พระภูมิ-เจ้าที่
พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
พระภูมิ
คนดีมีปัญญาจะมี ๓ ภูมิ คือ
๑. ภูมิรู้
๒. ภูมิธรรม
๓. ภูมิฐาน
ท่านจำเอาไปคิด ถ้าใครมี ๓ ภูมินี้จะไม่มีทะเลาะกัน
มีสองสามีภรรยา ความรู้ระดับปริญญาโท แต่ไม่มีความรู้ทางธรรมะเลย
ไม่เคยศึกษาพระพุทธศาสนา ทำบุญตักบาตรก็ไม่เคย
นี่มันขาดภูมิรู้ ภูมิธรรม และไม่เคยฝึกปฏิบัติกรรมฐาน
จึงขาดภูมิฐานด้วย ทะเลาะกันไม่พัก จึงคิดตั้งศาลพระภูมิ
เขาบอกว่า “หลวงพ่อคะ ดิฉันกับสามีทะเลาะกันเรื่อย ความเห็นไม่ตรงกัน
ไปหาหมอดูวัดสุทัศน์ หมอดูบอกว่าไม่ได้ตั้งศาลพระภูมิ หมอดูเป็นเปรียญ ๖ ประโยค”
พระหมอดูถามว่า โยมตั้งศาลพระภูมิหรือเปล่า เขาบอก “ไม่ได้ตั้ง”
ท่านเลยแนะนำให้ตั้ง เพราะท่านถนัดเรื่องพระภูมิ
ตั้งเสร็จได้สองเดือน กลับไปหาอาจารย์อีกบอกว่า
“พระอาจารย์เจ้าขา ตั้งพระภูมิเสร็จแล้ว ยังทะเลาะกันอีก ทะเลาะหนักกว่าเก่าอีก”
หมอดูวัดสุทัศน์ก็บอก “โอ๊ย! พระภูมิไม่ขึ้นศาล”
ต้องไปเรียกใหม่ เสียเงินอีกเป็นหมื่น เอาพราหมณ์วัดสุทัศน์ ที่เสาชิงช้าไปด้วย
พอตั้งได้ ๓ เดือน ทะเลาะกันหนักอีก ตีศีรษะแตกเลย ก็มาหาองค์นี้ใหม่
ท่านก็นั่งอีกแล้วบอกว่า “โอ๊ย! ทิศผิด ไม่ถูกทิศ ต้องทิศนี้ซิ ใครมาตั้งนะ”
ท่านก็เลยให้ตั้งใหม่ เอาพราหมณ์ไปตั้งด้วย ตั้งเสีย ๔ ศาลแล้ว เกะกะไปหมด
หาที่จอดรถไม่ได้ เพราะเขาบอกว่า ตั้งแล้วรื้อไม่ได้ ก็ตั้งเข้าไป
ต่อมา โอ้โฮ! ไม่แค่ทะเลาะกันนะ จะฟ้องหย่ากันเลย ก็ไปถามหมอดูอีก
หมอดูกลับบอกว่า “โอ๊ย! เชิญอย่างไรก็ไม่ได้ผล ต้องเสียเงินอีกแล้ว
ต้องทำพลีกรรม เพราะตรงนี้มีตอตะเคียน”
ผีตอตะเคียนขึ้นมาตีกับพระภูมิ พระภูมิสู้ไม่ได้ จึงหนีไป เชื่อเข้าไปได้
ถ้าใต้ถุนบ้านมีตอตะเคียน มีผี ไม่เป็นไร ตอตะเคียนใหญ่ หนักเข้าก็ผุไป
เรือนเย้ไปนิดหน่อย ก็ยันมันขึ้นมา ถมดินใหม่ ไม่ต้องรื้อเรือน
ถ้าสร้างใหม่หมดอีกเป็นล้าน ผีมีอยู่ตรงไหน ขุดดูซิ
คร่อมตอตะเคียนไม่เป็นไรนะ คร่อมผีก็ไม่เป็นไร แต่คร่อม ตอแหล นี่รื้อหนีเลย
บ้านแตกสาแหรกขาดหมด มันยุให้แตก
