|
|
เที่ยวทั่วไทย-ขนมจีนโบราณ บ้านคุณตา
ขนมจีนโบราณ บ้านคุณตา
ผมไปภาคเหนือมาอีกแล้วครับ เที่ยวนี้ไปไกลสุดถึงแค่ อ.เวียงป่าเป้า ไปไม่ถึงตัวเมืองเชียงราย และไปตั้งฐานอยู่ที่เชียงใหม่ เช้าก็ออกเร่ร่อนเรื่อยไป และที่ขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาดคือการไปเที่ยวงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติ ฯ ราชพฤกษ์ ๒๕๔๙ ที่จังหวัดเชียงใหม่ งานมีตั้งแต่วันที่ ๑ พ.ย.๒๕๔๙ ไปสิ้นสุดเอาวันที่ ๓๑ ม.ค.๒๕๕๐ ผมไป ๒ ครั้ง แต่ไปตอนปลายงานแล้ว จึงเอากลับมาเขียนเล่าให้ทราบไม่ทัน แต่เชื่อว่าบริเวณจัดงานที่มีมากถึง ๔๗๐ ไร่ และปลูกตกแต่งอย่างดี อาคารหลายหลังเป็นอาคารถาวรคงไม่รื้อ คงต้องเก็บบริเวณงานและพืชสวนต่าง ๆ เอาไว้ให้ชมกันต่อไป เว้นสวนของนานาชาติ ที่ได้มอบให้แก่รัฐบาลไทยไว้แล้ว เราจะเก็บรักษาเอาไว้อย่างใด ส่วนบริเวณสวนที่จัดงานทั้งหมด ภาครัฐบาลคงได้ประกาศออกมาแล้วว่าจะให้เป็นสวนอะไรเช่น เป็นสวนพฤกษศาสตร์ ซึ่งเรามีสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์อยู่แล้ว ๒ แห่ง คือที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ๑ แห่ง กับที่ถนนกำแพงเพชร ไม่ไกลจากสวนจตุจักรอีก ๑ แห่ง และมีสวนหลวง ร.๙ ในกรุงเทพ ฯ หากสวนนี้จะตั้งเป็นสวนพฤกษศาสตร์ชื่อว่า สวนหลวงรัชกาลที่ ๙ หรือสวนพฤกษศาสตร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ก็คงจะเหมาะสมกับขนาดของสวนและความยิ่งใหญ่ในการจัดสวนระดับโลกเช่นนี้ น่าจะสมพระเกียรติของพระมหากษัตริย์นักเกษตรของโลก จากไปงานสวนโลกคราวนี้ไม่เขียนเลยไม่ได้แน่ เพราะยิ่งใหญ่เหลือเกิน และชาตินี้ผมไม่มีโอกาสไปงานสวนโลกแบบนี้อีกแล้ว เพราะอายุใกล้ร้อยเข้าไปทุกที เอาแต่ขับรถไปเชียงใหม่คราวนี้ก็ช้ากว่าที่เคยทำเวลาเอาไว้หลายชั่วโมง และใช้วิธีวิ่งอ้อมโลกไป จะได้หาเรื่องมาเล่าให้ท่านผู้อ่านได้ทราบไปด้วย
ผมออกเดินทางจากกรุงเทพ ฯ ตอนเช้าวันเสาร์ถนนออกต่างจังหวัดไม่แน่นนัก เพราะจะไปแน่นมากในตอนเย็นวันศุกร์มากกว่า จากกรุงเทพ ฯ มาผ่านสระบุรี เลยต่อไปยังสามแยกพุแค เดี๋ยวนี้ถนนสายจากสระบุรี - สามแยกพุแค ได้ขยายเป็น ๖ เลนแล้ว ทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้น ๑๕ กม.