หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พระนอนศักดิ์สิทธิ์ วัดสามพระยา กรุงเทพฯ


    'วัดสามพระยา' เขตพระนคร กรุง เทพฯ พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี เพราะเป็นสถานที่จัดสอบบาลีสนามหลวง รวมทั้งใช้เป็นที่ประกาศผลสอบบาลีสนามหลวง ตั้งแต่ประโยค 1-2 ถึงเปรียญธรรม 9 ประโยค

    เป็นพระอารามเก่าแก่ต้นกรุงรัตนโก สินทร์ เดิมมีชื่อเรียกว่า "วัดบางขุนพรหม" ซึ่ง "หลวงวิสุทธิโยธมาตย์" (ตรุษ) สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์และทั้งสร้างกุศลผลบุญอุทิศให้แก่น้องชายคนเล็ก คือ "ขุนพรหม" (สารท) ภายหลังจากที่ "ขุนพรหม" ถึงแก่กรรมสักประมาณ 2 ปี

    หลวงวิสุทธิโยธมาตย์ ได้ยกที่ดินและบ้านทั้งหมดของขุนพรหมที่อยู่เหนือปากคลองบางลำพูถวายเป็นที่สร้างวัด (ทั้งนี้เนื่องจากขุนพรหมไม่มีทายาท) และให้ชื่อวัดว่า "วัดบางขุนพรหม" และชื่อชุมชนแต่เดิมที่เรียกว่า "บ้านลาน" จึงกลายเป็น "บ้านบางขุนพรหม" นับแต่นั้นมา

    ทั้งนี้ วัดสามพระยา มีพระพุทธ รูปศักดิ์สิทธิ์อยู่ 2 องค์ คือ หลวง พ่อนั่ง และหลวงพ่อนอน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวบ้านเชื่อว่าด้วยบารมีและอภินิหารของหลวงพ่อนั่ง และหลวงพ่อนอน ช่วยทำให้พื้นที่แถวนั้นรอดพ้นจากการโดนทิ้งระเบิด

    อีกครั้งในปี พ.ศ.2494 เกิดกบฏแมนฮัตตัน กองทัพอากาศ สั่งทิ้งระเบิดเรือรบหลวงศรีอยุธยาที่ลอยลำอยู่หน้าวัด แต่พลาดเป้า ระเบิดที่เลยมาตกรอบบริเวณใกล้เคียงวัด ไม่ระเบิดเลยสักลูกเดียว

    สำหรับหลวงพ่อพระนอน เป็นพระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหูยักษ์ศักดิ์สิทธิ์อันสำคัญอีกองค์หนึ่งประจำวัดสามพระยา สร้างขึ้นเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5

    พระพุทธรูปปางนี้ มีพระพุทธลักษณะเป็นพระพุทธรูปในพระอิริยาบทนอนตะแคงขวา พระบาททั้งสองซ้อนทับเสมอกัน พระหัตถ์ซ้ายวางทาบไปตามพระวรกาย พระหัตถ์ขวาตั้งขึ้นรับพระเศียรและมีพระเขนยรองรับ ลืมพระเนตรมองมาข้างหน้า และแย้มพระโอษฐ์ หรือเรียกโดยทั่วไปว่าพระปางไสยาสน์

    ความเป็นมาของพระพุทธปางนี้ คือ ในสมัยที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ ณ วัดเชตวัน ในนครสาวัตถี ได้มีอสุรินทราหู คือ อุปราชของท้าวเวปจิตติ ผู้ครองอสูรพิภพ ได้สดับพระเกียรติคุณของพระบรมศาสดาจากเหล่าเทวดาทั้งหลาย จึงมีความประสงค์ใคร่ฟังธรรมจากพระพุทธองค์

    แต่ใจคิดว่าพระพุทธองค์เป็นมนุษย์มีร่างกายเล็ก ตนเองเป็นยักษ์ มีร่างกายใหญ่โต หากเข้าเฝ้าคงต้องก้มลงด้วยความลำบาก แต่เมื่อเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ทรงล่วงรู้ในความ คิดนั้น และเห็นว่าควรลดทิฐิของยักษ์ลงจะ ทำให้ง่ายต่อการเข้าถึงธรรม พระพุทธองค์จึงทรงเนรมิตร่างกายให้ใหญ่กว่าขุนเขา ทรงสีหไสยาสน์ พระเศียรหนุนภูเขาต่างพระเขนย

    อสุรินทราหูต้องแหงนคอตั้งบ่า เพื่อชมพุทธลักษณะจนหมด ทิฐิมานะ เมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาจึงเกิดความเลื่อมใส ขอถึงพระรัตน ตรัยเป็นที่พึ่ง

    พระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหูยักษ์ เป็นพระประจำวันของคนที่เกิดวันอังคาร เป็นตัวแทนของการขจัดความมัวเมาลุ่มหลง เห็นผิดเป็นชอบ ที่เป็นลักษณะของราหู

    มีคติความเชื่อว่า หากใครได้ไปกราบไหว้ขอพรก็จะทำให้ชีวิตนั้นมีความร่มเย็นเป็นสุข

    • Update : 11/9/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch