|
|
วัดเศรษฐีฯสานพิธีโบราณ "นางสุชาดา" กวนข้าวทิพย์
ในวันที่ 10 ต.ค. 2554 "วัดเศรษฐีบุญลาโภวนาราม" อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด นำโดย "พระอาจารย์เดชอุดม เตชวโร" เจ้าอาวาส จะเป็นประธานฝ่ายสงฆ์จัดพิธี "กวนข้าวทิพย์นางสุชาดา" ซึ่งทำตามพิธีโบราณทุกขั้นตอน ตั้งแต่ ของปรุง 5 ชนิด ถั่ว, ข้าว พืชเป็นหัว เมล็ดธัญพืช, น้ำตาล, น้ำมัน, ผลไม้ แต่ละชนิดจำแนกออกมาได้ 62 อย่าง ทั้งประเพณีการแต่งกายของนางสุชาดาและสาวพรหมจรรย์ที่มาร่วมกวนข้าวทิพย์ ที่หาที่ไหนไม่ได้ อีกทั้งเป็นการกวนข้าวทิพย์มากที่สุดถึง19 กระทะ พร้อมพิธีศักดิ์สิทธิ์ มีการสวดพระพุทธมนต์เจ็ดตำนานและธรรมจักร พร้อมพิธีพราหมณ์
พระอาจารย์เดชอุดมกล่าวว่า ข้าวทิพย์หรือข้าวมธุปายาส ปรากฏเป็นตำนานในพุทธศาสนา ว่าเป็นอาหารที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพุทธศาสนา โดยข้าวมธุปายาสนี้ นางสุชาดาปรุงขึ้นเพื่อถวายเป็นเครื่องแก้บนให้แก่เทวดาที่สถิตอยู่ในต้นไทร ซึ่งนางได้บนขอบุตรชายไว้ จนเมื่อได้บุตรชายแล้วจึงให้คนทำข้าวมธุปายาส ที่มีหลายขั้นตอน มีความพิถีพิถันเหนือข้าวปลาอาหารใดๆ เมื่อปรุงเสร็จได้ให้นางรับใช้ไปทำความสะอาดสถานที่ เมื่อนางรับใช้ไปถึงต้นไทรก็พบพระพุทธองค์ ขณะนั้นยังเป็นสมณะนักบวชสิทธัตถะ ซึ่งมีรัศมีพระกายแผ่ซ่าน นางรับใช้เข้าใจว่าเป็นเทพยดาจากต้นไทร นั่งคอยรับข้าวมธุปายาส จึงรีบกลับมาบอกนางสุชาดาว่า เทพารักษ์ได้มานั่งรอที่ต้นไทรแล้ว นางสุชาดามีความปลาบปลื้มรีบจัดข้าวมธุปายาสใส่ในถาดทอง แล้วรีบไปที่ต้นไทรทันที ครั้นเห็นนักบวชสิทธัตถะ คิดว่าเป็นรุกขเทวดาจึงถวายข้าวมธุปายาสรวมทั้งถาดทองที่ใส่มาด้วย แล้วกราบทูลว่า หม่อมฉันขอถวายทั้งถาด พระองค์มีพระประสงค์ประการใด โปรดนำไปตามพระหฤทัยเถิด แล้วทูลอีกว่า ความปรารถนาของหม่อมฉันสำเร็จฉันใด ขอสิ่งซึ่งพระหฤทัยของพระองค์ประสงค์จงสำเร็จฉันนั้นเถิด แล้วนางก็ก้มลงกราบ ถวายบังคมลา
เมื่อนางสุชาดากลับไปแล้ว นักบวชสิทธัตถะทรงเดินพิจารณารอบต้นไทร 3 รอบและตรงไปยังท่าน้ำ สรงน้ำชำระกาย แล้วเสด็จกลับมาที่ต้นไทร ปั้นข้าวมธุปายาสเป็นก้อนได้ 49 ก้อน แล้วเสวยจนหมด พระกระยาหารมื้อนี้มีความสำคัญมาก เพราะเป็นอาหารที่ทำให้พระองค์อิ่มอยู่ได้ถึง 49 วัน โดยมิต้องกังวลต่อความหิวใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อเสวยแล้ว ทรงนำถาดทองไปลอยน้ำ อธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า หากจะได้ตรัสรู้อนุตรธรรมแล้วไซร้ ก็ขอให้ถาดลอยทวนกระแสน้ำ ขึ้นไป ถ้าจะไม่ได้ตรัสรู้ ก็ขอให้ถาดลอยตามน้ำไปเถิด ปรากฏว่าถาดได้ลอยทวนน้ำขึ้นไปด้วยแรงอธิษฐานแล้วจมลงสู่แม่น้ำ จากนั้นจึงเสด็จกลับมาพักที่ดงต้นสาละ จวบจนบ่ายจึงเสด็จข้ามแม่น้ำเนรัญชรามายังอีกฟากหนึ่งคือตรงมายัง ต้นพระศรีมหาโพธิ และตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณที่ต้นพระศรีมหาโพธินั่นเอง