จะถึงสามแยกพุแค เลี้ยวขวาเข้าถนนสาย ๒๑ ซึ่งสายนี้จะไปถึง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ พอวิ่งมาสัก ๓๐ กม. ทางซ้ายก็จะเป็นทุ่งทานตะวัน ที่จัดที่ไว้ให้ชมกันเลยทีเดียว เดี๋ยวนี้ทุ่งทานตะวันในจังหวัดลพบุรี และสระบุรีมีที่ชมหลายแห่ง จุดนี้เป็นทุ่งทานตะวันทุ่งใหญ่มากทุ่งหนึ่งของลพบุรี แต่ต้องไปชมในเดือนพฤษจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมจึงจะมีให้ชม เลยต่อมาก็จะมาถึงสี่แยกที่เลี้ยวซ้ายจะไปชมทุ่งทานตะวันได้อีก และไปลพบุรีได้ เลี้ยวขวาจะมาอำเภอพัฒนานิคมและไปยังเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ หากไปเที่ยวแค่เขื่อนเวลากลับไม่ควรย้อนกลับมาตามเส้นทางเดิม พอออกจากเขื่อนให้เลี้ยวซ้ายกลับไปทางน้ำตกเจ็ดสาวน้อย น้ำตกมวกเหล็ก แล้วกลับมาสระบุรีตามถนนมิตรภาพ จะได้ท่องเที่ยวหลายแห่ง แต่ปลายทางของผมวันนี้คือเขาค้อ จึงไม่ได้เลี้ยวมาทางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มุ่งหน้าต่อไปตามถนนสาย ๒๑ จะมาพบสี่แยกอีก จุดนี้หากเลี้ยวซ้ายไป อ.โคกสำโรง ลพบุรี เลี้ยวขวาไปวัดหลวงพ่อคูณได้ วิ่งต่อไปอีก ๒๐ กม.จะถึงสามแยก หากเลี้ยวขวาเข้าตัวอำเภอชัยบาดาล แล้ววิ่งต่อไปอำเภอเทพสถิต ไปป่าหินงามไปชัยภูมิได้ โดยเส้นทางจะข้ามเขากระพังเหย ภูมิประเทศสวยดี จะไปเขื่อนจุฬาภรณ์ไปตามเส้นนี้ก็ได้
จากชัยบาดาล วิ่งต่อไปจะถึงอำเภอศรีเทพ หากเลยไปจนถึงสี่แยกแล้วเลี้ยวขวาไป ๗ กม. ก็จะถึงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งคือ ปราสาทศรีเทพ ปราสาทขอมที่เก่าแก่ เลยต่อไปตามถนนสาย ๒๑ คราวนี้จะถึงดงไก่ย่างที่ลือชื่อคือ ไก่ย่างวิเชียรบุรี มีร้านไก่ย่างมากกว่า ๒๐ ร้าน ไม่นับประเภทใส่ถาดเร่ขาย เลยสามแยกเข้าตัวอำเภอวิเชียรบุรีไปสัก ๒๐ เมตร จะเห็นไก่เมืองยักษ์ยืนกระพือปีกอยู่หน้าร้านไก่ย่าง ตรงสามแยกหากเลี้ยวขวาก็จะไปยังตัวอำเภอวิเชียรบุรี จะมีพระพุทธไสยาสน์วิเชียรศรีรัตนมิ่งมงคล ที่วัดวิเชียรบำรุง ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้ด้วย เลยวัดไปผ่านตลาดตรงไป ก็จะไปยังศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งศาลนี้สร้างถวาย เพราะสมัยที่พระองค์ยังทรงเป็นพระมหาอุปราชเคยเดินทัพผ่าน เพื่อไปตีทัพพม่า จากวิเชียรบุรีหากไปตามถนนสาย ๒๑ ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทีบ่อน้ำร้อนบ้านพุขาม มีถ้ำเทพบันดาล อำเภอบึงสามพัน สุสานหอยล้านปี อุทยานเสาหินโบราณ ทั้งสองแห่งนี้อยู่ในเขตอำเภอวิเชียรบุรี แต่ต้องไปเลี้ยวขวาที่สี่แยกราหุล เขตอำเภอบึงสามพัน ขอผลัดไว้เล่าวันหลัง ขอไปสำรวจขออีกที