พวกตอแหลตายไปแล้ว นำกะโหลกมาตักน้ำล้างเท้า ยังทำให้คนทะเลาะกันเลย
นี่ต้องพูดให้เป็น เป็นเรื่องจริง
สู้ พระภูมิ ๓ ไม่ได้ ภูมิรู้ ภูมิธรรม ภูมิฐาน
คนที่ทะเลาะกันเพราะไม่มีพระภูมิ ๓ นี่เอง
อาตมาบอกให้มาเข้ากรรมฐาน เดี๋ยวจะบอกให้ อยู่กรุงเทพฯ นี่เอง
ถ้าคร่อมตอตะเคียนกี่ตอช่างมัน แก้ได้ ผีเข้าก็แก้ได้ คนขาดสติ ใช่ไหมล่ะ
ตรงนี้เอาไปสอนกันหน่อยนะ อย่าพลอยบ้าไปกับเขาเลย
คนขาดสติผีเข้าเจ้าสิงแน่ๆ มาที่นี่เยอะไปหมด ผีเข้าเจ้าทรง พอมีสติเข้าออกเอง
ไล่ผีปีศาจผีสิงไล่ยาก ถ้าผีตายโหงตายห่ามาเข้า ไล่ยาก
ปีศาจผีสิงอยู่ในจิตใจคนไล่ยาก ดีไม่ดีจะเตะเราเข้า
ต้องให้ไล่เอง ด้วยการมาเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ผีออกเลย
ขอฝากท่านไปคิดด้วย
อาตมาก็ว่าที่บ้านนี้ ไปหาพระวัดสามปลื้มที่จักรวรรดิ์อีกแล้ว
องค์นั้นเก่งน้ำมนต์ เอาน้ำมนต์ไปพรม เอาทรายไปซัด ซัดใหญ่เลย
ซัดใหญ่ก็ตีกันใหญ่ ผีมันโกรธเอานะ
ต้องแผ่เมตตาซิ ไม่ได้ผลนะ แนะแนวไปคนละอย่าง
โบราณเขาบอก ตั้งศาลพระภูมิ อย่าให้เงาเรือนทับศาลพระภูมิ
ไม่ให้ศาลพระภูมิทับเงาเรือน เพราะเหตุใด ต้องหาเหตุผล
บางคนตั้งไม่ได้ ต้องออกไปห่าง ๆ พ้นเงาเรือน นี่สมัย ๑๐๐ ปีมาแล้ว
โปรดอ่านเล่ม ๒ ต่อไป อาตมาอ่านเล่ม ๒ จบ ต่อเล่ม ๓ อีก ถึงได้พบจุด
คนโบราณเขาสอนสั้น สอนให้เราคิด เช่น อย่าขี่หมาฟ้าจะผ่า
เดี๋ยวนี้อธิบายด้วยคอมพิวเตอร์แล้ว ยังไม่เอาไหนอีกหรือ
อาตมาว่า คนเดี๋ยวนี้ไม่มีสติปัญญาเหมือนคนเก่า
ปู่ ย่า ตา ทวด มีปัญญาดีกว่าเด็กสมัยนี้
เด็กสมัยนี้รู้มาก ไม่รู้จริง ถึงได้ไม่เอาเหนือเอาใต้
เมื่อก่อนอยู่วัด ป.๓ ป.๔ คือปริญญาตรีเดี๋ยวนี้
เมื่อก่อนอยู่ชั้นประถม ๓ คิดหน้าไม้ได้แล้ว หน้าไม้ศาลายาวเท่าไร
ใช้มุมเท่าไร ใช้อะไรได้หมดเลย ช่อฟ้าหน้าบันลักษณะอย่างไร ทำได้หมด
เดี๋ยวนี้ ม.๖ ยังอ่านหนังสือไม่เป็นท่า อาตมาให้ลองอ่าน ใช้ไม่ได้เลย
วรรคตอนไม่มี เขียนหนังสือเป็นตัวไส้เดือนหมด อ่านไม่ออก ย่อหน้าก็ไม่มีด้วย
สอนกันอย่างไร สอนเบสิค (Basic) สอนให้รู้ไว
ไม่รู้จริง น่าเสียดายมาก ไม่รู้ที่มาของมัน
พระภูมินี่ อาตมาก็เท้าความหลัง อ่านเสมอ
อ่านเล่ม ๓ พบเลย อ๋อ! เขาห้ามตรงนี้เอง
เมื่อสมัย ๑๐๐ ปี บ้านเรือนทรงไทย ล้างมือ ล้างเท้า เทน้ำลงข้างล่าง
อุจจาระก็ลงร่องไป ใต้ถุนมีคอกควายด้วย ไม่ใช่เดี๋ยวนี้ ตำรานี่ ๑๐๐ ปีแล้ว
ฝนตกลงมาหนักเขา พวกโคลน น้ำครำก็ไหลมาที่ศาลพระภูมิ
และเงาทับแดดออก ก็ไม่มีแดดไม่แห้ง ทำให้พระภูมิเหม็น
มีคำสอนในพระไตรปิฎกว่า
กินของร้อน นอนในมุ้ง ทุ่งในส้วม สวมรองเท้า
สมัยก่อน ส้วมไม่มี ต้องออกหลังบ้าน คนเราสมัยเด็ก ไม่ถึง ๑๐๐ ปีหรอก
พี่ป้าน้าอาบอก เฮ้ย! ไปเบาเสียซิ ก็ลงร่อง มีส้วมที่ไหน
และอุจจาระปัสสาวะก็ไหลไปสู่พระภูมิ และเงาบ้านทับ แดดก็ไม่ส่อง ไม่สมควร
แต่เดี๋ยวนี้ตั้งได้ไหม ตั้งบนหลังคายังได้เลย มีโคลนไหมล่ะ และศาลพระภูมิว่าอย่างไร
ตั้งตรงนั้นสะอาดไหม เทคอนกรีตไหม มีสวนหย่อมไหม ตั้งได้ ปัญหาอยู่ตรงนี้
เจ้าที่
ที่วัดอาตมากำลังอบรมพลทหารบก ขณะนั้นข้าวสารก็เหลือน้อยแล้ว
อาตมาก็แผ่เมตตาไป เป็นบุญของกองทัพบกที่จะมีข้าวเลี้ยงต่อไป
เกิดดลบันดาลให้ครูรวมกับคุณประภาศรี มาจากลาดยาว จ.นครสวรรค์
นำข้าวสารมาให้ ๑๐ กระสอบ น้ำตาลทราย ๑ กระสอบ นม ๑ ลัง
หอมกระเทียม ๑๐ กิโลกรัม พริกแห้ง น้ำปลา ผงซักฟอก
คนที่สะสมบุญไว้ เวลาจิตว่าง จะมีพลังส่ง ถ้าจิตไม่ว่าง จิตฟุ้งซ่านไม่มีพลังส่ง
จะเอาสตางค์มาทำบุญสังฆทานกี่ร้อยกี่พันกี่แสนก็ไม่ได้ผล มันต้องสะสมบุญ
อาตมาสะสมบุญไว้ตรงนี้ ทุนเสริมสมองเด็กในการเรียนหนังสือช่วยเด็กยากจน
เอาข้าวสารไปให้ทาน เจริญวิปัสสนากรรมฐานบุญก็เต็ม
และเป็นแรงผลักดันของกองทัพบกเหมือนกัน
เจ้าที่เจ้าทางก็นำของมาให้ตรงกับที่เขามาให้วันนี้เลย
เรื่องที่ ๑
เมื่อคืนนี้มีเรื่องอัศจรรย์ดลบันดาล อาตมาทำงานเสร็จก็สวดมนต์ ไหว้พระ
ยังไม่ทันได้นอน เพราะนอนไม่ได้จะต้องเข้าโบสถ์
มีเสียงดังขึ้น แล้วปรากฏตัวเป็นตาแป๊ะหนวดยาวมาบอกว่า เป็น เจ้าที่
มาจากกรุงเทพมหานคร มาบอกว่า
“พระคุณเจ้า วันพรุ่งนี้เขาจะนำของมาถวายท่าน
โปรดกรุณาแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้ข้าพเจ้าด้วย
ข้าพเจ้าเป็นเจ้าของที่ อยู่บ้านเลขที่ ๙๑ สุขุมวิท ซอย ๕๗
กับบ้านเลขที่ ๑๐๐/๑ ซอยสุขุมวิท เตรียมอุดม ๔” อาตมาก็จดไว้
เขาบอกว่า เมื่อสมัยก่อนเขาเป็นเศรษฐีมีเงิน ขี้เกียจทำบุญ
ตายแล้วเกิดเป็นเปรตอยู่ที่นั้น ไม่ได้ไปเกิด อยู่มา ๑๐๐ กว่าปีแล้ว
เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เจ้าของที่ใหม่จะขายที่ก็ขายไม่ได้
แต่ตอนนี้จะไปเกิดแล้ว เจ้าของใหม่คือคุณระย้า เขาจะขนของมาให้ตอนบ่ายนี้
มีข้าวสาร ๒ กระสอบ น้ำตาลทราย ๓ กระสอบ น้ำมันพืช ๑๐ ปีบ น้ำ ๕๐ โหล
แล้วให้อาตมาอุทิศให้
นี่กรรมฐานมีประโยชน์นะ เจ้าที่มาบอกตั้งแต่ตี ๓ เชื่อไม่เชื่อไม่เป็นไร
ปรากฏว่าคุณระย้าไม่ได้มา แต่ให้รถ ๑๐ ล้อ บรรทุกของมาให้
โดยโทรศัพท์บอกล่วงหน้า ตรงตามที่เจ้าที่บอกทุกประการ
นี่คือเงินไหลนอง ทองไหลมา และเจ้าของที่เขาจะขายที่ด้วย รวยอีกเป็น ๑๐๐ ล้าน
อาตมาจะต้องแผ่เมตตาให้เขา และขอให้กองทัพบกแผ่เมตตาให้เขาด้วย
เรื่องที่ ๒
ที่ลพบุรี ข้างร้านวรทัศน์ ตอนเย็นๆ เวลาประมาณ ๑๘ นาฬิกา
จะเห็นคนแก่โบราณ ถือตะกร้าหมาก เดินไปมาหลังร้านที่วัง และที่โรงหนัง
เป็น เจ้าของที่ เห็นกันหลายคน
เขาเลยไปนิมนต์พระมาสวดนักขัตรบ้าง
เอาทราบซัดบ้าง ราดน้ำมนต์บ้าง ยายคนนั้นก็หายไป
ลูกสาวของป้าข้างรานวรทัศน์ ทำงานอยู่ที่องค์การโทรศัพท์
ยังไม่มีครอบครัว เกิดมีอาการผิดปกติตอนบ่าย ๓ โมง
จะมีอาการทำเป็นคนหลังค่อม ทำเป็นนมยาน
พิมพ์หนังสือไม่ได้เลย กวาดโน่น กวาดนี่
มีคนพาไปหาหมอดู และเข้าตรวจที่โรงพยาบาล
หมอก็บอกว่า ไม่มีโรคอะไร
หัวหน้าองค์การโทรศัพท์บอกว่า ให้ไปรักษาให้หาย
ถ้า ๓ เดือนไม่หายให้ออกจากที่ทำงาน
ยายคนนี้เป็นเจ้าของที่ที่โรงหนังหลังร้านวรทัศน์ แก่หลังค่อม
นมยาน ถือกระจาดหมาก ถูกเขาไล่ที่ลพบุรี
เลยไปเข้าลูกสาวเขาที่กรุงเทพฯ วิญญาณอาฆาตนะ
อย่าลืมนะ ถ้าใครพบเห็นอย่างนี้ อย่าไล่นะ
อย่าไปเอาพระมาสวด อย่าเอาน้ำมนต์ราด ขอฝากไว้ “อย่า”
ท่านต้องแผ่เมตตา แผ่เมตตาไปนี่ ผีมันรักท่านนะ
