แยกตามความเค็มของน้ำได้เป็น 2 แบบคือ
1. การเลี้ยงกุ้งขาวด้วยน้ำความเค็มต่ำ
การเลี้ยงกุ้งขาวในพื้นที่น้ำจืดและในพื้นที่ภาคกลางส่วนใหญ่จะเลี้ยงโดยใช้น้ำความเค็มต่ำ ภิญโญ (2545) อธิบายถึงรายละเอียดวิธีการเลี้ยงกุ้งขาว ตั้งแต่การเตรียมบ่อ การให้อาหาร ตลอดจนการจัดการในระหว่างการเลี้ยง โดยใช้น้ำความเค็มต่ำมากจนเกือบจะเป็นระดับที่ถือว่าเป็นน้ำจืด โดยทั่วไปเกษตรกรจะซื้อน้ำเค็มความเข้มข้นสูงจากนาเกลือใส่รถบรรทุกน้ำคันละประมาณ 12-13 ตันความเค็ม 100-200 พีพีทีมาเติมในน้ำจืดเพื่อให้ได้ความเค็มประมาณ 3-4 พีพีที ส่วนใหญ่จะกั้นคอกก่อน มีการกั้นคอกโดยใช้ผ้าพลาสติกพื้นที่ประมาณ 150 ตารางเมตรความลึกประมาณ 80 เซนติเมตร แล้วมีเติมน้ำจากนาเกลือเข้าไปในคอกจนได้ความเค็มประมาณ 8-10 พีพีที หลังจากนั้นก็จะใช้ลูกกุ้งซึ่งปรับความเค็มจากโรงเพาะฟักมาแล้วโดยลูกกุ้งขาวระยะโพสลาร์วา 10-12 (พี 10-12) มาปล่อยในคอกอนุบาลในคอกประมาณ 3-4 วันก็เปิดคอกออกมา จะอนุบาลในคอกไม่นานเนื่องจากกุ้งขาวจะกินอาหารเก่งและว่ายน้ำตลอดเวลาเพราะฉะนั้นจะไม่นิยมอนุบาลนานเกินไป เพราะอาจจะมีการกินกันเอง
ภาพที่ 6.44 การปล่อยลูกกุ้งขาวลงในคอกพลาสติก
หนึ่งเกษตรกรจะไม่ทำคอกเหมือนกุ้งกุลาดำคือเตรียมน้ำความเค็มประมาณ 3-5 พีพีทีทั้งบ่อแล้วให้ทางโรงเพาะฟักปรับความเค็มของลูกกุ้งจนมาอยู่ที่ความเค็มต่ำที่สุดประมาณใกล้เคียงกับที่จะมาปล่อยในบ่อแล้วนำลูกกุ้งมาปล่อยโดยตรงโดยที่ไม่มีการกั้นคอกเป็นอีกวิธีหนึ่งของการเลี้ยงกุ้งขาวในพื้นที่ความเค็มต่ำ การปล่อยลูกกุ้งโดยตรงในบ่อจะให้อัตรารอดสูงกว่าที่ผ่านมาจะปล่อยลูกกุ้งไม่หนาแน่นมากเมื่อเทียบกับการเลี้ยงริมชายฝั่งทะเลโดยทั่วไปจะมีการปล่อยลูกกุ้งในอัตราความหนาแน่นประมาณ 70,000-80,000 ตัว/ไร่ ผลผลิตเมื่อเทียบกับกุ้งกุลาดำแล้วผลผลิตของกุ้งขาว ถ้าปล่อยลูกกุ้ง 100,000 ตัวเลี้ยงด้วยความเค็มต่ำจะมีผลผลิตประมาณ1,000 กิโลกรัม (1 ตัน)หรือมากกว่า 1 ตันเล็กน้อยส่วนใหญ่เกษตรกรจะเลี้ยงให้ได้กุ้งขนาดประมาณ 60-80 ตัว/กิโลกรัมคือเลี้ยงประมาณ 3 เดือนจะมีการจับกุ้งบางส่วนออกไปขายก่อยโดยมีการใช้อวนตาห่างเพื่อลากเอากุ้งขนาดใหญ่ในบ่อประมาณครึ่งหนึ่งออกไปขาย หลังจากนั้นก็จะมีการเติมน้ำเข้ามาเพราะก่อนจับจะมีการลดน้ำลงไปส่วนหนึ่งซึ่งถ้าน้ำลึกเกินไปจะใช้อวนทับตลิ่งลากลำบากจึงต้องมีการลดน้ำลงแล้วก็ใช้อวนตาใหญ่ลาก ก็จะได้กุ้งตัวใหญ่อาจจะเป็นขนาด 60 ตัว/กิโลกรัมขึ้นมาขายก่อนครึ่งบ่อจากนั้นจะมีการเติมน้ำจืดเข้าไปจนเต็มบ่อหลังจากนั้นจะเอาน้ำเค็มมาเติมอีกรอบหนึ่งเพื่อเพิ่มความเค็มกุ้งที่เหลือก็จะมีการเจริญเติบโตดีขึ้น และเลี้ยงต่ออีกประมาณ 2 สัปดาห์ จะทำให้กุ้งในบ่อโตขึ้นมาเช่นขนาด 80 ตัว/กิโลกรัมก็จะกลับมาเป็น 60 ตัว/กิโลกรัม การเลี้ยงด้วยน้ำความเค็มต่ำในพื้นที่น้ำจืดก็จะเลี้ยงแบบนี้คือจับ 2 ครั้งในบางส่วนของพื้นที่ในเขตลุ่มน้ำบางปะกงซึ่งใช้น้ำจากแม่น้ำบางปะกงในบางฤดูและบางพื้นที่มีความเค็มตลอดทั้งปีแต่ความเค็มไม่สูงบางช่วงเวลาก็จะซื้อน้ำเค็มจากนาเกลือมาเติมส่วนใหญ่จะปล่อยกุ้งหนาแน่นเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในฟาร์มที่มีความพร้อมมีเครื่องให้อากาศเต็มที่ความเค็มของน้ำไม่ต่ำกว่า 3 พีพีทีฟาร์มเหล่านี้มีการปล่อยลูกกุ้งค่อนข้างหนาแน่นแทนที่จะปล่อยไร่ละ 70,000-80,000 ตัวจะปล่อยลูกกุ้งความหนาแน่นประมาณ 100,000-120,000 ตัว/ไร่หมายถึงต้องมีน้ำถ่ายพร้อมความเค็มไม่หมดในระหว่างการเลี้ยง
ภาพที่ 6.45 การปล่อยลูกกุ้งขาวแบบปล่อยตรง ภาพที่ 6.46 ลอยถุงบรรจุลูกกุ้งในบ่อปรับอุณหภูมิ
ข้อควรระวังในการปล่อยลูกกุ้ง
ในการปล่อยลูกกุ้งลงในบ่อเลี้ยงเกษตรกรมักจะนำถุงที่บรรจุลูกกุ้งลอยไว้ในบ่อเพื่อปรับอุณหภูมิให้ใกล้เคียงกับอุณหภูมิของน้ำในบ่อ เนื่องจากลูกกุ้งที่ขนส่งลำเลียงมาจากโรงเพาะฟักจะมีการปรับอุณหภูมิระหว่างการเดินทางไม่ให้สูงมาก เพื่อลดความเครียดของลูกกุ้ง ส่วนมากอุณหภูมิของน้ำในถุงที่บรรจุลูกกุ้งประมาณ 23-25 องศาเซลเซียสการลอยถุงใส่ลูกกุ้งในบ่อ อย่าให้นานเกินไป เพราะเมื่ออุณหภูมิของน้ำในถุงอุ่นขึ้นเท่ากับในบ่อ ลูกกุ้งจะเริ่มปราดเปรียวว่องไว ลูกกุ้งตัวที่โตกว่าอาจจะกินตัวที่เล็กกว่า หรือทำอันตรายตัวที่เล็กกว่า จากการสังเกตถ้าปรับอุณหภูมิของน้ำในถุงนานเกินไป และลูกกุ้งที่บรรจุในถุงมีขนาดแตกต่างกันมาก อัตรารอดมักจะต่ำกว่าปกติ
การให้อาหารลูกกุ้ง
ปริมาณการให้อาหารสำหรับลูกกุ้งที่เพิ่งปล่อยลงในบ่อแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของการเลี้ยงเกษตรกรบางรายมีการเตรียมบ่อดี มีอาหารธรรมชาติมาก ให้อาหารเริ่มต้นคล้ายกับกุ้งกุลาดำคือ ลูกกุ้ง 100,000 ตัวให้อาหาร 1 กิโลกรัม/วัน แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะปรับอาหารตามยอได้
สำหรับการเลี้ยงกุ้งขาวที่มีอัตราปล่อยลูกกุ้งหนาแน่นไร่ละประมาณ 150,000 ตัว ส่วนมากจะให้อาหารเริ่มต้นค่อนข้างมาก เนื่องจากลูกกุ้งขาวโตเร็ว และกินอาหารเก่ง ถ้าเกษตรกรได้ลูกพันธุ์ที่มาจากสายพันธุ์ที่ดี อัตรารอดจะสูงมาก ดังนั้นปริมาณการให้อาหารอาจจะเป็นดังนี้
ตารางที่ 6.4 โปรแกรมการให้อาหารในช่วง 30 วันแรก (ต่อจำนวนลูกกุ้ง 100,000 ตัว)
วันที่
|
อาหาร/วัน (กิโลกรัม)
|
อาหารสะสม (กิโลกรัม)
|
1
|
2.5
|
2.5
|
2
|
2.6
|
5.1
|
3
|
2.7
|
7.8
|
4
|
2.8
|
10.6
|
5
|
2.9
|
13.5
|
6
|
3.0
|
16.5
|
7
|
3.1
|
19.6
|
8
|
3.3
|
22.9
|
9
|
3.5
|
26.4
|
10
|
3.7
|
30.1
|
11
|
3.9
|
34.0
|
12
|
4.1
|
38.1
|
13
|
4.3
|
42.4
|
14
|
4.5
|
46.9
|
15
|
4.8
|
51.7
|
16
|
5.1
|
56.8
|
17
|
5.4
|
62.2
|
18
|
5.7
|
67.9
|
19
|
6.0
|
73.9
|
20
|
6.3
|
80.2
|
21
|
6.6
|
86.8
|
22
|
6.9
|
93.7
|
23
|
7.2
|
100.9
|
24
|
7.5
|
108.4
|
25
|
7.8
|
116.2
|
26
|
8.1
|
124.3
|
27
|
8.4
|
132.7
|
28
|
8.7
|
141.4
|
29
|
9.0
|
150.4
|
30
|
9.3
|
159.7
|
หมายเหตุ เริ่มจาก 2.5 กิโลกรัม/100,000 ตัว/วัน
วันที่ 2-7 เพิ่ม 100 กรัม/100,000 ตัว/วัน
วันที่ 8-14 เพิ่ม 200 กรัม/100,000 ตัว/วัน
วันที่ 15-30 เพิ่ม 300 กรัม/100,000 ตัว/วัน
สำหรับการเลี้ยงกุ้งขาวในพื้นที่ภาคกลางที่ใช้น้ำความเค็มต่ำภิญโญ (2545) ได้สรุป ตารางการให้อาหารดังที่แสดงไว้ตาราง