นายธราพงศ์ ศรีสุชาติ ผอ.สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร เปิดเผยว่าจากการที่คณะทำงานของสำนักโบราณคดี กรมศิลปากร ได้ศึกษาเพื่อนำเสนอวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี 2552 โดยใช้เกณฑ์ข้อเป็นตัวแทนผลงานที่เป็นเลิศของการสร้างจากอัจฉริยะของมนุษย์ เกณฑ์ข้อ 2 เป็นการแสดงถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงคุณค่าของมนุษย์ตามกาลเวลา หรือในวัฒนธรรมด้านใดด้านหนึ่งของโลก ในการพัฒนาด้านสถาปัตยกรรม หรือทางเทคโนโลยี ศิลปสถาปัตยกรรมโบราณ การออกแบบผังเมือง หรือการออกแบบภูมิทัศน์ และเกณฑ์ข้อ 6 มีความ สัมพันธ์โดยตรงหรือเห็นได้ชัดเจนกับเหตุการณ์ หรือประเพณีที่ยังคงอยู่ หรือ ความคิด หรือความเชื่อ งานศิลปกรรม และวรรณกรรม ที่มีความสำคัญโดดเด่นเป็นสากล ทั้งนี้ การนำเสนอได้มีการเปรียบเทียบกับแหล่งมรดกวัฒนธรรมอื่นที่ใกล้เคียง คือ นครศักดิ์สิทธิ์แห่งอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา ตามเกณฑ์ข้อ 2, 3, 6 เมืองโบราณโปโลนนารุวะ ประเทศศรีลังกา ตามเกณฑ์ข้อ 1, 3, 6 นครศักดิ์สิทธิ์แห่งแคนดี้ ประเทศศรีลังกา ตามเกณฑ์ข้อ 4, 6 ซึ่งทั้ง 3 แหล่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2525 นอกจากนี้ ได้เทียบเคียงกับเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2534 ตามเกณฑ์ข้อ 1 ก็มีความสำคัญไม่แตกต่างกัน ขั้นตอนการนำเสนอนี้อยู่ในขั้นตอน การเรียบเรียงข้อมูล เพื่อส่งผ่านจากคณะทำงานของกรมศิลปากรและมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช สู่คณะกรรมการว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก เพื่อไปสู่ศูนย์มรดกโลกของยูเนสโก ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบจากศูนย์มรดกโลก จะได้ประกาศเป็นบัญชีชั่วคราว หลังจากนั้นจะได้นำเสนอเอกสารเพื่อเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อ ขอความเห็นชอบประกาศรายชื่อในบัญชีเป็นมรดกโลกต่อไป