จากบึงสามพันมาผ่านหนองไผ่และมาถึงตำบลวังชมพู ก่อนถึงมีทางแยกขวาไปยังวัดช้างเผือก นมัสการสังขารหลวงพ่อทบ ที่ไม่เน่าเปื่อย เลยไปถึงสามแยกวังชมภู (ตรงไปจะไปยัง จ.พิจิตร) พอเริ่มเลี้ยวขวาจะไปยังเพชรบูรณ์ ควรแวะร้านกำนัลจุล จะแวะเที่ยวไปหรือแวะเที่ยวกลับก็ได้จ่ายสตางค์แท้แน่นอน โดยเฉพาะวันเดินทางกลับร้านอยู่ทั้งสองฟาก ร้านใหม่อยู่ทางขวา ไปอาศัยสุขาที่สะอาดและแบบผสม มีขายทั้งผ้าไหมและพืชผัก รวมทั้งปลาส้มกำนัลจุลที่ลือชื่อ กับดื่มน้ำผลไม้ต่าง ๆ พร้อมดื่มและบรรจุกระป๋อง
จากวังชมพูประมาณ ๒๐ กม.จะถึงตัวเมืองเพชรบูรณ์ เข้าเมืองไปวัดไตรภูมิ วัดมหาธาตุ ศาลหลักเมืองเพชรบูรณ์ อ่างเก็บน้ำห้วยป่าแดง ที่สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ รร.นายร้อย จปร.ต้องอพยพมาปลูกเพิงเรียนหนังสือกันที่นี่ ต้องพวกรุ่นก่อนผมเกินสิบปีจึงจะทันเป็นนักเรียนรุ่นป่าแดง
ออกจากตัวเมืองมุ่งหน้าไปทาง อ.หล่มสัก ซึ่งจะไปเขาค้อต้องไปตามเส้นทางนี้ และเลี้ยวขึ้นเขาที่ กม.๒๓๖ แต่พอถึง กม. ๒๓๐ จะถึงร้านขนมจีนโบราณบ้านคุณตา เลยขอเล่าเสียเลย ร้านขนมจีนโบราณบ้านคุณตา เลยจากตัวจังหวัดเพชรบูรณ์มาประมาณ ๙ กม. (ก่อนถึง ต.นางั่ว) ตรงหลัก กม.๒๓๐ อยู่ทางซ้ายมือ จอดรถสะดวกเป็นศาลาโถง โปร่งเย็นสบาย ต้องรีบบอกเสียก่อนว่า นอกจากจะอร่อยมากแล้ว ยังขายราคาถูกมากอีกด้วย มีน้ำราด ๕ น้ำด้วยกันคือ น้ำยาป่า น้ำยากะทิ น้ำพริก แกงเขียวหวาน และอร่อยสุด ๆ คือ น้ำเงี้ยว น้ำราดขนมจีนราคาถ้วยละ ๑๐ บาท น้ำเงี้ยวถ้วยละ ๒๐ บาท ผมสั่งมาชิมทุกวัน เว้นแกงเขียวหวานสั่งแล้ว เขาบอกว่าหมดเลยอดชิม แต่เจอเข้าไป ๔ น้ำก็พุงกางแล้ว ขนมจีนจับมาเป็นก้อนกลมมี ๓ สีใส่มาในกระจาด สีสลับกันสีสวยน่ากินตั้งแต่มองเห็น ส่วนน้ำใส่มาในชาม มีกระจาดใส่ผัก นับดูมีผักสดถึง ๗ อย่างคือ ถั่วงอกขาวอวบ ถั่วฝักยาว หัวปลี ผักบุ้งลวก กล่ำปลี สด - ลวก ผักกาดดอง (กินน้ำเงี้ยวแนมด้วยผักกาดดอง จะเข้ากัน) ใบแมงลักและพริกขี้หนูแห้ง สำหรับคนชอบเผ็ด ยังมีอีกคือ ส้มตำ มีส้มตำทะเล ส้มตำปลาร้า ส้มตำไข่เค็ม ผมสั่งส้มตำไข่เค็ม รสดีถูกใจ และมีทอดมันปลากราย เหนียวหนึบ เคี้ยวกหนุบหนับเลยทีเดียว ของหวานคือ ขนมถ้วยวางไว้บนโต๊ะ แคะเมื่อไรจึงจะเสียสตางค์ หวานมัน และมีโบราณอีกอย่างคือ กาแฟ ,ชาร้อน - เย็น สั่งมาดื่มคือ กาแฟเย็น
ยกให้ทั้งห้านิ้วคือ ขนมจีน - น้ำเงี้ยว และยกให้อีกสำหรับราคาสั่งมาเต็มโต๊ะ ไม่ถึง ๑๕๐ บาท หากไม่แวะกินขนมจีนโบราณ เลยไปถึงนางั่วมีร้านยุพาและโกเข่ง
เมื่อวิ่งรถเลยนางั่วไปประมาณ ๑ กม. ที่หลัก กม.๒๓๖ ก็เลี้ยวซ้ายขึ้นเขาค้อ ที่หลัก กม. บอกว่าไปอีก ๒๔ กม. ระยะทางนี้ไปถึงแค่สี่แยกสะเดาะพง ยังไม่ถึงตัวอำเภอ จะผ่านไปคือ
เนินมหัศจรรย์ กม.๑๗.๕ จอดรถที่เส้นสีขาว รถจะถอยหลังขึ้นเนินได้
กม.๑๙ มีร้านขนมจีนหล่มเก่า และผลผลิตเกษตรจำหน่าย เช่น ฟักแม้ว พาสชั่นฟรุ๊ท ฯ
สี่แยกสะเดาะพง ตรงไปจะไปยัง โครงการพระราชดำริ เกษตรอุตสาหกรรมเขาค้อ ผมมีส่วนร่วมกับท่านองคมนตรี พลเอก พิจิตร กุลละวนิชย์ ก่อตั้งบริษัท ฯ มาตั้งแต่ต้น ผมมีหุ้นหนึ่งหุ้น เป็นรองประธานบริษัท กรรมการบริษัทไม่มีเงินปันผล เงินตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น รับซื้อผลผลิตทางเกษตรจากชาวไร่บนเขาค้อ นำมาผลิตน้ำผลไม้กระป๋อง และพร้อมดื่ม ควรแวะไปอุดหนุน
ทางขึ้น พระตำหนักเขาค้อ เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกสะเดาะพง หากเลี้ยวขวาไปอำเภอ ไปตามถนน ๒๑๙๖ สายสะเดาะพง - แคมป์สน เส้นนี้จะผ่านที่ว่าการอำเภอ โรงพยาบาลห้องสมุดนานาชาติ ที่ทุกไปบรรดาทูตจะมาชุมนุมกัน ในเดือนธันวาคม สวนดอกไม้ที่หน้าห้องสมุดนี้จะงามมาก งามตลอดปี เยื้อง ๆ กันทางเข้าห้องสมุดคือ ทางแยกไปยังอนุสรณ์สถานผู้เสียสละ ที่เสียชีวิต จากการสู้รบบนเขาค้อ และจะผ่านพิพิธภัณฑ์อาวุธ ปากทางขึ้นไปจะมีศาลเจ้าพ่อเขาค้อ
กม.๑๙ วัดวิชมัยปุญญาราม ซึ่งผมขึ้นไปเขาค้อคราวนี้ ก็เพื่อไปตรวจการก่อสร้างตกแต่ง ศาลสองมหาราช ที่ได้สร้างไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๖ - ๒๕๔๗ หาสตางค์ให้หลวงพ่อตกแต่งเพิ่มเติม ซึ่งทางวัดได้จัดฉากหลังของสองมหาราช ด้วยสีแดงเข้ม เป็นศาลเดียวในประเทศไทย หรือในโลกที่มหาราชสององค์นี้ประทับอยู่ในศาลเดียวกัน ส่วนด้านหลังคือ ศาลของสมเด็จพระปิยมหาราช
และศาลเจ้าแม่กวนอิมพันมือ ปางธิเบต เลยไปนิดเดียวคือ พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุ ๙ องค์ ให้มาบรรจุเอาไว้
กม.๑๗ มีถนนแยกซ้ายไปอีก ๙ กม. ก็จะถึงทางแยกขวา เข้าน้ำตกศรีดิษฐ ฤดูฝนหรือปลายฝนจะสวยมาก ฤดูแล้งน้ำน้อยไปหน่อย เขาค้อเวลานี้ถนนแทบจะทุกสาย จะมีรีสอร์ทเกิดขึ้นมาก แต่ส่วนมากขาดต้นไม้ใหญ่
เมื่อแยกไปทางน้ำตกศรีดิษฐแล้ว ผ่านทางแยกเข้าน้ำตกไปจนสุดทางเป็นสามแยก หากเลี้ยวซ้ายจะอ้อมขึ้นไปยังพระตำหนักได้ ถ้าเลี้ยวขวาตรงสามแยกหนองแม่นา ก็จะมาผ่านตลาด และมีตลาดนัดทุกเย็นวันอังคาร ถ้าเลี้ยวขวาข้างตลาดนี้ตรงเรื่อยไป จะเข้าไปยังหน่วยพิทักษ์ป่า ของอุทยานแห่งชาติแสลงหลวง ไปชมทุ่งหญ้าแบบ "สะวันนา" จะชมทุ่งหญ้าแห่งนี้ ต้องชมตอนปลายฝนจะดีที่สุด ผมไปวันนี้ต้นหนาวหญ้าตายเรียบหมดแล้ว เหลือแต่ภาพของทุ่งโล่ง ๆ มาให้ชม และที่อุทยานจุดนี้ ตอนนี้ได้สร้างที่พักเพิ่มเติมจากเคยเห็น ๒ หลังเป็น ๘ หลัง มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีที่กางเต็นท์นอน มีสุขาและห้องน้ำรวม อาหารคงต้องติดต่อที่ศูนย์บริการ หรือออกมาหากินแถวตลาดหนองแม่นา ไม่เช่นนั้นก็เตรียมเอาไป ประกอบกันเอง
หากเราไม่เลี้ยวข้างตลาดไปอุทยาน ตรงต่อไปนิดเดียวจะมีทางแยกซ้าย ไปยังแก่งบางระจัน มีฤดูท่องเที่ยวคือ ช่วงเดือน พ.ย. - มี.ค. ติดต่อ ๐๕๖ ๗๑๑ ๓๖๔ เพื่อล่องแก่งในลำน้ำเข็ก จะล่องไปตามลำน้ำประมาณ ๗ กม. มีแก่งหินขวางทางน้ำเป็นระยะ ฤดูฝนน้ำจะแรงมาก
กลับมาขึ้นถนนสายสะเดาะพง - แคมป์สน กันใหม่ ลงเขาต่อไปจะผ่านรีสอร์ทสวย ๆ หลายแห่ง ผ่านจุดขายผลผลิตทางเกษตร ทั้งของชาวบ้านและชาวเขา ผ่าน กม.๑๖ จะมีทางแยกซ้ายไปยังหมู่บ้านท่องเที่ยวของชาวดอยคือ ชาวม้ง สมัยผมยังรับราชการ จะนำสิ่งของอาหารมามอบให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของชาวม้งเป็นประจำ แต่เวลานี้ชาวม้งจะครองเขาค้ออยู่แล้ว
สามแยกแคมป์สน เดี๋ยวนี้เป็นชุมชนใหญ่ มีที่พักราคาย่อมเยา แต่เห็นจะไม่มีบรรยากาศที่ดีให้ชม มีร้านอาหารหลายร้าน หรือใครจะทำบุญก็มีวัด เลยสามแยกลงไปก็จะถึงทางแยกซ้ายเข้าไร่บีเอ็น ที่มีผลิตผลเกษตรจำหน่าย ลงต่อไปอีกจะผ่านสวนสนทางซ้ายมือ และสุดทางถนนจะไปบรรจบกับถนนสายหล่มสัก - พิษณุโลก คือ ทางหลวงแผ่นดินสาย ๑๒ ที่ยาวตั้งแต่จังหวัดตากไปจนถึงขอนแก่น จุดบรรจบของถนนจะอยู่ที่หลัก กม.๑๐๐ จากพิษณุโลกพอดี
หากลงเขาแล้ว เลี้ยวขวาไปอีก ๓ กม. ที่ กม.๑๐๓ แล้วเลี้ยวขวาอีกที จะเข้าถนนแคบ ๆ ที่มีป้ายบอกชื่อรีสอร์ทหลายแห่ง ซึ่งอาหารเยี่ยม บรรยากาศแจ่มแจ๋ว อากาศเย็นตลอดปี เหมือนบนเขาค้อ กลางคืนนอนไม่ต้องเปิดแอร์ มีอะไรชิมบ้างอร่อยอย่างไร คงต้องขอผลัดเอาไว้เล่าตอนหน้า จึงจะได้ชิม "หมูหลบแดด " มีขายที่นี่แห่งเดียว
...................................................
|
Update : 2/9/2554
|
|