หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    เที่ยวทั่วไทย-วัดไทยวัฒนาราม
    วัดไทยวัฒนาราม

                วัดไทยวัฒนาราม เป็นวัดที่อยู่ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีความเป็นมาดังนี้ .- เดิมชื่อ "วัดแม่ตาวเงี้ยว" เป็นวัดในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๐ โดยนายมุ้งชาวไทยใหญ่ที่อพยพเข้ามาอยู่ในแม่สอด เป็นผู้สร้าง ต่อมานายมุ้งได้เป็นหมื่นอาจคำแหงหาญ ปัจจุบันวัดไทยวัฒนาราม เป็นวัดในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท สังกัดกรมการศาสนา มีหลวงพ่อที่มีอายุมากถึง ๘๔ ปีแล้ว แต่ยังแข็งแรงเป็นเจ้าอาวาส เป็นชาวไทยใหญ่ และอยู่ที่วัดนี้มานานกว่า ๕๐ ปีแล้ว มีพระลูกวัดเป็นพระไทยใหญ่  และมอญประมาณ ๓๐ องค์ (๒๕๔๗) การเดินทางไปยังวัดไทยวัฒนาราม หากจะตรงไปวัดกันจริง ๆ รวมทั้งไปยังตลาดริมเมย ที่เป็นตลาดชายแดน ซึ่งหากข้ามสะพานไปก็จะเป็นฝั่งพม่าคือ เมียวดี สะพานนี้ไทยสร้าง บางทีก็ต้องปิดห้ามสัญจรสุดแต่ในของพม่า เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเมียวดี แม่น้ำนี้น้ำจะไหลทวนขึ้นเหนือถือว่าแปลก

                หากมาจากจังหวัดตาก มาตามถนนสาย ๑๐๕ ซึ่งจะไปยังแม่สอด ระยะทางจากปลายทางที่จะเลี้ยวเข้ามาก็ ๘๐ กม. จะถึงตัวอำเภอ ตอนที่แล้วผมได้บอกไว้แล้วว่าก่อนเข้าตัวอำเภอแม่สอดนั้นจะมาถึงวงเวียนก่อน แต่เข้า - ออก จากวงเวียนไม่ตรงกันข้าม เฉียง ๆ พิกลอยู่ ต้องนับทางเลี้ยวเอา คือสายแรกตรงมาจาก จ.ตาก พอเลี้ยวซ้ายก็จะถึงทางเข้าสายที่ ๒ ไป อ.พบพระ และ อ.อุ้มผาง  สายที่ ๓ คือ สายเข้าตัวอำเภอแม่สอด หากจะไปอำเภอก่อนก็ไปตามสายนี้และต่อไปยังริมเมย ไปวัดไทยวัฒนารามได้  สายที่ ๔ เมื่อเลี้ยวเข้าไปแล้วจะไปผ่านปั้มน้ำมัน ปตท.ที่มีคุณลักษณะที่ดีตามที่ผมอยากเห็นปั๊มน้ำมันเมืองไทยเป็นแบบนี้ บริการดี รับบัตรเครดิต มีของแถม สุขาสะอาดเป็นสากล มีของขายและมีอาหารดี ผ่านปั๊ม ปตท.ไปแล้วก็จะไปผ่านโรงแรมเซ็นทรัล แม่สอด เลยต่อไปอีกก็เป็นสามแยกที่เลี้ยวขวาจะไปยัง อ.แม่ระมาด, อ.ท่าสองยาง, สบเมย, แม่สะเรียง ไปได้จนถึงแม่ฮ่องสอน และตรงหัวมุมถนน ตรงจุดที่จะเลี้ยวขวานี้คือ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สร้างไว้งดงาม
