดกับเขาไม่ได้ เขาก็ถวายสตางค์เท่ากัน แต่ทว่าการสวดเพื่อหวังสตางค์นี้บรรดาท่านพุทธบริษัท องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคท่านบอกว่า ตายแล้วลงนรก
                            ตอนบวชใหม่ ๆ อาตมาสร้างนรกไว้กี่ขุมแล้วก็ไม่ทราบ มาหวาดหวั่นนรกขึ้นมาตอนที่โตขึ้นมาสักหน่อยหรือบวชนานนิดจิตคิดขึ้นว่า ถ้าขืนเกิดต่อไปจะไม่เป็นเรื่อง ก็จะหาทางไม่เกิด จึงได้ค้นคว้าดูตำราของพระไตรปิฎกว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเทศน์ไว้ตรงไหนบ้างที่เราไปพระนิพพานกันได้ง่าย ๆ เมื่อค้นคว้าไปก็พบหลายจุด
                            ตอนนี้มาพูดกันถึงงูเหลือม เมื่องูเหลือมแก่ฟังบทว่า ทริยัง ๆ แกชอบตรงนี้ ไม่รู้ว่าพระท่านว่าดีหรือไม่ดี ว่าอะไรก็ไม่ทราบ แกชอบตรง ทริยัง มันลงท้ายเหมือน ๆ กัน ฟังเพราะดี
                            เมื่อฟังมาได้สองสามวัน อายุของท่านงูเหลือมตัวนี้ก็ถึงเวลาตาย เพราะแก่มากแล้ว อาศัยที่ฟังบทของอภิธรรม ประเภทไม่รู้เรื่อง เพียงชอบใจในเสียง ปรากฎว่าแกตายจากงูเหลือมแล้วแกก็ไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก มีวิมานทองคำเป็นที่อยู่  มีนางฟ้า 500 หรือ 1,000 เป็นบริวาร จำไม่ได้นัก
                            เมื่อหมดกาลจากความเป็นเทวดา ก็มาเกิดในเขตของชมพูทวีปก่อน พระเจ้าอโศกมหาราช ประมาณ 30 ปี ในระหว่างที่มาเกิด ความจริงมาจากด้านของความดี คือเป็นเทวดาได้เพราะเขตของพระพุทธศาสนา แต่ว่าเวลาที่จะมาเกิดเป็นคน มาเกิดในตระกูลที่เคารพใน อเจลก คือพระแก้ผ้า
                            ในตอนต่อมาก็ปรากฎว่า แกบวชเป็นพระในสำนักของอเจลก เดินแก้ผ้าตามสบายไม่มีกฎหมายลงโทษ แต่เป็นที่เคารพของตระกูลของพระราชา และอาศัยที่ได้ฟังทริยัง ๆ มานั่นแหละบรรดาท่านพุทธบริษัท เป็นเหตุให้อเจลกท่านนี้ได้ทิพจักขุญาณ เป็นเรื่องน่าแปลกไหมบรรดาท่านพุทธบริษัท การเข้าถึงศาสนาขององค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดา ด้วยกำลังใจที่เคารพเพียงเล็กน้อย มาเกิดเป็นคน บวชเป็นอเจลกก็ได้ทิพจักขุญาณ สามารถจะรู้อะไรต่ออะไรได้บ้างตามสมควร เพราะเป็นญาณที่มาจากฌานโลกีย์
                            มาวันหนึ่ง เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชยังเป็นเด็กเล็ก พอเดินได้สะดวก ๆ เวลานั้นเป็นยามว่าง ท่านพ่อเอาลูกขึ้นไปอุ้มไว้บนตัก ลูกชายนั่งตักพ่อ นั่งไปนั่งมาก็ปวดอุจจาระ ถ่ายอุจจาระออกมาเปื้อนตักของท่านพ่อ ท่านพ่อเห็นว่าลูกชายถ่ายอุจจาระออกมาเปื้อน ก็จับโยนไปข้าง ๆ ควำว่าโยนในที่นี้คงจะไม่โยนแรก คงจะจับไปวางไว้ แต่บาลีท่านกล่าวว่าโยน พ่อมีความรักลูก จะโยนให้เจ็บหนักก็ไม่ได้