เชื่อกันว่า ในวันที่นางปรุงข้าวมธุปายาสนั้น ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ได้มายืนอารักขาเตาปรุง ทั้ง 4 ทิศ รวมทั้งท้าวมหาพรหมก็นำทิพย์เศวตฉัตรมากางกั้นข้างบนกระทะเพื่อเป็นสิริมงคล และป้องกันธุลีบนอากาศ สมเด็จอมรินทราธิราชเสด็จลงมาก่อไฟใส่ฟืน เทวดาเจ้าในหมื่นโลกธาตุ ก็นำทิพยโอชามารวมใส่ลงไปในหม้อปรุงนั้น ข้าวมธุปายาสจึงเป็นข้าวที่มีความศักดิ์สิทธิ์ มหามงคลเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ พิธีกวนข้าวทิพย์ได้ยึดถือปฏิบัติเป็นประเพณีสืบต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อระลึกถึงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเหตุการณ์ที่นางสุชาดาได้กวนข้าวทิพย์ในวันขึ้น 14 ค่ำ แล้วนำไปถวายพระพุทธเจ้าก่อนที่จะตรัสรู้ 1 วัน โดยถือว่ามีผลานิสงส์มาก ด้วยเหตุนี้ชาวพุทธจึงพร้อมใจกันกวนข้าวทิพย์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา โดยเชื่อกันว่า เมื่อทำครบถ้วนตามพิธีแล้วจะเป็นสิริมงคลแก่ผู้ทำ และผู้บริโภค สมควรจะเซ่นสรวงเทพารักษ์ ผู้ที่ได้บริโภคข้าวทิพย์แล้วจะประสบโชคลาภต่างๆ นานา ปราศจากโรคาพยาธิ ภัยพิบัติประสบ สิ่งที่เป็นมงคล
ทางวัดจะเริ่มกวนข้าวทิพย์ นางสุชาดา โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด และนายประทีป ฤทธิกุล นายอำเภอเมืองร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดงานและร่วมให้เกียรติกวนข้าวทิพย์ในพิธีด้วย
ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. จากนั้นในช่วงเช้าวันที่ 11 ต.ค. 2554 ก็จะนำข้าวทิพย์นางสุชาดาถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระสงฆ์และแจกจ่ายแก่ผู้ร่วมพิธีหรือบุคคลทั่วไป จึงขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมสืบทอดพิธีสำคัญทางศาสนา ในช่วงออกพรรษานี้โดยทั่วกัน
นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 7-9 พ.ย. 2554 ที่จะถึงนี้ พระอาจารย์เดชอุดม และอาจารย์เซียนเต่าเขย่าดวง ขอเชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่านร่วมบุญ เททองหล่อพระสีวลี ปางบิณฑบาต เศรษฐีบุญลาโภ องค์ทองเหลืองสูงที่สุดในโลก
สนใจติดต่อที่ โทร.08-5562-4123, 08-5320-0375
|
Update : 6/10/2554
|
|