ขอประทานโทษ ไม่ต้องแค่ผี แค่คนหรอก กับสุนัขยังใช้ได้
อาตมาเมื่อสมัยเด็ก จะไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ไปลาป้า
มีไอ้โทนตัวหนึ่ง เราไปขว้างหัวมัน
พอเรียนหนังสือจบจากกรุงเทพฯ มาหาป้า
มันเห่าเราคนเดียว เพื่อนไม่เห่า หมายังเกลียดแล้ว ผีจะไม่เกลียดหรือ
ในที่สุด เขาก็รักษาไม่หาย
จึงไปหาพระองค์หนึ่งอยู่ที่ปากน้ำ สมุทรปราการ
นั่งทางในเก่ง แม่กับเตี่ยเขาไปด้วย
พระท่านถามว่า เคยเห็นยายแก่หลังค่อม นมยานไหม เขามาสิงอยู่
พ่อแม่ก็ยังไม่เชื่อใจ ก็ไปหาแม่ชีคนหนึ่งที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ
ก็บอกตรงกันกับพระเลย
จึงถามวิญญาณว่าจะเอาอะไร ไม่อย่างนั้นลูกสาวจะไม่หาย
เพราะเขาเคียดแค้นมาก จะเอาลูกสาวให้ตาย
แม่ชีก็ถาม ได้ความว่า เอาสังฆทาน สิ่งของต่อไปนี้ ไม้กวาด มีด ช้อนส้อม ๒๐ คู่
เขาก็ถามว่า จะเอาไปไหน แม่ชีก็บอกว่า
“ยายคนนี้จะมาอยู่วัดอัมพวัน เขารู้จักหลวงพ่อวัดอัมพวัน
แผ่เมตตาให้ทุกวัน และให้ทานทุกวัน เขาบอกอย่างนั้น”
แม่ชีคนนั้นก็ไม่รู้จักวัดอัมพวันด้วย
เขาบอกว่า เอาไม้กวาด เพราะมาอยู่วัดต้องกวาดวัด
และบอกว่าที่วัดกินข้าวเขาใช้ช้อนกัน
เขาก็เลยพามาเต็มวัดเลย มาถวายสังฆทานและนิมนต์พระอนุโมทนา
ไม้กวาดยังอยู่เลย วัดนี้ดี ผีช่วยกวาดเยอะ คนขี้เกียจจัง
พอถวายสังฆทานเสร็จเรียบร้อย พระอนุโมทนา “พุทธาโภคา....” เรียบร้อย
ลูกสาวหายทันที เดี๋ยวนี้ยังอยู่ ถามร้านวรทัศน์ดูได้ เป็นหัวหน้ากองไปแล้ว
ขอฝากไว้อย่าไปไล่ผีแบบนั้นนะ ต้องแผ่เมตตา ขอเสนอแนะว่า ถ้าผีเข้าจริง
เราก็แผ่เมตตาไปแบบเจ้าคุณธรรมกิตติ (สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี)
คาถาว่า “เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง”
ถ้าเชื่อจำไป ขับรถ ผีช่วยเราหมด
ถ้าจะภาวนาเป็นหัวใจ ก็ภาวนาว่า “เมตตา คุณณัง อรหัง เมตตา”
ก็ไม่น่าเชื่อนะ ตอนเช้าอยู่ดีๆ พอบ่าย ๓ โมง ทำเป็นคนแก่ กวาดเหมือนคนแก่
พิมพ์หนังสือไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่เป็นสาว ทำนมยานได้ แปลกดี! |
|