ดิฉันสังเกตดูกิริยาท่าทางฝ่ายภรรยารู้สึกจะเห็นด้วย เพราะแกคลายความเศร้าเสียใจลงไปมาก ทำให้ดิฉันคิดจดจำคำพูดของชายผู้เป็นสามีเพื่อน เอามาคิดแล้วก็เห็นใจและเห็นจริง คืนนั้นดิฉันอยู่จนเห็นว่าเพื่อนของดิฉันได้คลายความเศร้าโศกเสียใจลงแล้ว จึงได้ลากลับ มาระหว่างทางอดนึกอดคิดไม่ได้ว่าพูดไปก็เหมือนนินทาเพื่อน ถ้าการพูดนินทาเรื่องของเพื่อนจะเป็นประโยชน์เป็นตัวอย่างเกิดเป็นคติต่อส่วนรวมแล้ว ดิฉันก็ยอมเสียให้คนตราหน้าว่าเป็นคนนินทาเพื่อนลับหลัง ทั้งดิฉันไม่ชอบคนนินทา
เพื่อนของดิฉันและสามีของเธอเป็นคนมั่งคั่ง มีเงินทองเหลือใช้จ่าย จึงตามใจลูกในเรื่องเงินทอง เข้าใจว่าจะทำให้ลูกมีความสุข การตามใจเช่นนี้ย่อมจะมีแต่โทษ และเงินก็เหมือนดาบสองคมมีทั้งคุณมีทั้งโทษ เมื่อปีกว่ามานี้นับแต่คืนวันนั้น บุตรสาวกำลังรุ่นกำลังงามก็ต้องมาจบชีวิตลง เพราะดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย นำส่งโรงพยาบาลช้าเกินไป นายแพทย์จึงไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ เพราะฝ่ายแม่ก็มัวแต่ออกสังคม ไม่ค่อยจะมีเวลาอยู่ติดบ้าน ส่วนพ่อก็มัวแต่หาเงิน ต่างอยู่ไม่ติดบ้านด้วยกันทั้งคู่ น่าเสียดายเด็กสาวต้องจบชีวิตลงในวัยรุ่น กำลังสวยกำลังงาม ด้วยใจน้อยคิดสั้น
สาเหตุที่ดิฉันทราบแต่ก็ไม่แน่ชัดนักเพราะเขาปิด เราก็ไม่กล้าถามเป็นธรรมดาเพราะเป็นเรื่องไม่ค่อยงาม ทราบแต่ว่าหญิงสาวถูกขัดใจ ผิดหวังเรื่องเงินๆ ทองๆ เหตุเกิดขึ้นก็เพราะมีเพื่อนชายมาออกปากยืมเงิน หญิงสาวเป็นคนใจใหญ่ก็รับปาก เพราะเห็นโลกน้อยเกินไป จึงขาดสติยับยั้งอ่อนสังคม คิดว่าอย่างไรเสียเมื่อขอร้องแล้วพ่อแม่ก็ต้องให้ เพราะไม่เคยขัดใจมาก่อน
แต่ครั้งนี้กลับตรงกันข้ามหญิงสาวต้องผิดหวัง แต่ก็น่าเห็นใจพ่อแม่ที่รักลูกสาวและตามใจจนเคยตัว จึงคิดว่าเพียงแต่ตามใจลูกสาวก็หนักพออยู่แล้ว นี่ยังต้องเผื่อแผ่ไปถึงเพื่อนชายของลูกด้วยนั้น ยากที่พ่อแม่ของลูกคนใดจะปฏิบัติได้ ทั้งชายผู้เพื่อนลูกสาวนั้นไม่รู้หัวนอนปลายตีนมาจากไหน และก็ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน พ่อแม่ไม่โกรธก็นับว่าเป็นบุญแล้ว
แต่ลูกสาวถูกตามใจไม่เคยผิดหวังมาก่อน แต่ต้องมาผิดหวังถูกขัดใจเพียงครั้งเดียวก็น้อยอกน้อยใจ เอาแต่อารมณ์เพราะถูกตามใจจนเคยตัว ไม่ได้หาเหตุผลว่าผิดหรือถูก เพียงถูกขัดใจ ผิดหวังเพียงครั้งเดียวก็เสียอกเสียใจไม่อยากอยู่เป็นผู้เป็นคน เห็นจะเป็นเพราะอ่อนวัย ขาดสติคิดว่าจะเอาสิ่งใดก็ต้องเอาให้ได้ เมื่อไม่ได้ก็น้อยใจ เพราะรับปากกับเพื่อนชายไว้เป็นมั่นเหมาะเมื่อไม่สมดังใจก็เกิดอับอายขายหน้า
ที่สุดก็คิดสั้นทำลายตัวเองจบชีวิตลง มันเป็นความผิดของพ่อแม่ที่ทะนุถนอมตามใจจนเกินไป สิ่งใดไม่ควรก็ตามใจไม่ปล่อยให้รู้สึกผิดหวังเสียบ้าง ให้ชีวิตเกิดความเคยชิน และให้เหตุผลประกอบไปด้วย เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่ยอมตามใจลูกส่งเสริมในทางที่ผิด ถ้าทำเช่นนั้นก็เหมือนเลี้ยงไม่รู้จักโต ไม่รู้จักผจญชีวิต ไม่มีความอดทน ดิฉันสอนลูกให้แกใช้สติปัญญา ให้รู้เท่าทันคน บางคนปรนเปรอลูกจนจมไม่ลง ดิฉันเคยได้ยินว่าบางคนเขาให้รถยนต์ราคาแพงรับลูกไปโรงเรียน และกลับบ้านวันไหน เอารถราคาต่ำก็จะไม่ยอมไปโรงเรียน ถ้าเย็นก็ไม่ยอมกลับบ้าน พ่อแม่ทำให้ลูกหัวสูงจนเคยตัว
ดิฉันเตือนลูกอยู่เสมอว่า เราต้องหมั่นเล่าเรียนศึกษาหาความรู้ด้วยความอดทน ผู้มีวิชาความรู้และมีความซื่อสัตย์สุจริตมีมนุษยธรรมนั้น เหมือนมีขุมทรัพย์อยู่ในตัวใช้ไม่รู้หมด นับวันจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง เราลำบากแต่เมื่อโตขึ้นเราก็สบาย ดีกว่าสบายเด็กๆ โตขึ้นลำบาก พวกที่พ่อแม่ตามใจแต่เด็กๆ ไม่เอาใจใส่เล่าเรียนศึกษา ปล่อยให้เวลาเรียนผ่านพ้นไป
เมื่อโตขึ้นไม่มีความรู้เมื่อขาดแม่ก็ต้องลำบาก ทรัพย์สินสมบัติเป็นของไม่แน่นอนรักษาไว้ไม่ดีก็หมดจนได้ ขอให้มีความพยายามมีความอดทนหาความรู้ใส่ตัว จนแล้วก็มั่งมีได้เช่นกัน มีตัวอย่างมากมายบางคนนึกว่าพ่อแม่มีเงิน ขี้เกียจก็ได้ ถึงไม่เรียนก็ไม่ต้องกลัวอดตายจึงขาดความรู้ ขาดความฉลาด ขาดสติ แม้จะมีมรดกก็ฉิบหายได้เหมือนกัน
ตามใจลูกเกินไปก็เกิดโทษ เข้มงวดเกินไปก็เกิดโทษทุกอย่าง ควรปฏิบัติอย่างกลางๆ ไม่ขาดไม่เกิน เท่าที่ดิฉันรู้พ่อแม่เป็นคนมั่งมี แต่ขาดความเอาใจใส่ความเป็นอยู่ของลูก ตระหนี่จนเกินไปทำให้ลูกโง่ถูกคนฉลาดหลอกลวง เช่น รับมรดกแล้วจ่ายให้ทันที คิดดูแล้วเป็นเล่ห์เหลี่ยมของพวกหากินในทางขูดเลือดขูดเนื้อถ่ายเทกระเป๋าคนโง่ได้ง่ายๆ เพราะพวกนี้ได้สืบดูแน่นอนว่าเงินจะไม่สูญแน่ เพราะผู้กู้เป็นผู้รับมรดกแน่นอน อยู่แต่เวลาช้าหรือเร็วเท่านั้น ในยุคนี้คนจิตใจต่ำเห็นแก่ตัว หากินในทางทุจริตมีมาก
ฉะนั้น ดิฉันจึงต้องคอยระวังลูกดิฉันอย่างใกล้ชิด ไม่ยอมให้คบเพื่อนที่มีจิตใจต่ำ แต่ตัวเป็นพวกบ้าๆ บอๆ และนำไปสู่ความพินาศหมดอนาคตที่จะแจ่มใสต่อไป คืนนั้นดิฉันคิดถึงลูกเหลือเกิน เมื่อกลับไปถึงบ้านแม้จะเป็นเวลาดึกแล้ว ดิฉันยังตรงเข้าไปห้องนอนของลูกๆ ทั้งหญิงและชาย ดิฉันจูบแก ทั้งๆ ที่ยังกำลังหลับอย่างสุขสบายอยู่บนที่นอน ดิฉันน้ำตาไหลดีใจที่ลูกอยู่ในโอวาท ดิฉันเริ่มจูบลูกคนโตตลอดจนลูกคนเล็ก พวกโตๆ หลับสนิทไม่รู้เรื่องอะไร แต่เมื่อดิฉันก้มลงจูบลูกคนเล็กซึ่งแกกำลังหลับสนิท เมื่อดิฉันจูบแก้มแกรู้สึกว่าแกยิ้มและแกเอามือเล็กๆ มาโอบคอดิฉัน ทั้งๆ ที่แกหลับไม่รู้สึกตัว น่ารักน่าเอ็นดูอย่างไม่เดียงสา ดิฉันพูดพึมพำว่า
"ทูนหัวของแม่ ความสุขของแม่ อยู่ที่แม่มีลูกดี"
พ่อบ้านเห็นดิฉันแสดงกิริยาผิดแปลกเช่นนั้น ก็ค่อยๆ ย่องตามหลังเข้ามาในห้องลูก เมื่อเห็นดิฉันจูบลูกอย่างชื่นอกชื่นใจก็กระซิบถามว่า "คืนนี้ทำไมเธอไม่พูดจาอะไร ตรงเข้ามาในห้องลูกแล้วจูบเอาจูบเอา ไม่ควรรบกวนลูกซึ่งกำลังหลับสนิทหลับสบาย"
ดิฉันเอามือประสานกุมไว้ที่หน้าอก แล้วส่ายหน้าพูดว่า "ดิฉันสบายใจเหลือเกินที่ลูกของเราอยู่ในโอวาท เคารพนับถือพ่อแม่ครูบาอาจารย์"
เสียงพ่อบ้านบ่นว่า "ทำไมเธอเพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองหรือว่า ลูกเราเอาใจใส่ในการเรียน อยู่ในโอวาทของพ่อแม่"
และดิฉันบอกว่า "รู้มานานแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบ เพิ่งจะนึกเปรียบเทียบคืนนี้" แล้วดิฉันก็เล่าเหตุการณ์เริ่มที่ได้เห็นวิญญาณลูกของเพื่อนมายืนร้องไห้อยู่ริมรั้ว ตลอดจนสามีของเพื่อนมาบอกเรื่องลูกชายรถคว่ำคอหักตาย พ่อบ้านของดิฉันนิ่งฟังด้วยความสนใจ แล้วก็ออกความเห็นว่า