                ตรงต่อไปอีกประมาณ ๖ กม.จะถึงแม่เมย ก่อนถึงริมเมยสัก ๖๐๐ เมตร (ถนนสี่เลน) ทางขวาคือทางเข้าวัดไทยวัฒนาราม และจะเป็นเส้นทางที่จะไปยังคอกช้างเผือก และพระธาตุหินกิ่ว ที่ดอยดินจี่ ได้ตรงข้ามทางเข้าคือฝั่งซ้ายที่วิ่งมา จะมีบ้านไม้หลังใหญ่ ยกก๋วยเตี๋ยวขึ้นไปบนชั้นบน เรียกว่า ก๋วยเตี๋ยวไทยใหญ่
                หากมาจากตลาดริมเมย กลับมาตลาดแม่สอด มาได้ประมาณ ๖๐๐ เมตร ก็เลี้ยวซ้ายเข้าทางไปวัด พอเลี้ยวเข้ามานิดเดียวก็เลี้ยวขวาแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าประตูวัดได้เลย
                เมื่อเข้าประตูวัดไปแล้วก็จะเห็นว่าตั้งแต่ประตูวัดเข้าไปเลยทีเดียวจะเห็นศิลปวัฒนธรรม ล้วนแต่ได้รับอิทธิพลจากพม่า (ไทยใหญ่) และแม้ว่าเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันจะอยู่วัดนี้มานาน และพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองในศิลปะของไทยใหญ่ แต่ศิลปะของสองชาตินี้ก็มีความใกล้เคียงกันมาก
                ทางซ้ายของประตูวัดคือกุฏิเจ้าอาวาส การเข้าชมวัดต้องเข้าไปบอกที่กุฏิเจ้าอาวาสเสียก่อน ไม่เช่นนั้นเข้าชมตามสถานที่สำคัญและนมัสการพระพุทธรูปสำคัญไม่ได้ เพราะปิดประตูใส่กุญแจหมด ผมไปที่วัดนี้หลายครั้ง ไปครั้งสุดท้าย มีนาคม ๒๕๔๗ มีโอกาสได้เข้าชมสถานที่ทุกแห่ง เพราะไม่ทราบมาก่อนว่าต้องไปบอกที่กุฏฺเจ้าอาวาส ผมเองก็นึกว่าคงได้ชมแต่ข้างนอกเช่นเดิม ปรากฎว่าคราวนี้มีมัคทายกของวัดเป็นชาวไทย แต่อยู่เมืองไทยมานานเต็มทีจนกลายเป็นไทยไปร่วม ๘๐ % แล้ว แต่ลูกเต้าของเขาเกิดในไทยจึงเป็นคนไทยหมดแล้ว เขาเดินเข้ามาหาผมเอง ถามว่าจะเข้าชมในศาสนสถานทุกแห่งหรือไม่ เขาจะเปิดให้เข้าชม บอกว่าแถวนี้ขโมยชุมมากเลยต้องปิดตายกันอย่างนี้ ใครมาชมวัดอยากชมข้างในต้องไปที่กุฎิเจ้าอาวาส จะมีเจ้าหน้าที่หรือพระเณรมาเปิดให้ชมทุกแห่ง

                ตรงหน้าคือ ศาลาการเปรียญหลังใหญ่มาก ปิดประตูใส่กุญแจเช่นกัน สร้างสองชั้น เข้าไปแล้ว ชั้นล่างมีพระพุทธรูปหินอ่อนสีขาว "พุทธมหามุนี" จำลองมาจากมัณฑะเลย์ องค์ใหญ่ผมเคยไปนมัสการที่มัณฑเลย์ เมียนม่า องค์นี้สร้างพร้อมกับวัดแกะสลักงดงามมากเช่นกัน
                ส่วนชั้นบนของศาลาการเปรียญ มีพระพุทธรูปหยกองค์เล็กอีกองค์หนึ่ง มีตู้พระธรรมปิฏก ปิดทองงดงาม จำนวน ๖ ตู้ ธรรมาสน์ทอง ๒ ธรรมาสน์ มีพระพุทธรูปองค์เล็กตามเสาอีก ๖ องค์ เป็นพระแบบไทยใหญ่ทั้งสิ้น ผมไปชมศาสนสถานแห่งอื่นก่อนจึงมาชมที่ศาลาการเปรียญ มรรคายกจึงไปบอกท่านเจ้าอาวาส บอกว่าผมจะไปนมัสการท่าน แต่ท่านเจ้าอาวาสอายุ ๘๔ ปี ให้พระลูกวัดและเณรอีกองค์หนึ่งช่วยพยุงเดินมาที่ศาลาการเปรียญ ระยะทางประมาณ ๕๐ เมตร ท่านมาพรมน้ำมนต์ให้ ก็เลยได้ถวายปัจจัยกับท่านเจ้าอาวาส แต่หากไม่ได้พบเจ้าอาวาสจะทำบุญก็หยอดลงในตู้ได้ และในศาลาการเปรียญแห่งนี้ยังเป็นที่เก็บปี่พาทย์ทั้งวงเอาไว้ด้วย ไม่ทราบว่าปี่พาทย์มอญหรือเปล่า ไม่ได้ซักถามดู
                พระเจดีย์โกนวิน  เป็นเจดีย์มอญทรงเครื่องงามฉัตร มีระฆังรอบฉัตรและเสาหงส์
                พระพุทธมหามุนี  อยู่ในวิหารพระมหามุนี เป็นพระพุทธรูปหินอ่อน สร้างจากมัณฑเลย์ มีอายุน้อยกว่าองค์ที่วิหารวัดดอนแก้ว อ.แม่ระมาด
                ฝั่งตรงข้ามกับพระพุทธมหามุนี คือ วิหารพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ จำลองมาจากมัณฑเลย์ งดงามมากเช่นเดียวกัน พระพุทธรูปองค์นี้สร้างที่มัณฑเลย์ แล้วนำมาประกอบที่วัดนี้ พระพุทธรูปองค์นี้ปางมารวิชัย สูง ๗ ศอก กว้าง ๗ ศอก
                พระพุทธไสยาสน์  อยู่ด้านหลังของศาลาการเปรียญ ยาว ๖๓ เมตร ติดกับวิหารพระนอน มีศาลาราย มีพระพุทธรูปและจิตรกรรมฝาผนัง
                ศาลาพระพุทธประวัติ  ศาลานี้ก็ปิดใส่กุญแจเช่นกัน แต่มีคนพาชม วันนี้เลยได้ชม มีกลไกลเปิดให้เคลื่อนไหวได้ เมื่อเปิดจะมีเสียงเพลง มีพระพุทธเจ้าและเทวดาตามเสด็จ เสด็จออกมาเพื่อรับบาตร ถือว่าเป็นการรับบาตรในวันออกพรรษาคือ ตักบาตรเทโว พระพุทธเจ้าเสด็จกลับมาจากไปโปรดพุทธมารดา ที่สวรรค์ดาวดึงส์ ส่วนตอนหน้าของพื้นเวทีนั้นเป็นแผ่นที่ขนาดใหญ่ แสดงถึงประเทศในแถบนี้ที่นับถือพระพุทธศาสนา เรียกว่าสร้างไว้น่าชมทีเดียว ดนตรีที่บรรเลงเมื่อกดสวิชท์นั้นเป็นเพลงไทยใหญ่ พอเพลงบรรเลงหุ่นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จนำเทวดา ๔ องค์ อุ้มบาตรออกมา
                พระธาตุหินกิ๋ว ดอยดินกี่  หากไปวัดไทยวัฒนารามแล้วมีเวลาพอและมีกำลังมากพอด้วย ให้เลยเข้าไปยังวัดพระธาตุหินกิ่วและไปคอกช้าง เส้นทางคือทางเดียวกับจะเข้าวัดไทยวัฒนาราม แต่ไม่เลี้ยวขวาเข้าวัด ตรงต่อไปเรื่อย ๆ ป้ายนำทางออกจะหายาก ผมเคยเขียนต่อว่าเอาไว้เมื่อหลายปีมาแล้ว ไปคราวนี้ไม่ได้เลยเข้าไปจนถึงพระธาตุ เพราะกลัวไม่มีกำลังพอที่จะไต่ขึ้นไปได้ ไปไม่ถูกถามชาวบ้านเขาได้ รวมทั้งไป "คอกช้าง" ด้วย เมื่อไปถึงจะพบว่าวัดนี้เป็นเพียงวัดเล็ก ๆ มีศาลาที่ผมตั้งชื่อให้ว่าศาลาเอนกประสงค์คือ เป็นทุกอย่างที่วัดต้องการเช่น เป็นโบสถ์ เป็นศาลาการเปรียญ ศาลานี้ตั้งอยู่เชิงดอยที่จะขึ้นบันไดไปอีก ๔๑๓ ขั้น จึงจะถึงพระธาตุ เป็นพระธาตุเล็ก ๆ แต่สร้างอยู่บนก้อนหินที่ยื่นออกมา น่ากลัวหล่น เป็นพระธาตุเจดีย์ทรงมอญ วัดพระธาตุอยู่ห่างจากถนนใหญ่ ประมาณ ๑๐ กม. จะผ่านด่าน ตชด. หากยังตั้งอยู่ลองถามเส้นทางดู
                ตลาดริมเมย  หากมาจากแม่สอด ยังไม่เลี้ยวเข้าไปยังวัดไทยวัฒนาราม ตรงต่อไปอีก ๖๐๐ เมตร ก็จะถึงริมเมย หรือริมฝั่งแม่น้ำเมียวดี ฝั่งตรงข้ามคือฝั่งพม่า ที่มีสะพานข้ามไปได้ แต่ผมว่าไม่จำเป็นจริง ๆ หรืออยากไปเที่ยวต่างประเทศ (ได้ชื่อว่าไป) อย่าข้ามไปดีกว่า สินค้าบริโภคทั้งหลายมาจากฝั่งไทย สินค้าของใช้ เครื่องแกะสลัก ซื้อจากฝั่งไทยได้ราคาพอ ๆ กัน แถมจะถูกกว่าด้วยซ้ำไป และจะซื้อเท่าไรก็ได้ ไม่มีปัญหาตอนข้ามแดน เพราะเราซื้อในฝั่งไทย เดี๋ยวนี้ตลาดริมเมยพัฒนาไปมาก หากวิ่งมาถึงเชิงสะพานแล้วเข้าถนนคู่กับสะพาน พอถึงริมฝั่งให้เลี้ยวซ้ายก็จะมีร้านค้าริมเมย หรือเลี้ยวขวาลอดใต้สะพานมาแล้วเลี้ยวขวากลับมา พอถึงตรงร้านอาหารกระเพาะปลา (เดี๋ยวนี้ขายแพงมากไป) ให้เลี้ยวซ้ายตรงไป เลี้ยวซ้ายอีกทีจะมีลานจอดรถกว้างขวาง ทีนี้ก็เดินขึ้นไปบนตลาดริมเมยที่สร้างไว้กว้างขวาง สะดวกสบาย มีร้านค้านับร้อย สารพัดสินค้าที่เอามาขาย ส่วนมากจะเป็นสินค้าที่ข้ามฟากมาและมาจากจีนเป็นส่วนใหญ่ แต่ที่น่าซื้ออีกอย่างคือพวก รูปภาพ ไม่ทราบว่าไปเอารูปของพระราชวงศ์มาจากไหน สวย ๆ และหายากทั้งสิ้น ใส่ไว้ในกรอบไม้สักแกะสลักงดงามราคาถูกมาก ภาพใหญ่ ๆ ราคาประมาณ ๓๐๐ - ๔๐๐ บาท ภาพเล็กก็ประมาณ ๒๐๐ บาท และที่ชอบใจคือนาฬิกาที่อยู่ในเรือนไม้สักแกะสลัก ราคาประมาณ ๔๐๐ บาทเท่านั้นเอง เครื่องสำอาง ขนมหวาน เสื้อผ้า มีขายหมด หากชอบใจผิวพม่าที่เขาบอกว่าสวยนัก "ผิวพม่านัยน์ตาแขก" จะลองซื้อแป้งเครื่องสำอางค์ของพม่ามาใช้ดูบ้างก็ได้ แต่ผมไม้รับรองผลว่าออกมาแล้วหน้าตาจะเป็นอย่างไร งามอย่างสาวพม่าหรือจะหน้าปุปะไปเลยก็ไม่ทราบ แต่ที่แน่ ๆ คือราคาถูก สาวพม่าจะทาหน้าเรียกว่า แต้มหน้ากันแทบทั้งวัน เลยหมดสวย
                เข้ามาในตัวอำเภอแม่สอด มีวัดที่น่าสนใจควรแก่การไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดอย่างยิ่งคือ .-
                วัดมณีไพรสณฑ์  ไปชมเจดีย์ทรงพม่า เจดีย์วิหารสัมหพุทเธ สร้างไว้งดงามมาก บนองค์เจดีย์ใหญ่สร้างเจดีย์องค์เล็ก ๆ ล้อมอยู่ถึง ๒๓๓ องค์ และมีพระพุทธรูปบรรจุอยู่ตามช่องของเจดีย์มากถึง ๕๑๒,๐๒๘ องค์ ผมไม่มีปัญญาไปนับทบทวนดูว่ามากเท่านี้จริงหรือไม่ เชื่อตามที่เขาบอก และด้านข้างของเจดีย์องค์นี้มีศาลาที่ประดิษฐานพระเกจิอาจารย์สำคัญ ๆ ไว้หลายองค์ แต่ที่น่าเสียดายคือทางวัดไปต่อศาลาด้านหน้าของเจดีย์ออกมา เท่ากับไปทำลายความเด่นเป็นสง่าของเจดีย์ และเจดีย์องค์นี้ตั้งอยู่ริมถนนในตัวแม่สอด ข้างถนนก็วางสายไฟ สายโทรศัพท์ไว้เต็มไปหมด ทำลายความงดงามของเจดีย์ลงอีก น่าจะแก้ไข และในปี ๒๕๔๖ - ๔๗ ที่ผมไปติดต่อกัน ๒ ปี วัดนี้เป็นวัดที่เจ้าคณะจังหวัดตากท่านอยู่ที่วัดนี้
                วัดชุมพลคีรี  เป็นวัดในตัวอำเภอแม่สอดเช่นกัน ถนนในตัวอำเภอนั้นส่วนมากรถวิ่งทางเดียวเส้นทางจะบังคับ หากวิ่งไปตามเส้นทางนี้จนสุดทางวนกลับมาอีกสายหนึ่ง วนไปวนมาเดี๋ยวก็หาครบหมด เว้นจะออกไปริมเมยก็ขับผ่านตลาดแล้วตรงลิ่วไปเลยก็ไปชนริมเมยหรือแม่น้ำเมียวดีเอง
                วัดชุมพลคีรี อยู่เยื้องธนาคารนครหลวงไทย มีเจดีย์จำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวดากองของพม่า รอบเจดีย์รายรอบด้วยเจดีย์บริวารอีก ๒๐ องค์
                พระประธาน  ที่ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถ จำลองมาจากพระพุทธชินราช แต่ย่อส่วนลงมา
                กลองโบราณ  อายุมากกว่า ๒๐๐ ปี แต่เอาไปเก็บไว้ในศาลาโรงครัว อยากชมต้องถามทางวัดว่าอยู่ที่ไหน

                ก๋วยเตี๋ยวพื้นเมืองตาก ในจังหวัดตากมีเพียง ๒ ร้าน อยู่ในอำเภอเมืองหนึ่งร้าน หากมาจากกำแพงเพชรวิ่งมาจนถึงสี่แยกไฟสัญญาณ (เลี้ยวขวาไปสุโขทัย) ให้เลี้ยวซ้ายวิ่งมาแล้วเลี้ยวขวาผ่านศาลพระเจ้าตากสินมหาราช แล้วไปตามถนนที่โค้งไปตามลำน้ำแม่ปิง ผ่านวัดปทุมคีรี วัดดอยคีรี ไปจนพบบ้านสวยสร้างด้วยไม้ทางซ้าย เยื้องกันคือบ้านทนายความ ติดกันคือก๋วยเตี๋ยว ก๋วยเตี๋ยวพื้นบ้านตากจะใช้เส้นเล็กปรุงด้วยกุ้งแห้งป่น มีแคบหมูชิ้นเล็ก ๆ หอม กระเทียมเจียว หมูบ่ะช่อ ถั่วฝักยาวหั่นเฉียง ปรุงด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย มะนาว มีทั้งแห้งและน้ำ (ต้มยำปรุงเด็ดนัก) และยังมีชามใส่ถั่วงอกดิบกับมะนาวฝานมาวางไว้ให้ จะสั่งโอเลี้ยงมาซดก็ชื่นใจดี
                ส่วนในตัวอำเภอแม่สอด  หากวิ่งผ่านหน้าตลาดสดไปแล้วคอยดูทางซ้ายเอาไว้  อย่าลีมซื้อขนมหวาน และน้ำพริกติดไม้ติดมือไปด้วย อร่อยทั้งขนมหวานและน้ำพริก ร้านเล็ก ๆ ห้องเดียว
                ยังมีอาหารอร่อยแปลกของแม่สอดอีก เช่น .-
                โรตีปะโอ่ง  หากมาตามถนนที่บังคับให้มา ตรงเรื่อยมาถูกบังคับให้เลี้ยวแล้วจะมาตามถนนที่จะมาตลาดเทศบาล พอถึงสี่แยกไฟสัญญาณ หากเลี้ยวซ้ายย่านนี้ทั้งย่าน จะเป็นย่านของอาหารอิสลาม มีขายกันตั้งแต่เช้าไปเลยเช่น ข้าวหมกไก่, หมกแพะ ข้าวแกงอิสลาม มะตะบะ ส่วนโรตีปะโอ่ง ที่ผมตั้งชื่อให้นั้นเข้าถนนสายนี้ไปแล้ว ร้านจะอยู่ทางซ้ายมมือ ร้านสองห้องเล็ก ๆ ชั้นเดียว ตรงข้ามกับสำนักงานปศุสัตว์ อำเภอแม่สอด มุมซ้ายมีโอ่งล้อมด้วยซีเมนต์ ก้นโอ่งมีถ่านติดไฟ มีโต๊ะวางแป้งโรตี คนปิ้งบจะเอาแป้งวางประกบกับลูกประคบแล้วเอาไปปะในโอ่งที่กำลังร้อนจัด สักครู่ก็จะสุก เอาคีมหยิบมาเสริฟให้ลูกค้าทันที ลูกค้าต้องกินตอนร้อน ๆ เช่นกัน โดยเราจะสั่งเครื่องดื่มชาร้อนที่หมอกกรุ่นหรือกาแฟร้อนเอามารอไว้ สั่งนมข้นหวานเอามาจิ้มเพราะเป็นโรตีเปล่า ๆ ไม่ได้ราดนมมา หรือจะแวะซื้อแกงจากร้านข้าวแกงอิสลามที่เราผ่านมา แล้วมาขอชามเขาใส่ แล้วเอาโรตีจิ้มแกงวิเศษนัก เช่น แกงกะหรี่ เป็นต้น แต่ไปสายอด ขาย ๐๕.๐๐ - ๐๘.๐๐ ก็ปิดร้านแล้ว
                ยังมีอีกขนมพม่าหรือจะไทยใหญ่ก็ไม่ทราบ เพราะที่ตลาดจังหวัดแม่ฮ่องสอนก็มี อร่อยเช่นกันคือขนมเส่งเผ่ ทำด้วขข้าวเหนียว ส่วนขนมอาละหว่านั้นทำด้วยข้าวเจ้า ผมว่าเส่งเผ่จะอร่อยกว่าต้องไปซื้อในตลาดสดเทศบาล ต้องไปตอนเช้า ๆ ก่อน ๐๘.๐๐ ได้ยิ่งดี เข้าไปแล้วอยู่ในซอยทางซ้าย เห็นมีอยู่เจ้าเดียว หาไม่เจอลองถามแม่ค้าในตลาดดูว่า เจ้าไหนขายขนมเส่งเผ่ และอาละหว่า และยังมีข้าวเหนียวงาดำอีกอย่างน่าชิม
                ข้าวหมกไก่อยู่หน้าตลาดสดและเห็นมี ๓ ร้าน คนละชื่อแต่ขายคล้าย ๆ กันคือข้าวหมกไก่ หมูกรอบ หมูแดง และข้าวหมูย่าง ๓ ร้านนี้ไม่ใช่อาหารอิสลามแน่นอน
                กะบองจ่อหรือกะปองจ่อ อยู่ติดกับร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋น ออกขายประมาณ ๑๖.๐๐ ขายพักเดียวก็หมด ตั้งกะทะทอดอยู่หน้าบ้าน มีโต๊ะนั่ง ๒ - ๓ ตัว เก้าอี้ ๓ - ๔ ตัว ชาวบ้านเขามารอซื้อกันเลย แต่เขาซื้อกลับไป "จ่อ" แปลว่าทอด กะบองคือผัก ได้แก่ ฟักทอง น้ำเต้า มะละกอ ถั่วงอก ผสมแป้งแล้วลงทอดในกะทะใหญ่ มีน้ำจิ้มที่เปรี้ยวด้วยมะขามเปียก หวานด้วยน้ำตาลอ้อย มันด้วยถั่วลิสงตำ เผ็ดด้วยพริกป่น ต้องยอมนั่งกินที่ร้านของเขาจึงจะอร่อยถึงใจ ผมไล่ตามชิมกะบองจ่อมาจะทั่วภาคเหนือแล้ว ต้องรับรองว่าไม่เคยเจอเจ้าไหนอร่อยเท่ากะบองจ่อ อ.แม่สอด เลย
                ขอพากลับมากินอาหารกรุงเทพ ฯ .-
                ใครอยากชิมอาหารฝรั่งรสสดี ราคาถูก ร้านนี้ก็มีเช่น สั่งซุปถ้วยละ ๔๘ บาท สเต็กจานละ ๑๑๐ บาท มีดนตรีให้ฟัง นักร้องเพลงไพเราะ ดนตรีไม่หนวกหู
                อาหารจานเดียวของเขาก็มี เหมาะไปกินรอบดึกเช่น ก๋วยจั๊บเซี่ยงไฮ้ ข้าวอบหม้อดินทรงเครื่อง เป็นต้น อาหารทะเลสด ๆ ใส่กะบะแช่น้ำแข็งวางไว้ตั้งแต่ปากทางเข้า
                อาหารเกาหลีของเขาก็มีเช่น บาร์บีคิว จานร้อนหรือใครจะล่องเรือ กินอาหารก็ติดต่อได้
                กุ้งยำตะไคร้ กุ้งเผาแล้วเอาต้นตะไคร้เสียบ ราดด้วยน้ำยำรสจัด โรยใบสะระแหน่
                ปลาช่อนกระบอก ปลาช่อนเผาแล้วลอกเอาหนังออกเห็นเนื้อขาวจั๊วะน่ากินนัก วางบนกระบอกไม้ไผ่ ที่มีขาวางรองและมีผักต้ม เช่น บวย ผักกาดเขียว น้ำจิ้มมีแบบพริกหนุ่ม และน้ำจิ้มซีฟู๊ด
                ปูเนื้อผัดพริกไทยดำ จานนี้ไม่ควรโดดข้ามไป ราคาตามน้ำหนัก ไม่แพง
                ปิดท้ายด้วยข้าวอบสับปะรด เสริฟมาในลูกสับปะรด โรยเสียด้วยน้ำปลาพริก
                ของหวาน โอนีแป๊ะก๊วยและบัวลอยเผือกหรือชอบไอศกรีมของเขาก็มี "เรนโบว์ พาร์เฟ่ห์"

    ...............................................................


    • Update : 28/8/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch