หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    แก้กรรมด้วยพลังธรรม

    Image

    แก้กรรมด้วยพลังธรรม
    หยั่งรู้พฤติกรรมด้วยบารมีทาน


    ทานบารมี...คือการสละสิ่งของ ของตน เพื่อให้เป็นผลแก่ผู้รับให้ได้ ประโยชน์จริงๆ ทำให้เกิดเป็น คุณสมบัติอันยิ่งยวด คือปฏิปทาประจำอยู่ในจิต ของพระโพธิสัตว์ทุกองค์ ด้วยผลบุญที่เกิดขึ้นด้วย ทานบารมีนี้ จึงมีผู้แสวงหาความสุข ได้เพียรพยายามที่จะทานปฏิบัติ ด้วยหวังผลว่า ในภพหน้าจะได้เสวยสุข จากผลบุญที่สร้างไว้

    และก็มีบางท่านที่ไม่ต้องรอนานขนาดนั้น เพียงชาตินี้ก็รับผลบุญ จากทานบารมีแล้ว.....เธอคือ “แม่ชีทศพร ชัยประคอง”

    แม่ชีทศพร ชัยประคอง อายุ 47 ปี เกิดที่บ้านอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ปัจจุบันจำศีลอยู่ที่วัดพิชยญาติการาม เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้าฯ ฝั่งธนบุรี เขตคลองสาน กรุงเทพฯ เป็นผู้มีนิสัยชอบทำบุญทำทานมาตั้งแต่เด็กๆ

    ในช่วงเป็นฆราวาสประกอบอาชีพในการรับเหมาก่อสร้าง และอื่นๆ จนฐานะมั่นคงในระดับคหบดี วันหนึ่งเกิดนิมิตขึ้นกับตนเอง ในขณะที่อยู่ในเครื่องนุ่งห่มสีขาว มีความรู้สึก ว่าเกิดความปีติสุขมาก เมื่อหายจากนิมิตแล้วจึงมีความ ปรารถนาที่จะเข้าบวชเป็นชี

    เมื่อตัดสินใจแน่ว แน่จึงได้บริจาคทรัพย์สินส่วนหนึ่งให้เป็นทาน แล้วจึงไป บวชเป็นแม่ชีที่ “วัดเขาอิติสุขโต” อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำวัดอยู่ที่นั่น 5 ปี.....แล้วจึงเดินทางมาจำวัดในกรุงเทพฯ

    ด้วยพลังแห่งทานบารมี หลังจากที่ “แม่ชีทศพร” บวชได้ 6 วัน เกิดประสาทมีสัมผัสที่ 6 ขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งมีความสามารถหยั่งรู้ในเรื่องของ “กรรม” ได้จากฌาน ว่าผู้ใดในอดีตชาติก่อนๆ นั้นอยู่ในฐานะอะไร ทำกรรมชั่วกรรมดีอะไรไว้บ้าง ปัจจุบันเป็นอย่างไร และอนาคตจะต้องเผชิญปัญหาอะไรบ้าง.....บอกให้รู้ได้ โดยไม่มีการคิดเงินคิดทองแต่อย่างใด และเมื่อได้รู้ในเส้นทางแห่งชีวิตแล้ว ก็ไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์อย่างรายอื่นๆ ที่จะต้องสะเดาะเคราะห์อะไรอย่างนั้น เพียงแต่ “แม่ชีทศพร” จะให้ผู้ที่อยู่ในห้วงแห่งทุกข์นั้น มีการแก้กรรมด้วยการบวชพระหรือบวชพราหมณ์ และหากว่าขัดสนก็จะมีชุด และเครื่องบวชให้.....โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลย

    นายวรพล ภมรเวชวรรณ เป็นผู้หนึ่งที่เข้าไปสัมผัสกับฌานของ “แม่ชีทศพร” โดยรู้จักครั้งแรกทางโทรทัศน์ในรายการหนึ่งซึ่งได้พูดถึงเรื่องของกรรม ซึ่งตอนนั้นตัวเขาเองมีปัญหาในเรื่องเงินกู้ อยากจะให้คลี่คลาย จึงได้ไปหา “แม่ชีทศพร” ที่วัดพิชัยญาติ.....เพื่อที่จะถามถึงความทุกข์ว่า เงินที่เขาให้กู้ไปนั้นจะถูกโกงหรือไม่...!!!

    กับสัมผัสที่ 6 ของ “แม่ชีทศพร” เมื่อได้พบกัน ยังไม่ทันได้ถามถึงเรื่องของความทุกข์แต่อย่างใด.....แม่ชีพูดว่าในเรื่องทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้น ให้กลับบ้านไปทำกล่องกระดาษเหมือนลูกเต๋า 3 ลูก แล้วจุดไฟเผา เงินทองที่เขาค้างอยู่จะกลับมา.....แต่อาจจะไม่ได้ครบ จะต้องทำใจ

    แล้วเขากลับบ้านก็ได้ทำตามคำแนะนำ ก็เป็นที่น่าอัศจรรย์ ในวันรุ่งขึ้น ลูกหนี้เอาเงินมาคืนให้สามแสนบาทโดยไม่ได้ไปทวงถามแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ก่อนนี้ได้ไปทวงถามตั้งหลายครั้งก็ไม่ได้ จนคิดว่าจะเป็นหนี้สูญแทบจะฟ้องร้องกัน แต่พอทำตามแม่ชีเท่านั้น เงินก็กลับมาเฉย โดยไม่ต้องออกแรงเลย.....จึงเกิดความศรัทธาต่อแม่ชีทศพรมาก

    อีกรายที่เข้าไปแก้กรรมกับ “แม่ชีทศพร” คือ นางอนงค์รัตน์ พุ่มวิจิตร หรือชื่อเล่นๆ ว่า “รุจ” ทำงานอยู่สำนักงานการบินไทย.....ตอนนั้นเธอมีปัญหาในเรื่องรายรับไม่เท่ารายจ่าย แม้ว่ารายได้จะสูง แต่ก็ยังไม่พอเพียง

    ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก เพื่อนๆ ราว 30 กว่าคนได้ไปหาแม่ชีทศพร เพื่อนั่งสมาธิแล้วก็ชวนเธอไปด้วย ใจไม่ชอบแต่จำยอม จึงได้ไปนั่งหลับตากับเพื่อนๆ จนกระทั่งจบ แม่ชีจึงเดินเข้ามาหาเธอ แล้วพูดขึ้นว่า.....คุณอาภา พุ่มวิจิตร มาอนุโมทนากับเธอด้วยนะ.....!!!

    .....พอได้ยินคำนี้ เธอตกใจมาก เพราะชื่อที่เอ่ยนี้เป็นญาติทางสามี และก็เสียชีวิตไปแล้ว แม่ชีรูปนี้รู้จักชื่อได้ยังไง แถมยังบอกถึงความสัมพันธ์ ระหว่างเธอกับผู้ตายเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ได้ถูกต้องด้วย ด้วยความแปลกใจนี้ ทำให้อยากรู้ถึงเรื่องวิบากกรรมของตนเอง ว่าทำไมจึงประสบปัญหากับชีวิตไม่รู้จบ แล้วแม่ชีทศพรก็ได้บอกถึงกรรมเก่าของ “รุจ” ที่ได้ปกปิดมานาน โดยที่ใครๆ ไม่รู้ได้ถูกต้องตรงเผงเลย

    คือว่าตัวของ “นางรุจ” นั้นมองข้ามคุณบิดามารดา ไม่ยอมเลี้ยงดู แถมยังเบียดเบียนทำให้พ่อแม่เกิดความทุกข์ด้วย อีกทั้งพูดจาไม่เคารพนบนอบต่อพ่อแม่ ในครั้งแรกเธอก็ไม่ยอม ปฏิเสธในเรื่องที่แม่ชีเล่า.....

    แล้วแม่ชีจึงบอกให้คิดและทบทวนใหม่ เธอจึงยอมจำนนกับเหตุการณ์ที่ผ่าน และเมื่อกลับไปถึงบ้าน ก็เป็นครั้งแรกที่เธอก้มลงกราบที่เท้าแม่ แม้ว่าจะออกดูขวยเขิน แต่พอทำแล้วสบายใจ เมื่อเธอสบายใจก็มีสติที่จะคิดแก้ไขปัญหาต่างๆ ในเรื่องหนี้สินก็มีโอกาสค่อยๆ ชดใช้จนหมด และผู้ที่เคยเป็นหนี้ก็นำเงินมาใช้คืน

    ด้วยผลกรรมในการทำให้ปัญหาต่างๆ ในตัวเธอและครอบครัวคลี่คลายไปในทางที่ดี “นางรุจ” จึงบังเกิดความเลื่อมใส และประทับใจต่อคำสอนของแม่ชีทศพร คือ ใช่เฉพาะธรรมะเท่านั้น ยังชี้ทางในการแก้ไขและปฏิบัติให้ด้วย

    จากนั้นในช่วงที่มีเวลาว่าง หรือในช่วงที่ไม่สบายใจ “นางรุจ” ก็จะมาบวชชีพราหมณ์ที่วัดพิชยญาติการาม และปฏิบัติธรรมกับแม่ชีทศพรแทบทุกวันเสาร์และอาทิตย์

    ซึ่งในวันเสาร์กับอาทิตย์ ช่วงที่เวลาว่าง แม่ชีทศพรก็จะตรวจเช็กกรรมให้กับผู้ที่ต้องการทราบว่าอดีตชาติ และในอนาคตที่จะต้องเผชิญกับอะไร และจะหาทางแก้ไขอย่างไรจึงจะผ่อนหนักให้เป็นเบา และแม่ชีทศพรก็จะปฏิบัติให้ฟรีๆ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ (อาหารก็มีโรงทานกินฟรี).....จะมีการเสียเงินก็จำพวกที่ ทะเล่อทะล่าเดินสูบบุหรี่ในบริเวณวัด ซึ่ง ท่านพระธรรมโมลี หรือ “เจ้าคุณสมศักดิ์ อุปสโม” เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม ท่านตั้งกติกาและปิดป้ายประกาศว่า.....

    .....วัดเป็นที่สาธารณะ ห้ามสูบบุหรี่ ฝ่าฝืนปรับ 2,000 บาท งานนี้ละต้องเสียเงินจริงๆ.....และเบี้ยวไม่ยอมจ่ายไม่ได้ซะด้วย.....!!!

    “ก้อง กังฟู”

    .........................................................................

    หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันพุธที่ 16 มีนาคม 2548

    .........................................................................


    • Update : 16/4/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch