หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    ชีวิตนี้เพื่องาน งานนี้เพื่อธรรม (7)
    ชีวิตนี้เพื่องาน งานนี้เพื่อธรรม (7)

    พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)


    ทํางานอย่างไร จึงจะได้ความสุข?

    ในสมัยปัจจุบัน โดยเฉพาะในสภาพการทำงานแบบตะวันตก ได้มีคำพูดสำคัญในทางไม่ดีคำหนึ่งมาเข้าคู่กับการทำงาน คือ ความ เครียด ยิ่งถ้าไม่มีความบากบั่นสู้งาน ซึ่งเป็นแรงจูงใจที่ถูกต้องในการทำงานแบบตะวันตกนั้นเข้ามาดุลด้วยแล้ว ความเครียดจะก่อปัญหาอย่างมาก ความเครียดนี้ กำลังเป็นปัญหาสำคัญของอารยธรรม ของมนุษย์ในโลกยุคปัจจุบัน

    การทำงานหาเงิน หรือวิถีชีวิตที่เน้นด้านเศรษฐกิจของคนยุคนี้ พ่วงเอาความเครียดมาด้วย

    ในสังคมตะวันตกปัจจุบันนี้ คนยังมีนิสัยสู้งาน ที่ได้สะสมมาแต่อดีต ยังติดยังฝังอยู่ แต่มาในระยะหลังๆ นี้ ความใฝ่เสพเห็นแก่บริโภคก็มากขึ้น

    ส่วนในสังคมไทยของเรานี้ มีผู้กล่าวว่า คนไทยมีค่านิยมบริโภคมาก ไม่ค่อยมีค่านิยมผลิต จึงจะยิ่งมีปัญหาหนักกว่าเขาอีก เพราะค่านิยมบริโภคขัดแย้งกับกระบวนการทำงาน เนื่องจากการทำงานต้องการความอดทน ต้องต่อสู้กับความยากลำบาก เมื่อไม่มีนิสัยรักงานสู้งานเป็นพื้นฐานรองรับ คนที่นิยมบริโภคจะไม่สามารถทนได้ จะจำใจทำ ทำด้วยความฝืนใจ จะรอคอยแต่เวลาที่จะได้บริโภค ความต้องการก็ขัดแย้งกัน และเมื่อความต้องการขัดแย้งกัน ก็เกิดภาวะที่เรียกว่า "เครียด" จึงทำงานด้วยความเครียด

    คนที่มีค่านิยมบริโภคมาก เมื่อต้องทำงานมาก ก็ยิ่งเครียดมาก โดยเฉพาะคนที่ต้องการผลตอบแทน ทางวัตถุ ทำงานไปก็ทำด้วยความกระวนกระวาย เกิดความขัดแย้งในจิตใจ มีความกังวลว่าผลตอบ แทนที่เราต้องการจะได้หรือเปล่า จะได้น้อยกว่าที่ตั้งความหวังหรือเปล่า หรือว่าเราอาจจะถูกแย่งผลตอบแทนไป หรือถูกแย่งตำแหน่งฐานะไป ความห่วงกังวลต่างๆ นี้ทำให้เกิดความเครียด ซึ่งเป็นปัญหาทางจิตใจที่สำคัญ

    เมื่อขาดความรักงาน ใจไม่อยู่กับงาน ความรู้สึกรอเงินรอเวลาก็จะเด่นขึ้นมาและกดดันใจนั้น โดยเฉพาะเมื่อจุดหมายของคนกับจุดหมายของงาน ลักลั่นขัดแย้งกัน เช่น งานเสร็จเงินยังไม่มา หรือว่าตำแหน่งยังไม่ได้ แรงกดดันก็ยิ่งมาก เลยยิ่งเครียดหนัก

    ปัญหาต่างๆ รวมทั้งความเครียดนั้น ก็เกิดจากแรงจูงใจประเภทแรกที่เรียกว่า ตัณหา-มานะ โดยเฉพาะค่านิยมบริโภค และค่านิยมโก้หรูหรา ซึ่งกำลังแพร่หลายอยู่ในสังคมของเรา และบางทีก็ถึงกับมองกันว่าเป็นเรื่องที่ดี ส่วนแรงจูงใจที่ถูกต้อง คือทำงานด้วยใจที่ใฝ่สร้างสรรค์ มองงานเป็นโอกาสที่จะได้พัฒนาตน อยากพัฒนาประเทศชาติหรือทำประโยชน์แก่สังคม ต้องการผลสำเร็จของงานหรือทำงานเพื่อจุดหมายของงานแท้ๆ

    แม้จะทำงานด้วยแรงจูงใจที่ดีแบบนี้ ถ้าเกิดความรู้สึกเร่งรัดจะรีบร้อนทำ และมีความห่วงกังวลเกรงงานจะไม่เสร็จ ก็อาจจะมีความเครียดได้ ต่างแต่ว่าจะเป็นความเครียดที่คลายได้ง่าย (เพราะไม่มีอารมณ์ด้านลบที่เกิดจากตัณหา)

    เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่มีแรงจูงใจไม่ดีก็ตาม มีแรงจูงใจที่ดีก็ตาม ก็ยังมีความเครียดได้ ยังอาจมีปัญหา แต่เราสามารถแยกความแตกต่างได้ว่า ในฝ่ายหนึ่ง แรงจูงใจเพื่อจุดหมายของคน ซึ่งมุ่งเอาประโยชน์ส่วนตนด้วยตัณหา-มานะ มีโทษต่อสังคมและต่อชีวิตมาก ส่วนฝ่ายที่สอง แรงจูงใจเพื่อจุดหมายของงาน มีคุณค่ามาก มีคุณประโยชน์ต่อสังคมมาก พัฒนาชีวิตคนได้ดี

    ตกลงว่า ทั้งสองอย่างยังมีปัญหาอยู่ ทำอย่างไรจะแก้ไขให้การทำงานมีส่วนที่เป็นคุณอย่างเดียว

    เป็นประโยชน์แก่ชีวิตโดยสมบูรณ์ อันนี้เป็นขั้นต่อไป



    • Update : 9/9/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch