|
|
นางนกุลมารดาคหปตานี
นางนกุลมารดาคหปตานี
เอตทัคคะในทางผู้กล่าวคำคุ้นเคย
นกุลมารดา เกิดในตระกูลเศรษฐีในเมืองสุงสุมารคิรี แคว้นภัคคะ เมื่อเจริญวัยได้แต่งงานอยู่ครองเรือนตามฆรางาสวิสัย มีความสุขตามสมควรแก่ฐานะ เมื่อบิดามารดาล่วงลับไปแล้ว ได้ครอบครองดูแลทรัพย์สมบัติสืบไป
๐ กล่าวตู่ว่าพระพุทธองค์เป็นลูก
ครั้งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคอันภิกษุสงฆ์แวดล้อมติดตาม้สด็จจาริกไปถึงพระนครสุงสุมารคิรี แล้วเสด็จเข้าไปประทับ ณ เภสกาวัน
ในขณะนั้น นกุลเศรษฐีและภริยาพร้อมด้วยเหล่าชาวเมืองสุงสุมารคิรีได้พากันไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ ที่ผระทับ ทันทีที่เศรษฐีและภริยาได้แลเห็นพระผู้มีพระภาคเท่านั้นความรักประหนึ่งว่าพระพุทธองค์เป็นบุตรในอุทรของตนก็เกิดขึ้น สองสามีภริยาหมอบลงแทบพระยุคคลบาทของพระศาสดาแล้วกราบทูลว่า
“ลูกเอ๋ย เจ้าทิ้งพ่อแม่ไปสิ้นกาลช้านาน บัดนี้เจ้าไปอยู่ ณ ที่ใดมา ?”
จากอาการกิริยาและคำพูด ของเศรษฐีและภริยานั้น สร้างความสับสนฉงนสนเท่ห์แก่ภิกษุสงฆ์และพุทธบริษัทในสมาคมนั้น เพราะต่างก็ทราบดีว่าพระพุทธองค์เสด็จออกบรรพชาจากศากยสกุล กรุงกบิลพัสดุ์ และชาวเมืองสุงสุมารคิรี ก็ทราบดีว่า เศรษฐีสองสามีภรรยามีญาติร่วมสายโลหิตและทายาทกี่คน เหตุไฉนท่านจึงกล่าวตู่ว่าพระผู้มีพระภาคเป็นบุตรของตน
แม้พระบรมศาสดา ก็มิได้ตรัสห้ามประณามเศรษฐีสองสามีภรรยานั้นแต่ประการใดเลย ด้วยเศรษฐีทั้งสองมีสติเต็มไปด้วยความรักและปีติสุดที่จะยับยั้งได้ พระพุทธองค์ทรงรอโอกาสเมื่อพวกเขากับได้สติวางใจเป็นกลางแล้วจึงทรงแสดงธรรมตามสมควรแก่อัธยาศัย บังบุคคลทั้งสองให้ดำรงอยู่ในพระโสดาปัตติผล แล้วทรงยกเรื่องในอดีตชาติ มาประกาศในท่ามกลางพุทธบริษัทให้ทราบทั่วกันว่า
“ในอดีตชาติ เศรษฐีสองสามีภรรยานี้เคยเป็นบิดามารดาของตถาคต ๕๐๐ ชาติ เคยเป็นปู่ เป็นย่า ๕๐๐ ชาติ เคยเป็นลุง เป็นป้า ๕๐๐ ชาติ เคยเป็นอา เป็นน้า ๕๐๐ ชาติ ดังนั้น เพราะความรักความผูกพันที่ติดตามมาตลอดช้านานนี้ พอได้เห็นตถาคตจึงสุดที่จะอดกลั้นความรักนั้นได้”
พระบรมศาสดา ครั้นได้ประทานสุขสมบัติในเทวโลกและสุขสมบัติในอริยภูมิแก่ชาวสุงสุมารคิรีแล้ว เสด็จจาริกไปยังนิคมอื่นๆ โดยลำดับ
๐ แม้ทางใจก็ไม่เคยคิดชั่ว
ครั้นกาลต่อมา พระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์แวดล้อมตามเสด็จมายังพระนครสุงสุมารคิรีอีก เศรษฐีและภรรยาซึ่งท้งสองเข้าสู่วัยชราภาพแล้ว ได้ทราบข่าวการเสด็จมาของพระผู้มีพระภาค จึงพากันไปเฝ้ากราบถวายบังคมด้วยเบญจาคประดิษฐ์ ได้กราบอาราธนาเพื่อเสวยพระกระยาหารในวันรุ่งขึ้น พระพุทองค์ทรงรับด้วยดุษณีภาพ เมื่อได้เวลทรพาภิกษุสงฆ์เสด็จไปยังบ้านของนกุลเศรษฐี ซึ่งสองสามีภรรยานั้น ได้อังคาสถวายภัตตาหารแด่พระพุทธองค์พร้อมภิกษุสงฆ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พากันเข้าไปนั่งใกล้ๆ ณ ที่อันสมควรแก่ตน นางนกุลมารดาคฤหปตานีได้กราบทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์กับนกุลบิดาคฤหบดีนี้ แต่งงานกันมาตั้งแต่ครั้งอยู่ในวัยหนุ่มสาว ตราบจนบัดนี้ ข้าพระองค์มิได้รู้สึกเลยว่า นกุลบิดาคฤหบดีปรารถนาจะนอกใจแม้ทางใจ ดังนี้ เขาจะนอกใจทางกายได้อย่างไร ข้าพระองค์ปรารถนาจะพบกันและกัน ทั้งในปัจจุบันทั้งในภายภาคหน้าพระเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ ณ นครสุงสุมารคิรี ตามสมควรแก่พระอัธยาศัยแล้วทรงพาหมู่ภิกษุสงฆ์เสด็จจาริกโปรดเวไนยสัตว์ ตามนิคมชนบทอื่นๆ โดยลำดับ
ต่อมา พระพุทธองค์ขณะประทับ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงสถาปนายกุลมารดาคหปตานีในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าอุบาสิกาทั้งหลาย ในฝ่ายผู้มีความคุ้นเคยในพระศาสดา
.............................................................
คัดลอกมาจาก ::
http://www.larnbuddhism.com/ |
|
Update : 17/4/2554
|
|