"โลกและสังคมเปลี่ยนแปลง พระจะอยู่เฉย ๆ ไม่ได้อีกแล้ว...“ ...นี่เป็นส่วนหนึ่งจากการระบุของ พระมหาชินวุฒิ ชินญาโณ จากวัดสระเกศฯ พระนิสิตระดับปริญญาโท สาขาการอุดมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) อันสืบเนื่องจากการทำงานวิจัย ’พระสงฆ์“ ในเรื่อง ’ภาวะผู้นำ“ โดยมีกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยคือพระนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (วังน้อย)
ทั้งนี้ ก่อนจะดูกันต่อถึงประเด็นสำคัญของงานวิจัยของพระมหาชินวุฒิ ย้อนดูอดีตจนถึงปัจจุบัน ในเมืองไทยนั้นก็มีพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นที่พึ่งในด้านต่าง ๆ ทั้งทางใจทางกายของพุทธศาสนิกชนชาวไทย มากมายทุกทิศทั่วไทย ส่วนที่ประพฤติไม่เหมาะสมนั้น จริง ๆ แล้วมีน้อย เพียงแต่เมื่อปรากฏเป็นข่าวก็มักจะอื้ออึงมาก อย่างช่วงนี้ก็มีอยู่ ซึ่ง ณ ที่นี้จะไม่กล่าวถึงเฉพาะเจาะจง นั่นก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ
อย่างไรก็ตาม กับภาพรวมโดยทั่วไป ก็ต้องยอมรับว่าในวงการพระพุทธศาสนา ในวงการพระสงฆ์ในเมืองไทย มีบางจุดบางส่วนที่เป็นเหตุให้เกิดความ “มัวหมอง-เสื่อมศรัทธา” ในพระพุทธศาสนา ในพระสงฆ์
“ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมจากยุคเกษตรกรรมมาเป็นยุคอุตสาหกรรม ก็ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างคนกับวัดมากขึ้น ทำให้พระปลอมบวช หรือพระที่ไม่มีความรู้ เข้ามาสร้างความเสื่อมเสียได้ง่าย ที่สำคัญยังมีกลุ่มผู้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ มองเห็นช่องทาง โดยดึงเอาความศรัทธามาแปรเป็นทุน”
...ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) เคยสะท้อนผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ไว้ พร้อมทั้งยังเคยระบุไว้อีกว่า... สอนแปลก ๆ ไม่ตรงหลักพระธรรมวินัย ไม่ตรงพระไตรปิฎก เอาความคิดตัวเองมาปลอมปนในหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไม่สำรวม พูดจาไม่สุภาพ วางตัวไม่เรียบร้อย แสวงหาผลประโยชน์จากพระพุทธศาสนา บางคนนำเสนอตัวเองในฐานะพระผู้มีบารมี มักอ้างอิงกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่สนิทสนมด้วย นี่เป็นตัวอย่างคำจำกัดความ “พระปลอมบวช” ซึ่งสร้างปัญหา
กับเรื่องนี้ ทางพระมหาวุฒิชัย ระบุไว้ว่า... ก็ต้องช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุนพระดีให้เป็นที่ปรากฏและยกย่อง พระดีจะได้มีกำลังใจ ส่วนการแก้ปัญหาพระปลอม การประพฤติปฏิบัติไม่เหมาะสมนั้น ฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลควบคุมก็ต้องศึกษาพระธรรมวินัยให้แตกฉาน เพื่อจะแยกพระจริง-พระปลอมได้ชัด และ ต้องบังคับใช้กฎเกณฑ์ที่มีอย่างเข้มแข็ง คณะสงฆ์เองก็ต้องปฏิรูปการศึกษาให้ดีขึ้น ครอบคลุมพระที่บวชทุกรูป
และจากที่ว่ามา...ก็น่าจะยึดโยงกับ ’ภาวะผู้นำ“
สิ่งที่มีงานวิจัยระบุว่า ’พระสงฆ์จำเป็นต้องมี!!“
โฟกัสที่งานวิจัยพระสงฆ์ในเรื่องภาวะผู้นำ พระมหาชินวุฒิ ระบุว่า... งานวิจัยนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากสังคมที่แตกแยก มีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งพระสงฆ์ก็เป็นบุคคลที่ช่วยนำพาสังคมให้เกิดความสุขและสันติสุขได้ ทั้งนี้ พระสงฆ์ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยส่วนใหญ่ต่อไปจะเป็นเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะจังหวัด ถือเป็นผู้นำพระสงฆ์ในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วประเทศ จึงได้ทำการวิจัยว่าพระสงฆ์กลุ่มนี้ พระนิสิตชั้นปีที่ 1–4 จำนวน 1,530 รูป ในประเด็น “มีความพร้อมจะเป็นผู้นำในท้องถิ่นต่าง ๆ หรือไม่??”
สิ่งที่พบ ก็เช่น... ภาวะผู้นำของพระต้องได้รับจากหลักสูตร โครงการอบรมต่าง ๆ ซึ่งโครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนเป็นโครงการที่เสริมสร้างความเป็นผู้นำให้พระสงฆ์ได้ดี สร้างความมั่นใจ ทำให้ได้แสดงออก นอกจากนี้ งานวิจัยยังทำให้รับรู้ทัศนคติของพระสงฆ์ การใช้ความคิดเชิงระบบ ความคิดที่รอบคอบ การพูดในเชิงโวหาร-คติต่าง ๆ การมีวินัยในตนเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้พระสงฆ์ที่จะเป็น ’ผู้นำทางจิตวิญญาณ“ จะต้องมีในตัว
พระมหาชินวุฒิ ระบุอีกว่า... งานวิจัยชิ้นนี้สามารถใช้ประโยชน์ด้านการจัดหลักสูตรของพระสงฆ์ การบริหารจัดการเพื่อที่จะช่วยส่งเสริมภาวะผู้นำในพระสงฆ์ และการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยควบคู่กับการทำหน้าที่บรรยายธรรมในสถานที่ต่าง ๆ โดยไม่ผิดพระธรรมวินัยนั้นจะทำอย่างไรเพื่อให้เกิดการบูรณาการทั้ง 2 กิจกรรม??
ทั้งนี้ งานวิจัยนี้ยังมีประเด็นเกี่ยวโยงกับชาวพุทธที่มิใช่พระสงฆ์ด้วย โดยทางพระมหาชินวุฒิ ระบุว่า... การออกบรรยายให้หลักธรรมกับประชาชนของพระสงฆ์ บางครั้งก็ทำให้เกิดการขัดกับพระธรรมวินัย เช่น ไม่ได้บิณฑบาต ไม่ได้สวดมนต์ทำวัตร นอกจากนี้ พระสงฆ์ที่ใช้คอมพิวเตอร์-อินเทอร์เน็ตสืบค้นข้อมูล ทำสื่อการสอน ก็อาจถูกมองแบบไม่เข้าใจและถูกตั้งคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่?? ซึ่งก็มีคนจำนวนมากอยากให้พระสงฆ์คล้ายพระประธานในวัด ไม่ต้องทำอะไร แต่โลกและสังคมเปลี่ยนแปลงไปมากจนพระสงฆ์จะอยู่เฉย ๆ ไม่ได้อีกแล้ว จุดนี้ผู้คนก็ต้องเข้าใจ และการใช้เทคโนโลยีอย่างมีวิจารณญาณประกอบนั้น ก็มีประโยชน์ ’อยากบอกชาวพุทธว่า การนับถือพระสงฆ์ การมีศรัทธาต่อพระสงฆ์นั้น ศรัทธาและปัญญาต้องไปคู่กัน“ ...พระมหาชินวุฒิ ระบุ
เหล่านี้ก็เป็นเรื่อง ’ภาวะผู้นำของพระสงฆ์“ ที่ยุคนี้สำคัญ
โยงกับ ’การนับถือศรัทธาพระสงฆ์“ ที่ยุคนี้สั่นคลอนมาก
คิดเห็นเป็นประการใด?? ...ย่อมสุดแท้แต่วิจารณญาณ.