ตะกรุดสาริกายันต์หน้าพระลักษณ์ทองคำ ท่านพระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วง
ตะกรุดสาริกายันต์หน้าพระลักษณ์ทองคำ พระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วง
ตะกรุดสาริกา เป็นเครื่องรางของขลังอาถรรพ์ที่มีพลังอำนาจ คนสมัยโบราณนิยมบูชากันมาก มีมานานแล้วนับร้อยปี ผู้ใดมีไว้บูชาแล้วจะเป็นที่รักใคร่ของผู้คนทั้งปวง จะพูดจาสิ่งใดก็ดูน่าฟังไม่ขัดหู หากพระอาจารย์บางองค์ที่ท่านมีสมาธิจิตดีๆแล้ว ท่านจะสามารถปลุกเลกตะกรุดสาริกาของท่านให้มีความเข็มขลังมากถึงขนาด ผู้ที่นำไปพกบูชาพูดจาสิ่งใดแล้วผู้คนที่ได้รับฟังจะเชื่อถือในคำพูดนั้นๆไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตเลยทีเดียว ตะกรุดสาริกาจะใช้ไปทางมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม
ท่านพระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วงทำพิธีมอบ ตะกรุดสาริกายันต์หน้าพระลักษณ์ทองคำ ให้แก่คุณวิเชียร ประสิทธิ์
ตะกรุดสาริกายันต์หน้าพระลักษณ์ทองคำ ท่านพระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วงนั้น ท่านพระอาจารย์ป้อมท่านจะลงตะกรุดสาริกาทองคำของท่านด้วยพระยันต์หน้าพระลักษณ์ ซึ่งพระยันต์หน้าพระลักษณ์นี้คือสุดยอดพระยันต์แห่งพระยันต์แล้ว ยันต์หน้าพระลักษณ์เป็นพระยันต์โบราณที่หายสาปสูญไปไม่มีผู้ใดได้พบเห็นพระยันต์หน้าพระลักษณ์นี้เป็นเวลานับร้อยปี ท่านพระอาจารย์ผู้ที่ได้พ้นพบและนำพระยันต์หน้าพระลักษณ์ มหาพระยันต์โบราณกลับมาใช้ได้อีกครั้งคือ ท่านพระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วง ทายาทวิชาเข็มทองรุ่นที่ 2 แห่งวัดหนองม่วง โดยตัวพระยันต์หน้าพระลักษณ์นี้เป็นพระยันต์ที่ใช้ดีทางเมตตามหานิยม เป็นพระยันต์ที่มีพลังพุทธคุณทางมหาเสน่ห์อย่างแรง เป็นมหาอำนาจแก่ผู้ที่ได้พกพาบูชาติดตัว
ตะกรุดสาริกายันต์หน้าพระลักษณ์ทองคำ ในมือของท่านพระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วงที่กำลังทำพิธีมอบให้แก่ คุณวิเชียร ประสิทธิ์
การสร้างตะกรุดสาริกาทองคำด้วยพระยันต์หน้าพระลักษณ์ของท่านพระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วงนั้น ท่านพระอาจารย์ป้อมท่านจะสร้างให้เฉพาะแต่ศิษย์ผู้มีจิตศัทธาในวิชายันต์หน้าพระลักษณ์ของท่านเท่านั้น จะไม่สร้างให้ใครพร่ำเพรื่อ เพราะการจะสร้างตะกรุดสาริกายันต์หน้าพระลักษณ์ทองคำได้แต่ละดอกนั้น ท่านพระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วงท่านจะต้องใช้พลังจิตในการสร้างและปลุกเสกเป็นอย่างมาก ตะกรุดสาริกายันต์หน้าพระลักษณ์ทองคำจึงจะเป็นตะกรุดเฉพาะตัว สร้างขึ้นมาเพื่อให้ใช้เฉพาะคน จึงถือได้ว่าตะกรุดสาริกายันต์หน้าพระลักษณ์ทองคำของ ท่านพระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วงเป็นตะกรุดที่หายากและน่าเสาะหาเอามาไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง
ความเป็นมาของยันต์หน้าพระลักษณ์สุดยอดยันต์แห่งยันต์
ภาพยันต์หน้าพระลักษณ์ ตัวผู้
.
ความเป็นมาของยันต์หน้าพระลักษณ์ สุดยอดยันต์แห่งยันต์
(จากบทสัมภาษณ์ของพระครูประภาสธรรมทัต วัดหนองม่วง)
เมื่อประมาณปี พ.ศ.2537 พระครูประภาสธรรมทัต (พระอาจารย์ป้อม) ท่านได้บังเอิญพบกับลูกศิษย์คนหนึ่งของหลวงพ่อสวัสดิ์ วัดหุบมะกล่ำ ซึ่งหลวงพ่อสวัสดิ์ท่านเป็นพระอาจารย์ที่ได้ถ่ายทอดวิชาเข็มทองคนองฤทธิ์และยังเป็นพระหลวงอาของพระอาจารย์ป้อมอีกด้วย คุณโยมผู้นั้นได้แนะนำให้พระอาจารย์ป้อมไปเรียนศึกษาต่อวิชาบางอย่างเพิ่มเติมจากอาจารย์เฉลียว ช่างชัย ที่จังหวัดนครปฐม เพราะท่านอาจารย์เฉลียว ช่างชัย ท่านเป็นผู้รู้จริงในสรรพวิชาต่างๆและยังเป็นผู้ที่เก็บรักษาพระยันต์โบราณไว้มากมาย ซึ่งพระอาจารย์ป้อมก็ได้สนใจและปฎิบัติตามคำที่คุณโยมท่านนั้นแนะนำ โดยพระอาจารย์ป้อมได้เดินทางไปหา อาจารย์เฉลียว ช่างชัย ทุกวันเสาร์เพื่อร่ำเรียนศึกษาต่อวิชาตามคำบอกกล่าวของคุณโยมผู้นั้นอยู่เป็นเวลาถึงสองปี ท่านได้ศึกษาเรียนรู้วิชาการต่างๆมากมายหลายแขนง แต่มีวิชาอยู่สามแขนงที่พระอาจารย์ป้อมรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ วิชาดังกล่าวคือ 1. วิชาตำรามหามนต์เงาะถอดรูป 2. วิชาตำรามหามณีจินดามนต์ และ3. วิชาตำราสร้างยันต์หน้าพระลักษณ์
|
ภาพยันต์หน้าพระลักษณ์ ตัวเมีย
โดยเฉพาะวิชาตำราสร้างยันต์หน้าพระลักษณ์ วิชานี้ได้สูญหายไม่สามารถหาผู้สืบทอดมาเป็นเวลากว่าสองร้อยปีแล้ว(วิชานี้ได้ถูกค้นพบอีกครั้งโดย ท่านอาจารย์แหน๋ ฆาราวาสจอมขมังเวทย์) ท่านอาจารย์เฉลียว ช่างชัย ได้รับสืบทอดวิชานี้มาจาก ท่านอาจารย์แหน๋ ซึ่งเป็นฆาราวาสจอมขมังเวทย์อยู่ที่จังหวัดอ่างทอง แต่ท่านเป็นคนที่มีพื้นเพมาจากจังหวัดสุรินทร์ อาจารย์เฉลียว ช่างชัย ได้รับสืบทอดวิชาตำราสร้างยันต์หน้าพระลักษณ์ เมื่อสมัยท่านยังบวชเป็นสามเณรซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุประมาณ 12 ปี ส่วนท่านอาจารย์แหน๋นั้นก็แก่ชรามากแล้วอยู่ระหว่างระยะบั้นปลายของชีวิต แต่ท่านได้เก็บรักษาวิชาตำราสร้างยันต์หน้าพระลักษณ์ไว้อย่างหวงแหน ท่านอาจารย์แหน๋ไม่ยอมถ่ายทอดวิชานี้ให้กับผู้ใด จนกระทั่งมาถึงระยะสุดท้ายของชีวิตท่าน ท่านอาจารย์แหน๋กลัวว่าวิชานี้จะสูญหาย สาบสูญไปโดยไร้ผู้สืบทอด เหมือนอย่างสมัยที่ท่านต้องสืบเสาะค้นหาวิชานี้กลับมาอย่างยากลำบาก และเผอิญท่านได้มาพบกับอาจารย์เฉลียว ช่างชัย ซึ่งขณะนั้นได้บวชเป็นสามเณรน้อย ประกอบกับความมีปัญญาเฉลียวฉลาดเป็นที่ถูกอัธยาศัย ถูกใจของท่านอาจารย์แหน๋ยิ่งนัก ท่านอาจารย์แหน๋จึงได้เมตตายอมถ่ายทอดวิชาสร้างยันต์หน้าพระลักษณ์นี้สืบต่อให้กับ อาจารย์เฉลียว ช่างชัย จนหมดสิ้น โดยได้กำชับนักหนาว่าอย่าได้ถ่ายทอดวิชานี้ให้กับใคร จนกว่าจะเจอผู้ที่มีอุปนิสัยจิตใจที่ดี เหมาะสมที่จะเรียนวิชานี้ได้ ถึงจะให้ถ่ายทอดวิชานี้แก่ผู้นั้น หากไม่พบผู้ที่เหมาะสม สมควรถ่ายทอดให้แล้ว ก็ขอให้ปล่อยให้วิชานี้สาปสูญต่อไปอีกครั้งหนึ่ง ท่านอาจารย์เฉลียว ช่างชัย ได้รับการถ่ายทอดวิชาสร้างยันต์หน้าพระลักษณ์ มาตั้งแต่สมัยยังเป็นสามเณรอายุ 12 ปีนั้น ท่านก็เก็บรักษาวิชาสร้างยันต์หน้าพระลักษณ์นี้ไว้ อย่างหวงแหนเช่นเดียวกับอาจารย์ของท่าน จนอายุท่านมากแก่ชราแล้ว ก็ยังหวงแหนไม่ยอมถ่ายทอดวิชานี้สืบต่อให้กับใคร อนึ่งอาจเป็นเพราะวิชาสร้างยันต์หน้าพระลักษณ์นี้มีอิทธิฤทธิ์อิทธิคุณแรงกล้า ประกอบกับรับปากอาจารย์ของท่านไว้ ท่านเลยกลัวว่าผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชานี้ไป หากไม่ใช่คนดีไม่อยู่ในศีลในธรรมแล้ว จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ก็จะเป็นภัยต่อผู้อื่นหรืออาจทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนได้ จนแม้เมื่อพระอาจารย์ป้อมได้มาฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านแล้ว และได้ศึกษาสรรพวิชาต่างๆอยู่กับท่านเป็นเวลาถึงสองปีแล้วก็ตาม ท่านอาจารย์เฉลียว ช่างชัย ก็ยังไม่ยอมถ่ายทอดวิชานี้ให้กับพระอาจารย์ป้อม จนกระทั่งเมื่อพระอาจารย์ป้อมได้กล่าวอ้อนวอนขอเรียนวิชานี้ เพื่อที่จะนำไปใช้ประโยชน์สร้างความเจริญให้กับพระพุทธศาสนา ทำนุบำรุงวัดวาอาราม ท่านอาจารย์เฉลียว ช่างชัย จึงได้ใจอ่อนยินยอมถ่ายทอดวิชาตำราสร้างยันต์หน้าพระลักษณ์นี้ให้กับพระอาจารย์ป้อมอย่างหมดสิ้น รวมทั้งวิชาตำรามหามนต์เงาะถอดรูป และวิชาตำรามหามณีจินดามนต์ดังกล่าวข้างต้นด้วย
|
ภาพยันต์ครูสายเข็มทองและยันต์หน้าพระลักษณ์ ตัวผู้
อิทธิคุณของยันต์หน้าพระลักษณ์
.
ยันต์หน้าพระลักษณ์นั้น ถือว่าเป็นสุดยอดยันต์แห่งยันต์อย่างแท้จริง โดยในรายละเอียดของตัวยันต์นั้น ประกอบขึ้นด้วยอักขระที่มีอิทธิคุณครอบคลุมทางเมตตามหานิยมเป็นมหาเสน่ห์อย่างแรงทั้งสิ้น การจะเขียนยันต์หน้าพระลักษณ์ได้นั้น ผู้ที่จะเขียนจะต้องเป็นคนมีอุปนิสัยและพื้นฐานทางด้านจิตใจที่ดีอยู่ในศีลในธรรม และมีความเมตตาโอบอ้อมอารี จะต้องมีความขยันหมั่นเพียร ฝึกฝนจิตใจเป็นเวลานานนับปี จนจิตผู้นั้นก่อเกิดเป็นสมาธิและมีตบะกล้าแข็ง ซึ่งเมื่อขณะทำการเขียนยันต์หน้าพระลักษณ์นั้น จะเกิดมีอาการขนลุกตั้งชัน ใบหน้าชา ใบหูชา คล้ายลักษณะอาการของคนของขึ้น จึงจะเรียกได้ว่าเขียนยันต์หน้าพระลักษณ์ได้สำเร็จ ถึงจะสามารถทำให้ยันต์หน้าพระลักษณ์นี้ เกิดอิทธิคุณสมดังปรารถนาได้ ซึ่งแม้แต่ตัวท่านพระอาจารย์ป้อมเอง ซึ่งท่านได้ร่ำเรียนวิชาเข็มทองคะนองฤทธิ์และฝึกฝนอบรมจิตมาเป็นเวลานานหลายปีจนสามารถทำให้เข็มทองที่ท่านฝังให้กับลูกศิษย์มีอิทธิฤทธิ์เคลื่อนที่ไปมาในร่างกายของลูกศิษย์ได้ รวมทั้งยังได้ศึกษาร่ำเรียนวิชาแขนงอื่นๆกับท่านอาจารย์เฉลียว ช่างชัย ต่ออีกสองปี ก็ยังต้องใช้เวลาฝึกฝนร่ำเรียน วิชาตำราสร้างยันต์หน้าพระลักษณ์นี้อีกเป็นเวลานานถึงแปดปี ถึงจะสามารถเขียนยันต์หน้าพระลักษณ์นี้ ให้เกิดอิทธิคุณสมดังปรารถนาได้สำเร็จอย่างที่บูรพาจารย์ได้บันทึกไว้ในตำรา
|
ภาพยันต์ครูสายเข็มทองและยันต์หน้าพระลักษณ์ ตัวเมีย
พระอาจารย์ป้อมได้นำยันต์หน้าพระลักษณ์ ที่ได้สูญหายไปกว่าสองร้อยปีกลับมาใช้ โดยท่านพระอาจารย์ป้อม ได้นำยันต์หน้าพระลักษณ์มาเขียนลงเพิ่มในแผ่นทองคำ ที่จะนำมารีดเป็นเส้นลวดเพื่อมาทำเป็นเข็มทองคะนองฤทธิ์ เพื่อเพิ่มอิทธิคุณให้กับเข็มทองคะนองฤทธิ์มากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้นำยันต์หน้าพระลักษณ์ มาทำเป็นผ้ายันต์,ตะกรุดและวัตถุมงคลอื่นๆ แจกจ่ายให้แก่ศิษยานุศิษย์นำไปใช้ เพื่อเป็นการสงเคราะห์ช่วยเหลือศิษยานุศิษย์ในด้านต่างๆ และได้นำปัจจัยที่ได้รับการถวายจากศิษยานุศิษย์ มาทำนุบำรุงวัด รวมทั้งใช้สร้างเสนาสนะต่างๆภายในวัดให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งถือเป็นการยังประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนาอีกทางหนึ่งด้วย ดังนั้นจึงถือได้ว่าในยุคปัจจุบันนี้ พระอาจารย์ป้อม เจ้าอาวาสวัดหนองม่วง เป็นพระเกจิอาจารย์องค์แรก ที่ได้นำยันต์หน้าพระลักษณ์ซึ่งได้สูญหายไร้ผู้สืบทอดมากว่าสองร้อยปีนั้น กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์และเผยแพร่ให้คนทั้งหลายได้รู้จักกับยันต์หน้าพระลักษณ์นี้อีกครั้งหนึ่ง
.
เรียบเรียงโดย
แว่นวัดอรุณ
ข้อมูลจาก
กะฉ่อนพระเครื่อง
|