ที่มาของคาถาเงินล้าน
ก่อนที่อยู่วัดท่าซุงนะ ฉันอยู่กระต๊อบ เงินร้อยก็หายาก สำหรับเงินทำบุญ คาถาวิระทะโยก็ทำเรื่อย ๆ ไป ต่อมาท่านก็มาหา ก็บอกว่าคาถาบทนี้นะที่เขาทำพระวัดพนัญเชิญองค์แรก มีเจ้าอาวาสองค์แรกท่านไปนั่งกรรมฐาน และเสกด้วยคาถาบทนี้สามปี ท่านให้ดูตัวอย่างวัดพนัญเชิงเงินขาดไหม ฉันก็ทำมาเรื่อย
มาอีกปีหนึ่งกำลังบวงสรวง ท่านบอกว่า “คาถาบทนี้เป็นคาถาเงินแสนนะ” ก็ใช้คาถาบทนั้นมาประมาณครึ่งปี คนมาทอดกฐินผ้าป่าได้เงินเป็นแสน นี่เห็นชัดนะ
แล้วต่อมาอีกปีหนึ่ง ท่านบอกว่า “คาถาบทนี้เป็นคาถาเงินล้านนะ” ให้ว่าต่อเนื่องกันไป แล้วไปลง “คาถาวิระทะโย” ต่อมาก็จริง ๆ เพราะปี 27 ก็ใช้เงินล้านเป็นเดือน ซึ่งไอ้อย่างนี้เราก็คิดไม่ออก ต้องค่อย ๆ ใจเย็น ๆ
เวลาว่าไปอย่าไปว่าหวังเอาลาภ คือต้องภาวนาด้วยนะ ถ้าทางที่ดีเวลาภาวนากรรมฐาน พอจิตสบายน่ะต่อเลย เพราะเวลากรรมฐานนี่จิตเป็นฌานใช่ไหม เอาอย่างนี้อีกว่า เวลาฝึกมโนมยิทธิออกไปให้ได้นั้น ออกไปเดี๋ยวเดียวก็ได้ ออกไปได้นี่จิตเป็นฌาน 4 เข้าเขตพระนิพพานได้ จิตสะอาดถึงที่สุด กลับลงมาด้วยคาถาบทนี้เลย มากน้อยก็ช่างให้หลับไปเลย คือถ้าจิตสะอาดมากผลก็เกิดเร็ว
ก็สงสัยเหมือนกันนะ เมื่อปี 26 ท่านบอกว่า ปี 27 มีอะไรบ้างก็ตุน ๆ ไว้บ้างนะ 28 จะเครียดมาก การค้าของใครถ้าทรงตัวได้ก็ถือว่าดีไว้ก่อน อันนี้ท่านบอกว่า “ถ้าลูกเราจะจนก็จนไม่เท่าเขา”
ถ้าพูดถึงผล ฉันนั่งดูเรื่อย ๆ มาว่า เอ๊ะ เงินแสนมันจะมีมาได้อย่างไร ภายในปีนั้นปรากฎว่า สมัยนั้นวัดต่าง ๆ เขายังไม่ถึงหมื่นเลย แล้วต่อมาคาถาเงินล้านก็ต้องว่าต่อ เพราะต่อไปข้างหน้าต้องใช้เงิน
พระพุทธเจ้าบอกนี่ต้องเชื่อ ต้องใจเย็น ๆ ไม่ใช่ไปเร่งรัด ถ้าไปว่าแล้วคิดว่าเราต้องรวยนี่เสร็จ..พัง ต้องว่าด้วยจิตเคารพ นานหลายปีท่านไม่ยอมเปิดกับใคร ก่อนจะเข้าถึงดีมันต้องเครียด ไอ้ปี 28 ความจริงมันน่าจะดี แต่ไป ๆ มา ๆ ก็มีจุดสะดุด จุดสะดุดนี่เป็นชะตาของชาติ แต่ยังไง ๆ ก็ต้องไปเจอะจุดรวยแน่
ถ้าพวกนี้รวยนะ วัดท่าซุงไม่เป็นไร คือว่าหนี้นี่น่ะอย่าคิดว่ามันโจ๊ะกันได้ เมื่อปี 30 นะ มันเกินค่าใช้จ่าย เดือนละสองล้านเศษ อันนี้ต้องคิด เดือนนี้ก็ตกเกือบสามล้าน คือ สองล้านเก้าแสนเศษ
ตอนนี้ท่านให้ฉันเขียนโครงการที่จะทำให้เสร็จในปี 30 โครงการของท่านจริง ๆ มีมาก ท่านย่าก็เคยบอก ท่านบอกว่า
“ท่านไม่บอกคุณตรง ๆ หรอก ท่านรู้ใจคุณ ถ้าบอกโครงการทั้งหมด คุณไม่ทำแน่”
พระพุทธเจ้าก็รู้คอนะ ไป ๆ มา ๆ ท่านให้นั่งเขียนตามนี้นะ 12 รายการ ให้เสร็จภายในปี 30 เลยคิดว่าเงินที่ต้องใช้เป็นพ้อม ๆ รายการมากนะลูก ถ้าหากจะถามว่า 10 ล้านพอไหม ก็ต้องบอกว่ามันไม่ได้ครึ่งหลังที่ท่านทำหรอก
วันนั้นก็ขึ้นไปที่กระต๊อบฉัน ไปถึงกระต๊อบก็ปรากฎว่า สมเด็จองค์ปัจจุบันท่านประทับอยู่ที่นั่น และท่านพระเจ้าแม่ให้นามว่า “มัทรี” หรือ “พิมพา” ไปที่อเมริกา ท่านบอก “ฉันแม่คุณเหมือนกัน ฉันเคยเป็นแม่คุณ” ถามว่าชื่ออะไร “ชื่อมัทรี” แล้วคุมมาตั้งแต่อเมริกา เวลานี้ก็ยังคุมอยู่ ก็ไปกราบเรียนถามท่านว่า คำสั่งที่สั่งให้มันเกินวิสัย แค่อาคาร 300 ห้อง จาก พ.ศ.นี้ไปจนถึงปี 30 มันก็เสร็จยากเหลือเกิน และอีกหลายรายการมันก็ใหญ่ทั้งนั้น ท่านแม่มัทรีก็บอกว่า
“เอาอย่างนี้ซิลูก ขออำนาจพระพุทธานุภาพ” ก็เลยหันไปกราบพระพุทธเจ้า ท่านบอกว่า “ได้ ฉันต้องช่วยเธอ”
แล้วต่อมาเดินเล่นในบริเวณกระต๊อบของฉันเล็ก ๆ มันมีถนนหนทางใช้ไหม ก็ปรากฎว่าเดินไปเดินมา สมเด็จองค์ปฐมก็เสด็จมาเดินด้วย ท่านบอกว่า
“สภาพของพระนิพพานมันเป็นอย่างนี้นะ คนที่ถึงพระนิพพานแล้ว กิจอื่นที่ทำไม่มี มันเป็นอย่างนี้นะ เวลานี้เราเดินกลางบริเวณ พวกเราทั้งหมดลองนั่งดูซิ มันจะมีอะไรไหม”
ที่มันเป็นที่นั่งไม่มีเลย พอนั่งปุ๊บไอ้เตียงตั่งมันเสือกมาได้อย่างไรก็ไม่รู้ เลยคุยไปคุยมา ท่านก็เลยบอกว่า
“งานที่ฉันสั่งต้องเสร็จทัน 30”
ท่านย่ากับแม่ศรีก็ขึ้นไป ท่านย่าบอกว่า อำนาจพุทธานุภาพก็มีแล้ว สังฆานุภาพก็มีแล้ว พรหมมานุภาพกับเทวานุภาพก็ช่วยแล้ว แต่ว่าถ้าบรรดาลูกหลานมันยากจน และปี 28 มันจะเครียด ขอพรพระพุทธเจ้า ขอคาถาสักบท (ที่ท่านให้ฉันไว้นี่) ขอให้ลูก ๆ หลาน ๆ ใช้เถอะ..ให้อนุมัติ”
ความจริงคาถาเฉพาะนี่จะให้ใครไม่ได้เลย ท่านก็เลยบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นไปพิมพ์แจก และก็ให้มันทำด้วยความเคารพ”
ฉันไม่ยืนยันว่า คนที่ไม่เคารพฉันจะมีผล จำให้ดีนะ
จึงขอให้ทุกคน ถ้าได้รับคาถานี้ ให้ตั้งใจปฏิบัติด้วยความจริงใจ ด้วยความเคารพในพระพุทธเจ้า
ต่อไปนี้ก็จะอ่านคาถาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน และให้ทุกคนตั้งใจนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คิดว่าคาถาทั้งหมดนี้จงปรากฎอยู่ในจิตของเรา ลาภผลต่าง ๆ ให้ปรากฎแก่เราตามที่พระองค์ต้องการนะ นึกถึงท่านนะ
สัมปจิตฉามิ คาถาสนองกลับ
นาสังสิโม คาถาพระพุทธกัสสป
บทแรก “พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ” อันนี้ตัดอุปสรรคที่ลาภจะมา แต่เขามาบอกว่ามีผลแน่นอน คือว่าแกจะไม่ยอมให้ลูกแกจน พูดง่าย ๆ ก็แล้วกัน พระพุทธเจ้าก็ทรงยืนยันบอกว่าให้หมด
บทที่สอง “พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม” คาถาบทนี้เป็นคาถาเงินแสนของท่าน
บทที่สาม “มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม” บทนี้เป็นคาถาปลุกพระวัดพนัญเชิญ
บทที่สี่ “มิเตพาหุหะติ” เป็นคาถาเงินล้าน
บทที่ห้า “พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม” เป็นถาคาพระปัจเจกพุทธเจ้า
บทที่หก “สัมปติจฉามิ” บทนี้เป็นบทเร่งรัดบทสุดท้าย
บทที่เจ็ด “เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ “ พระปัจเจกพุทธเจ้ามาบอกหลวงพ่อเมื่อ พ.ย.33 เป็นภาษาโบราณ แต่เทียบกับภาษาไทยอ่านได้อย่างนี้ เป็นคาถามหาลาภ มีผลยิ่งใหญ่มาก
ทั้งหมดนี้ต้องสวดเป็นบทเดียวกัน บูชาเรื่อย ๆ ไป การบูชาถ้าบูชาเฉย ๆ มันเป็นเบี้ยต่อไส้
อย่าลืมนะ เวลาสวดมนต์แล้วให้สวดคาถานี้ 9 จบ เท่าเดิมนะ และเวลาภาวนานอนภาวนาก็ได้ ว่าเรื่อย ๆ ไป จนกระทั่งหลับไปเลย ตื่นขึ้นมาต่อจากกรรมฐานนอนก็ได้ ใจสบาย ๆ นะ บางทีเผลอ ๆ ฉันก็ต้องว่าของฉันเรื่อย ๆ ไป คาถาเงินล้านนี่มาให้เมื่อปีฝังลูกนิมิต ท่านบอกว่า งานข้างหน้าจะหนักมาก หลังจากนี้เป็นต้นไป เงินจะใช้มากกว่าสมัยที่สร้างโบสถ์
อย่าลืมนะ เวลาว่าง ๆ นั่งนึกก็ได้ เดินไปก็ได้ไม่ห้ามเลยนะ ให้มันติดใจอยู่อย่างนั้น ให้ถือว่าเป็นกรรมฐานไปในตัวเสร็จ เพราะคาถาที่พระพุทธเจ้าบอกทุกบท ก่อนจะทำต้องนึกถึงท่าน ถือว่าเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน
(คัดมาจากหนังสือ “สมบัติพ่อให้” ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง)
จาก หนังสือธรรมสัญจร เล่ม 1