"อันคนเราอยู่ที่ควบคุมจิตใจ คนที่ไปไหนมาไหนนั่งรถราคาแพง มีเครื่องทำความเย็นภายใน แล้วจะมาให้โหนรถประจำทางหรือเดินข้างถนน พวกนี้คงทนไม่ไหวเพราะเคยตัว แม้ไม่มีใครเขาสนใจว่าใครจะโหนรถประจำทางหรือรถเก๋งราคาแพง ตัวของตัวเองนั่นแหละที่ทำให้คิดไปต่างๆ รู้สึกไปเอง คนทั่วไปไม่มีใครสนใจใคร นอกจากคนที่เคยอิจฉาริษยาผู้อื่นมาก่อนแล้วเป็นพวกที่จมไม่ลง ก็ต้องกลัวคนอื่นเขาจะกลับเอาเรื่องตัวไปนินทาเช่นกัน"
ดิฉันฟังแล้วจึงพูดว่า "ถึงดิฉันไม่มี ดิฉันก็พอใจแล้ว เพราะเราไม่เดือดร้อนอะไร ไม่เป็นหนี้สินใคร พอมีพอกิน เป็นสุข" มีผู้ถามว่า นั่งรถประจำทางไม่ลำบากแย่หรือ ฐานะก็พอมีรถใช้ได้ หาความสบายดีกว่า ดิฉันบอกความสบายก็คือความพอใจ รถส่วนตัวไม่อยู่ในสิ่งที่เราพอใจ ดิฉันห้อยโหนรถประจำทางจนเคยไม่รู้สึกลำบากเพราะเคยชิน ทำให้แข็งแรงดี
ดิฉันทราบว่า แต่ก่อนท่านเป็นขุนนางชั้นพระยา และรัฐมนตรีบางท่านก็ยังนั่งรถประจำทาง ท่านเหล่านี้ล้วนแต่มีผู้ยกย่องว่าเป็นคนดี ดิฉันพอใจในสภาพของตัวเอง พ่อบ้านและดิฉันเราก็ต่างเข้าใจกันดีมีความเห็นตรงกัน เราก็ต่างมุ่งหน้าช่วยกันฝึกฝนให้ลูกเรามีวิชาความรู้มีศีลธรรม จะได้เป็นพลเมืองดีของชาติต่อไป
ฉะนั้น เราจึงอยู่กันด้วยความหวังอันสดชื่น มีความเป็นอยู่อย่างพอใจ จิตใจเราจึงมีความสงบสุขตลอดมา นี่เป็นคำบอกเล่าของสุภาพสตรีผู้หนึ่ง ได้มาเล่าให้ข้าพเจ้าฟังผู้เขียนฟังในเช้าวันเสาร์ในปลายเดือนธันวาคม คำบอกเล่าของท่านสุภาพสตรีผู้นี้ คิดว่าคงจะเกิดประโยชน์แก่คนในยุคปัจจุบันนี้บ้างไม่มากก็น้อย
.................... เอวัง ....................
เป็นบุพการีมีใจไร้คุณธรรม
เป็นแกนนำให้ลูกนี้มีปัญหา
ชอบมั่วสุมกลุ่มเสพติดมิตรนำพา
ต้องติดยาติดเอดส์อนาถใจ
คำโบราณท่านนิยามเรื่องเลี้ยงลูก
ว่ารักวัวให้ผูกกับคอกไว้
เปรียบเหมือนการเลี้ยงลูกต้องผูกใจ
ให้ความอบอุ่นไซร้เอื้ออาทร
เป็นพ่อแม่มีคุณธรรมประจำจิต
คอยใกล้ชิดชี้แนะและสั่งสอน
ลูกจะไม่เตลิดนอกทางหนีจากจร
สิ่งแน่นอนรักแท้พ่อแม่เรา
ท.เลียงพิบูลย์
|