                            เมื่อมารดาเห็นว่าพ่อไม่ชอบใจลูก เพราะลูกขี้รดตัก จึงได้นำลูกชายที่รักไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ แล้วก็พาลูกชายไปเดินเที่ยวนอกวัง พอดีคราวนั้นก็ไปพบอเจลกคนสำคัญนี้เข้า คืออเจลกงูเหลอม ชื่อของท่านมี ถ้าจะกล่าวชื่อให้ฟังก็เป็นการไม่สมควร จำยาก เราเรียกกันว่า อเจลกงูเหลือมก็แล้วกัน อเจลกเป็นที่เคารพของตระกูลนี้ เมื่อเห็นเด็กคนนี้เข้าก็ยืนมองดู พระราชินีสงสัยจึงได้ถามอาจารย์ใหญ่ว่า พระคุณเจ้าดูลูกชายของหม่อมฉันเพื่อประสงค์อะไรพระเจ้าข้า อเจลกคนนั้นจึงกล่าววาจาว่า ภคินี ดูก่อนน้องหญิง ลูกชายคนนี้เลี้ยงไว้ให้ดีนะ เมื่อพระราชบิดาทิวงคตแล้ว จะเป็นกษัตริย์ที่มีความสำคัญมาก จะมีเดชอำนาจมากเหลือเกิน แต่ทว่าจะต้องฆ่าน้องชายต่างพระมารดา 80 พระองค์ด้วยความจำเป็น เมื่ออเจลกพยากรณ์แล้วก็ผ่านไป นางก็พาลูกชายกลับเข้าไปสู่พระราชวัง
                            นับตั้งแต่นั้นมา นางก็จำเรื่องราวไว้แต่ไม่เคยบอกให้ใครทราบ เมื่อท่านอโศกมหาราชโตขึ้นมาเป็นหนุ่ม บรรลุนิติภาวะ เป็นที่รักของบรรดาอำมาตย์ข้าราชบริพารมากเพราะมีจริยาดี ไม่เหยียดหยามใคร มีจิตเมตตา พระราชบิดาก็ทรงโปรด จึงแต่งตั้งให้ไปเป็นเจ้าเมืองหน้าด่าน เพราะมีความสามารถในการรบ และเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย
                            ต่อมาไม่ช้านานเท่าใดก็ปรากฎว่า พระราชบิดาสวรรคต บรรดาอำมาตย์ข้าราชบริพารจึงได้เชิญพระเจ้าอโศกมหาราชมาเถลิงราชสมบัติแทนพระบิดา ท่านมีน้องชายอยู่องค์หนึ่ง เป็นพี่น้องร่วมพระมารดาเดียวกัน นอกจากนั้น เพราะอาศัยพระราชบิดามีพระชายามาก ก็มีน้องชายต่างพระมารดา 80 องค์
                            เมื่อท่านขึ้นเถลิงราชสมบัติ น้องชายต่างพระมารดาก็คิดทรยศหวังจะกบฎ ยึดราชสมบัติเข้ามาครองเสียเอง จึงได้นำกองทัพภายนอกทั้งหมดเข้ามาล้อมราชวัง
                            พระเจ้าอโศกมหาราชกับพระอนุชาสองพระองค์เท่านั้น และมีทหารวังอีกไม่กี่ร้อยคนได้ปรึกษากันว่า เวลานี้เขามาล้อมจะจับเรา เราจะสู้หรือจะยอมให้เขาจับ ยอมให้เขาเนรเทศ ดีไม่ดีบางทีเขาก็ฆ่าเราตาย เขาไม่ยอมเนรเทศ ท่านน้องชายจึงได้กราบทูลว่า ในฐานะที่เราเป็นลูกของกษัตริย์ ควรจะทรงความเป็นขัตติยมานะเข้าไว้เมื่อตาย ยอมตายดีกว่ายอมให้เขาจับ ถึงแม้ว่าเขาจะมีกำลังมากกว่าเราหลายเท่าก็ตามที เมื่อพี่กับน้องประกอบไปด้วยความสามัคคีพร้อมเพรียงกันเช่นนั้น จึงได้รวบรวมกำลังของทหารเท่าที่มีอยู่ ออกไปปะทะกับข้าศึกศัตรู ซึ่งมีน้องชายต่างมารดาเป็นผู้นำเข้ามา
                            แต่ในที่สุดด้วยอำนาจบุญญาธิการและความสามัคคี ท่านทั้งสองก็จับน้องชายต่างพระมารดาได้หมด กองทัพทั้งหมดก็พากันยอมแพ้ ท่านจึงสั่งประหารชีวิตน้องชายต่างมารดาทั้งหมด
                            นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าความสามัคคีปรากฎ ถึงแม้ว่าเราจะมีกำลังน้อยด้อยกว่าข้าศึก แต่ถ้าเราผนึกกำลังกันไว้ด้วยความสามัคคี ข้าศึกก็ไม่สามารถเอาชนะเราได้ ดูตัวอย่างพระเจ้าอโศกมหาราช เป็นต้น พระองค์กับน้องชาย สององค์สามารถปราบข้าศึกษที่มีกำลังมากกว่าหลายเท่าได้
                            ต่อมา เมื่อเรื่องร้ายอย่างนี้เกิดขึ้น พระเจ้าอโศกมหาราชจึงถามพระมารดาว่า เรื่องที่มันเกิดขึ้นมานี้ เคยมีใครพยากรณ์ไว้บ้างหรือเปล่า พระมารดาก็เล่าความจริงตามเดิมให้ฟัง พระเจ้าอโศมหาราชจึงได้บอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็ต้องการจะเอามาเป็นอาจารย์ประจำสำนัก พระมารดาจึงได้บอกว่า อเจลกองค์นี้ท่านอยู่ไกลจากพระราชวังประมาณ 100 โยชน์
                            พระเจ้าอโศกมหาราชก็ไม่ย่อท้อ จึงส่งกองเกียรติยศพร้อมไปด้วยเสลี่ยงประจำพระองค์ ไปรับท่านอเจลกองค์นี้เข้ามา หวังจะให้เป็นอาจารย์อยู่ใกล้ ๆ จะได้เป็นที่ปรึกษา
                            เมื่ออเจลกได้เห็นบรรดาอำมาตย์ข้าราชบริพารไปรับ ก็ดีใจขึ้นเสลี่ยงตั้งใจจะมาเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน แต่ว่าอาศัยที่ยังมีกิเลสอยู่ในใจก็นึกคริ้ม คิดว่า เราเป็นพระแก้ผ้าดีกว่าพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาที่พระราชาไม่เคารพ เคารพในเรา
                            เมื่อผ่านวัดของสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาจึงบอกกับคนหามว่า วางคานหามก่อน เราจะไปเยี่ยมสมณะด้วยกัน นี่แสดงว่า เบ่ง เมื่อเขาวางคานหามแล้ว ท่านก็นวยนาดเข้าไปในวัด เดินแก้ผ้าโทง ๆ เข้าไป
                            บังเอิญวัดนั้นมีพระอรหันต์เป็นสมภาร เป็นหัวหน้า เมื่อท่านเห็นอเจลกเดินเข้ามาท่านจึงถามว่า ว่าอย่างไรพ่ออายตนะ พ่องูเหลือม ลืมอายตนะเสียแล้วหรือ เมื่อสะกิดถูกแผลเก่าเข้า สิ่งที่เป็นกุศลประจำใจมันก็ปรากฎ มีความละอาย นั่งพับเพียบเอาขาปิดหน้าล่างเข้าไว้ พระรู้ว่าท่านอาย จึงได้ส่งผ้าให้นุ่ง ส่งผ้าให้ห่ม ท่านอเจลกเห็นสัตว์ร้ายอยู่เยอะ มีเสือ สิงห์ หมู ละมั่ง กวาง เก้ง เป็นต้น นอนอยู่ไม่ทำอันตรายกัน จึงถามว่า สัตว์ทั้งหลายเหล่านี้เขาเรียกว่าอะไร พระก็ตอบตามใจเดิมของท่านที่มีความรู้สึก ท่านบอกเขาว่า เขาเรียกกันว่า อายตนะ ท่านพูดเรื่องอายตนะพอเบา ๆ ปรากฎว่า อเจลกงูเหลือมได้พระโสดาปัตติผล
