|
|
เที่ยวทั่วไทย-อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ มีอุทยานประวัติศาสตร์อยู่ ๓ แห่งคือ ที่ กำแพงเพชร สุโขทัย และศรีสัชนาลัย (จ.สุโขทัย) ผมจะพาท่านไปเยี่ยมอุทยานประวัติศาสตร์ ที่ อ.เมืองสุโขทัย เส้นทางไปได้ ๓ เส้นทางคือ
เส้นทางที่ ๑ ไปผ่านนครสวรรค์ ตัดออกไปพิษณุโลก แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย ๑๒ ผ่านตัวเมืองสุโขทัย ไปอีกประมาณ ๑๒ กม. ก็จะถึง อุทยาน ฯ
เส้นทางที่ ๒ ไปผ่านนครสวรรค์ แล้วไป จ.ตาก เลี้ยวขวาไปตามถนนสาย ๑๒ ไปยังอุทยาน ฯ แต่เส้นนี้อ้อม ระยะทางไกลกว่าเพื่อนคือ ประมาณ ๔๙๕ กม.
เส้นทางที่ ๓ ไปผ่านนครสวรรค์ กำแพงเพชร ตัดเข้าตัวเมือง ผ่านศาลหลักเมืองไปตามถนนที่มุ่งตรงไป จ. สุโขทัย ไปอีก ๗๖ กม. ผ่าน อ.พรานกระต่าย ,คีรีมาศ ผ่านแยกซ้ายไปบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง (ไปอีก ๑๑ กม. อีกป้ายห่างกันสัก ๑๐ เมตร บอกว่าไปอีก ๑๐ กม. ไม่รู้ว่าจะเชื่อป้ายไหนดี) ผ่านทางแยกขวาที่ กม.๓๙๐ ไป "แหล่งน้ำมันสิริกิต์" ไปตามถนนสาย ๑๐๖๕ ไปผ่านทางแยกซ้ายไปอุทยานแห่งชาติรามคำแหง จะมาถึงสี่แยกมีไฟสัญญาณ "สี่แยกคลองโพธิ์" ซึ่งหากตรงไปจะไปสวรรคโลก ไปสนามบิน เลี้ยวขวาจะเข้าตัวเมืองสุโขทัย "เลี้ยวซ้าย" ไปตามถนนสาย ๑๒ ไปยังอุทยานประวัติศาสตร์ ฯ (และ ไป จ.ตาก) ผมมาตามเส้นทางนี้ ระยะทางจะพอ ๆ กับเส้นทางแรกคือ ประมาณ ๔๓๕ กม. (จากกรุงเทพ ฯ)
เมื่อเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกคลองโพธิ์ ทางขวามือคือ ปั๊มน้ำมัน ปตท. ติดกับปั๊มน้ำมัน ร้านชวนชิม ตรงข้ามร้านเก่าแก่ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยอร่อยนัก ผ่านร้านไปจนถึงโรงแรมไพลิน อยู่ทางซ้ายจากนั้นก็จะเป็นกลุ่มร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารอีกหลายร้าน พิพิธภัณฑ์สถานรามคำแหง (เคยเข้าไปชม สมัยพ่อขุน มีฐานส้วมด้วย) ไปจนถึงหน้าทางเข้าอุทยาน ฯ ไปคราวนี้เปลี่ยนเส้นทางประตูเข้า ต้องวิ่งตรงเข้าไปก่อนแล้วเลี้ยวขวาอีกที จึงจะถึงซุ้มจำหน่ายบัตร ชาวไทยคนละ ๑๐ บาท ถ้านำรถเข้าไปคันละ ๕๐ บาท หรือจะเดินเข้าไปแล้วนั่งรถราง (เหมือนรถราง) มีไกด์สาวบรรยาย พาชมภายในอุทยานคนละ ๒๐ บาท มีเป็นรอบ แต่ผมเอารถเข้าไปวิ่งวนชมเอง เพราะจำไม่ได้ว่าไปเป็นครั้งที่เท่าใด ไปครั้งแรกตั้งแต่ยังรับราชการอยู่เชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๐๗ ตั้งแต่อุทยานรกยังกับป่า จนไปครั้งนี้อุทยานสวยเหลือเกิน สะอาดตา งดงามไปหมด สมกับเป็นมรดกโลก เป็นศูนย์กลางอาณาจักรสุโขทัย (ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๔)
เมืองสุโขทัย ได้พบศิลาจารึกหลักที่ ๒ ในอุโมงค์วัดศรีชุม (ซึ่งวัดนี้อยู่เลยอุทยาน ฯ ไปทางตาก ประมาณสัก ๑ กม. แล้วเลี้ยวขวาไปอีก ๖๐๐ เมตร) ได้อธิบายไว้ว่า เมื่อพ่อขุนศรีนาวนำถม เจ้าเมืองสุโขทัยสิ้นพระชนม์ลง ขอมสมาดโขลญลำพง ได้เข้าครอบครองเมืองสุโขทัย พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด ซึ่งเป็นโอรสของพ่อขุนศรีนาวนำถมได้ชักชวนพระสหายคือ พ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง (อ.นครไทย ในปัจจุบัน) ร่วมกันชิงเมืองสุโขทัยกลับคืนมาได้ แต่พ่อขุนผาเมืองไม่ยอมครองเมืองสุโขทัย (อาจจะเป็นเพราะมีมเหสีเป็นธิดากษัตริย์ขอม) ยกเมืองสุโขทัยของพระบิดา พร้อมกับมอบพระขรรค์ชัยศรี และพระนามศรีอินทรบดินทราทิพย์ของพระองค์ให้กับพระสหาย พ่อขุนบางกลางหาว จึงขึ้นครองสุโขทัยทรงพระนามว่า พ่อขุนศรีอินทราทิพย์ เป็นต้นราชวงศ์สุโขทัย และมีพ่อขุนบานเมือง โอรสองค์ใหญ่ปกครองสืบต่อมา แต่ไม่ปรากฎหลักฐานชัดเจนว่า ศูนย์กลางเมืองได้ย้ายจากบริเวณวัดพระพายหลวง มายังวัดมหาธาตุแล้วหรือยัง ตราบจนกระทั่ง พ่อขุนรามคำแหง พระอนุชาได้ปกครองสุโขทัยสืบต่อมา
จากหลักฐานในศิลาจารึกหลักที่ ๑ จึงทราบแน่นอนว่า วัดมหาธาตุ คือศูนย์กลางเมือง หลักศิลาหลักที่ ๑ นี้ ได้ทำให้เราทราบว่า พ่อขุนรามคำแหงมีความเกรียงไกรมากเพียงใด ทรงเป็นนักรบที่ทรงทำยุทธหัตถีชนะเจ้าเมืองฉอด ตั้งแต่พระชนมายุได้ ๑๙ พรรษา อาณาเขตในรัชกาลของพระองค์ ขยายไปจนถึงหลวงพระบาง และทางใต้ไปจนสุดแหลมมลายู ทางตะวันตกติดเขตแดนเมาะตะมะ ทางพระพุทธศาสนาได้นำพุทธศาสนาแบบเถรวาท ที่กำลังเจริญอยู่ที่นครศรีธรรมราช เข้ามาเผยแพร่ที่สุโขทัย ให้มีการฟังธรรมในวันพระ บ้านเมืองเป็นปกติสุข ยากจะหายุคใดเสมอเหมือน ประชาชนมีอิสระในการทำการค้า มีคำกล่าวว่า " เพื่อนจูงวัวไปค้า ขี่ม้าไปขาย ใครจักใคร่ค้าช้าง ค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า" โปรดให้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่กลางเมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งเป็นเมืองคู่ของกรุงสุโขทัย โปรดให้สร้างวัดวา อาราม พระพุทธรูปต่าง ๆ ขึ้นในสุโขทัย และพระองค์คือ ผู้ประดิษฐอักษรไทยขึ้นใช้ เมื่อสิ้นรัชกาลพ่อขุนรามคำแหง กรุงสุโขทัยไม่สามารถดำรงความยิ่งใหญ่ และความรุ่งเรืองไว้ได้ เมืองต่าง ๆ ที่ขึ้นกับสุโขทัยหลายเมือง แยกตัวออกไปเป็นอิสระปกครองกันเอง จนถึง พ.ศ.๑๘๙๐ แผ่นดินพระมหาธรรมราชาลิไท พระราชนัดดา ของพ่อขุนรามคำแหง ซึ่งขณะนั้นครองเมืองศรีสัชนาลัย ได้นำกองทัพมาปราบปรามยึดสุโขทัยไว้ได้ และสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ให้แก่แคว้นสุโขทัยได้อีกครั้งหนึ่ง แต่พอถึง พ.ศ.๑๘๙๓ พระเจ้าอู่ทอง ตั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี และเริ่มมีอำนาจมากขึ้น จนถึงสมัยที่ขุนหลวงพะงั่ว หรือสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ ขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา ต่อจากพระเจ้าอู่ทอง ได้ส่งกองทัพมายึดได้สุโขทัยภายหลังที่พระเจ้าลิไท เสด็จสวรรคตแล้วเมื่อประมาณปี พ.ศ.๑๙๑๓ - ๑๙๑๔ ฐานอำนาจของไทยจึงย้ายมาอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา จนถึง พ.ศ.๑๙๘๑ สุโขทัยก็ค่อย ๆ กลายมาเป็นดินแดนในราชอาณาจักรอยุธยา จนหมดสิ้น
โบราณสถานในเมือง
เมื่อวิ่งรถผ่านประตูเข้าไปแล้ว จุดแรกที่น่าชมที่สุดคือ "วัดมหาธาตุ" เป็นวัดที่สำคัญที่สุด และเป็นแบบอย่างของเมืองเอก ในสมัยต่อมาจะต้องมีวัดมหาธาตุ เช่น ที่ลพบุรีก็มี กำแพงเพชร ก็มี เป็นต้น วัดมหาธาตุจะตั้งอยู่ใจกลางเมืองตามแบบแผน ความเชื่อในระบบสุริยจักรวาลของอินเดีย ประกอบด้วย เจดีย์ประธาน วิหาร มณฑป โบสถ์ และเจดีย์ราย มากถึง ๒๐๐ องค์ ทั่วบริเวณสะอาดตา ตัดหญ้าเรียบ เขียวชอุ่ม เจดีย์ประธาน ตั้งเด่นเป็นสง่า เป็นเจดีย์ทรงดอกบัวตูม ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่แสดงถึงเอกลักษณ์ ศิลปะสุโขทัย (แบบอื่นก็มีทรงลังกา หรือทรงระฆัง) แต่พระพุทธรูปที่ชาวเมืองเรียกว่า หลวงพ่อโต นั้นแผ่นดินพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าให้อัญเชิญโดยล่องแพ มาไว้ที่วัดสุทัศน์เทพวราราม ฯ แล้วถวายนามว่า พระศรีศากยมุนี ชมวัดนี้ ขอให้ชมอย่างมีเวลา เมื่อไปชมกับทัวร์รถรางไม่ได้ดูนาน ผมถึงเอารถวิ่งเข้าไปเอง
พระอัฎฐารส คือ พระพุทธรูปยืน ประดิษฐานในมณฑป ที่ขนาบข้างเจดีย์ประธาน
เนินปราสาท พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสันนิษฐานไว้ว่า เนินนี้เคยเป็นฐานปราสาทราชวัง ของกษัตริย์เมืองสุโขทัย
วัดศรีสวาย อยู่ทางทิศใต้ของวัดมหาธาตุ ตั้งอยู่ในกำแพงแก้ว ประกอบด้วย ปรางค์ ๓ องค์ มองจากภายนอกเหมือน ปรางค์สามยอด ที่ลพบุรี มีลวดลายปูนปั้น
วัดตระพังเงิน ห่างจากวัดพระธาตุ ประมาณ ๓๐๐ เมตร มีเจดีย์ วิหาร โบสถ์กลางน้ำ เจดีย์ประธานทรงดอกบัวตูม เพราะมีโบสถ์กลางน้ำ จึงเรียกว่า วัดตระพังเงิน
วัดสระศรี งดงามมาก เพราะตั้งอยู่กลางสระน้ำขนาดใหญ่ ที่ชื่อว่า ตระพังตระกวน มีเจดีย์ทรงระฆังกลม วิหาร และโบสถ์ ที่บางครั้งเรียกว่า ทรงลังกา
ศาลหลักเมือง อยู่ติดคูน้ำ ด้านเหนือของวัดมหาธาตุ
วัดชนะสงคราม วัดตระพังทอง วัดตระกวน ศาลตาผาแดง วัดสรศักดิ์ วัดซ่อนข้าว วัดและสถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนอยู่ในบริเวณกำแพงเมือง ชมจนจุใจแล้ว
ขับรถไปทาง จ.ตาก ออกนอกกำแพงเมืองไปนิดเดียวก็เลี้ยวขวาไป ๖๐๐ เมตร ตามป้ายไป ไปยังวัดศรีชุม เพื่อไปชมวัดและไหว้พระอจนะ ความหมายคือผู้ไม่หวั่นไหว ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๑๑.๓ เมตร กำแพงที่ล้อมองค์พระหรือผนังของมณฑปสูง ๑๕ เมตร มีทางเดินภายในให้ขึ้นไปหลังพระพุทธรูปได้ เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยกยทัพมาเพื่อจะไปตีสวรรคโลกมาประชุมทัพอยู่ที่บริเวณวัดนี้ และตำนานกล่าวว่าจะมีผู้เข้าไปหลังองค์พระ และเปล่งเสียงออกมา (น่าจะเป็นคำประธานพร) ไม่เห็นตัวผู้พูด จนลือกันว่าพระพูดได้ ตอนผมไปครั้งแรกลูกน้องผมตะกายขึ้นไป เดี๋ยวนี้ปิดทางขึ้นแล้ว ไปวัดศรีชุมวิ่งต่อไปยังวัดอ้อมรอบ วัดเตาทุเรียง (ยังมีฐานเตาอยู่) และอีกหลายวัด วันราชการคนไทยเที่ยวน้อย แต่ฝรั่งหนุ่มสาวจะขี่จักรยานเที่ยวมากกว่าคนไทย
จบรายการชมเมืองเก่า ใกล้เที่ยงไปหาอาหารชิม ตอนมาจากกำแพงเพชร พอถึงสี่แยกคลองโพธิ์ ก็เลี้ยวซ้ายทางมาอุทยาน ฯ วิ่งมาประมาณ ๖.๒๐๐ กม. ทางซ้ายติดกับโรงแรมไพลิน คือร้านอาหารอร่อยที่พึ่งค้นพบในคราวนี้ ใหญ่โต กว้างขวาง ร้านนี้ยกป้ายคลีนฟู๊ด กูดเทสท์ อาหารสะอาด รสชาติอร่อยด้วย ได้รับรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ "เครื่อข่ายผู้นำอาชีพก้าวหน้า จ.สุโขทัย" ได้รับรางวัลเมนูชูสุขภาพ ของกรมอนามัย
สั่งขนมจีน คิดแต่ค่าขนมจีน จัดใส่จาน พร้อมซ้อนส้อม คลุมด้วยกระดาษแก้ว จัดขนมจีนไว้ ๕ จับ ๕ สี สวยน่ากิน ส่วนน้ำราดมี ๕ น้ำ สั่งขนมจีน ๒ จาน จัดน้ำราดมาให้ ๓ น้ำ จาก ๕ น้ำคือ แกงเขียวหวาน น้ำเงี้ยว น้ำยากะทิ และน้ำพริก ผมเลือกเอา ๓ น้ำคือ น้ำยาป่า น้ำยากะทิ และน้ำพริก อร่อยจริง ๆ อร่อยทุกน้ำ จะสั่งขนมจีนต่อเพื่อเอาอีก ๒ น้ำ ก็กลัวพุงจะรับไม่ไหว เพราะมาสุโขทัยยังไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยเลย จึงสั่งผัดไทยเส้นสุโขทัย ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ห้ามปรุงเด็ดขาด เว้นชอบมะนาวหรือเติมพริกป่น ส่วยผักของผัดไทยใส่จานเชิงมีกุยฉ่าย หัวปลี และถั่วงอกดิบ ผักสำหรับน้ำยามี หัวปลี ถั่วงอกดิบอวบขาว ผักกาดดองเปรี้ยวนิด ๆ เปรี้ยวชูรส มีแครอตหั่นฝอย และขาดไม่ได้คือใบแมงลัก ผักคู่กับบน้ำยา ที่ไม่ได้สั่งก็ส้มตำ อร่อยทกุอย่าง ไม่ต้องปรุงอะไรเลย แม้แต่มะนาวก็ไม่ได้บีบ เรียกว่าเขาปรุงมาอย่างไร ชิมรสนั้น
ของหวานลอดช่อง เผือก น้ำกะทิ สั่งมาผสมกันทั้งลอดช่องและเผือก
เสร็จแล้วออกไปซื้อของฝาก สินค้าโอท๊อป ที่เดี๋ยวนี้เรียกว่า สินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน ถั่วทอดถุงละ ๒๕ บาท ถั่วทอดศรีสำโรง ยกให้อร่อยที่สุดในประเทศไทย มาสุโขทัยต้องซื้ออย่าโดดข้ามไป ยังมีข้าวแต๋น ขนมเกลียว ทองม้วน สบู่สมุนไพร ยาหม่อง แป้ง และที่ไม่เคยเห็น อร่อยด้วยคือขนมหม้อแกง ทำใส่มาในกระทงทอง อันเล็ก ๆ พอคำ ขายเป็นแพค ราคา ๓๕ บาท อันน่ารัก น่ากิน
.........................................................
|
Update : 29/8/2554
|
|