|
|
บุญนำ กรรมแต่ง
บุญนำ กรรมแต่ง
คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด
คนจำนวนมากคิดสงสัยอยู่เสมอว่า หลักคำสอนในพระพุทธศาสนามีไว้ชัดเจนแล้ว ทำไมคนส่วนมากที่นับถือพระพุทธศาสนาจึงกระทำกรรมชั่วกันอยู่ ทำไมจึงไม่กระทำกรรมดีให้มากขึ้น อาจเป็นเพราะคนเราส่วนมากยังไม่เกิดปัญญา จึงมองไม่เห็นกฎแห่งกรรมตามหลักของพระพุทธศาสนา เมื่อไม่เห็นผลแห่งการกระทำความดี ไม่เห็นโทษแห่งการกระทำกรรมชั่ว คนเราจึงไม่สนใจในการกระทำกรรมดี และพยายามละเว้นกรรมชั่วนั้น
กรรมกับการให้ผลของกรรมนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตตามหลักของพระพุทธศาสนา เพราะคนเราจะต้องประกอบกรรมอยู่เสมอเกือบทุกขณะ ถ้าไม่ทราบว่ากรรมคืออะไรแล้วการกระทำต่างๆ ที่ปรากฏออกมาทางกายก็ดี วาจาก็ดี จะ สะอาดบริสุทธิ์ไม่ได้ และอาจจะเป็นการสร้างทุกข์ให้แก่ตนเองเสียอีก เมื่อเกิดความทุกข์ขึ้นมา ไม่เข้าใจเหตุผลว่าทุกข์เหล่านี้เกิดมาจากอะไรเป็นเหตุ เมื่อไม่เข้าใจจึงมีการโทษสิ่งภายนอก เช่น โทษสิ่งต่างๆ ที่ส่งผลให้เราต้องประสบความเดือดร้อน เหมือนอย่างปัจจุบันคนส่วนมากโทษดวงดาวบนท้องฟ้า โทษผีสางเทวดา ซึ่งความจริงสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มิใช่เป็นผู้กระทำให้เดือดร้อน ทั้งที่เชื่อว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีจริง แต่ยังมีสิ่งที่ลี้ลับลึกซึ้งไปกว่านี้อีก มีอิทธิพลเหนือกว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มากมาย
สิ่งที่มีอิทธิพลเหนือกว่าดวงดาว เหนือกว่าผีสางเทวดา คือ กฎแห่งกรรมนั่นเอง กฎแห่งกรรมนี้ใครๆ จะลบล้างไม่ได้ เหมือนรอยขีดลงแผ่นหิน บุคคลที่ประสบความทุกข์ ความเดือดร้อนแล้วไปรดน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ สามารถจะช่วยได้ในบางครั้ง แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าช่วยได้อย่างไร ในลักษณะไหน เดี๋ยวจะเข้าใจว่าขัดแย้งกัน เพราะครั้งแรกได้บอกว่ากฎของกรรมนั้นลบล้างกันไม่ได้ แต่ทำไมจึงมาพูดว่า การรดน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ช่วยได้
ควรเข้าใจก่อนว่า ท่านผู้รู้ฉลาดสอนคนจนกระทั่งบางคนที่เราเข้าใจว่าเจริญแล้วในทางปัญญาไม่สามารถเข้าใจความมุ่งหมายของท่านได้ แล้วกล่าวออกมาว่าเป็นการกระทำที่เหลวไหลไร้สาระ เป็นความงมงายอะไรทำนองนี้ ซึ่งเป็นการกล่าวที่ฉลาดน้อยไป ความจริงแล้วคนที่เป็นทุกข์เดือดร้อนไปรดน้ำมนต์นั้นเป็นการกระทำที่ดีเหลือเกิน เพราะอย่างน้อยที่สุดผู้นั้นยังมีโอกาสได้เข้าวัด ได้พบ พระ การที่เราเข้าวัดพบพระในยามที่เป็นทุกข์นั้นมีประโยชน์มาก บางคนถึงกับยิ้มแย้มแจ่มใสออกมาก็มี
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะมีความรู้สึกสบายใจ ขณะรดน้ำมนต์ จิตนึกถึงพระพุทธคุณเป็นอารมณ์ การระลึกถึงพระพุทธคุณนั้นจัดเป็นพุทธานุสติ ธรรมดาของจิตนั้นเมื่อคิดถึงเรื่องอย่างอื่นที่ไม่ดีย่อมจะเป็นทุกข์ เกิดความเศร้าหมองไม่ผ่องใส ครั้งเมื่อได้ระลึกถึงพระรัตนตรัยจิตผ่องใสดีขึ้นมาทันที เมื่อจิตผ่องใสดีแล้วความคิดก็ปลอดโปร่งมีปัญญา เห็นช่องทางที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ที่ร้ายก็กลายเป็นดี ที่เป็นเช่นนี้เพราะอำนาจของการกระทำจิตของตนให้ผ่องใสนั่นเอง การกระทำอย่างนี้จัดเป็นการกระทำความดีทางใจ ทางกาย และทางวาจา เพราะใจระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า เราจึงกราบไหว้สวดมนต์ เปล่งวาจาสรรเสริญพระคุณเหล่านั้น แก้ทุกข์แก้กรรมไม่ดีได้ด้วยกรรมดี น่าถือปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดี
พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9)
เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร / www.watdevaraj.com
|
Update : 25/9/2554
|
|