                            เมื่อได้พระโสดาบันแล้วก็มีความรู้สึกตนว่า ความรู้เก่ามันเลวเหลือเกินใช้ไม่ได้   ตั้งใจจะยังไม่ไปหากษัตริย์ จึงมาบอกให้อำมาตย์เข้าไปก่อน บอกว่า กิจที่เราจะพึงทำยังมีอยู่ ไปกราบทูลพระราชาของเธอให้ทรงทราบว่า เราเสร็จกิจในพระพุทธศาสนาแล้ว เราจะเข้าไป
                            เมื่อกลับเข้าไปใหม่ ปรากฎว่าพระองค์นั้นซึ่งเป็นพระอรหันต์ เทศน์อายตนะซ้ำอีกคราวหนึ่งอย่างละเอียด ท่านก็ได้บรรลุอรหัตผล เป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนา แล้วจึงได้กลับมาสอนพระเจ้าอโศกมหาราชให้มีความเคารพในพระพุทธศาสนา
                            นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยทั่วหน้า ฟังเรื่องราวของงูเหลือมว่ามีจิตเคารพในพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียงแค่พอใจในเสียง ตายไปเป็นเทวดา กลับมาเกิดเป็นคน เป็นอรหันต์ได้ฉันใด ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายซึ่งเกิดเป็นคน มีความรู้เรื่องว่านี้เป็นเสียงของกุศลและอกุศล ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัทถูกใจในคำสวดบทใดบทหนึ่ง หรือคำภาวนาอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นเครื่องจับใจ เวลาตายลงไปใจยังพอใจในเรื่องนั้น หรือเวลาก่อนจะตาย เวลาป่วยไข้ไม่สบาย หรือยามปกติเปิดเครื่องบันทึกเสียงฟัง ชอบธรรมะตอนไหน ฟังตอนนั้นเป็นปกติ เป็นเครื่องจับใจ ตายแล้วก็ไปสวรรค์ กลับลงมาเกิดอีกที ดีไม่ดี เป็นพระอรหันต์เลยเช่นเดียวกับงูเหลือม
                            แต่อาตมามั่นใจว่า คนเราดีกว่างูเหลือม เพราะเรารู้เรื่องว่านี้เป็นพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และก็รู้ว่าสิ่งทั้งหลายนี้เป็นบุญเป็นกุศล
                            เอาละบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน ขอท่านทั้งหลายที่มีความเคารพในองค์สมเด็จพระประทีปแก้วจงมั่นใจว่า ท่านมั่นใจในธรรมบทใดบทหนึ่ง ถ้าไม่ได้อรหัตผลในชาตินี้ ตายก็เป็นเทวดา กลับมาเกิดอีกทีได้เป็นพระอรหันต์เช่นเดียวกับงูเหลือมแน่นอน ในที่สุดนี้   อาตมาก็ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่ท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน สวัสดี
     
                                                                ****************

    • Update : 30/4/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch