หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    เที่ยวทั่วไทย-วัดเกริ่นกฐิน

    วัดเกริ่นกฐิน

                ไปนมัสการ หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน  จากบ้านหมี่อีก ๑๕ กม. ก็จะถึงพิพิธภัณฑ์จันเสน ขอแนะนำเสียเลยว่า ควรหาโอกาสไปชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เพราะเมืองโบราณจันเสน ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลจันเสน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ นั้น เป็นเมืองโบราณเก่าแก่ ที่ไม่เหลือซากเมืองไว้ให้ชมแล้ว จะชมโบราณวัตถุได้ก็ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เท่านั้น เมืองโบราณจันเสน สันนิษฐานว่า อยู่ในสมัยทวารวดีนานกว่าหนึ่งพันปีมาแล้ว สมัยเดียวกับเมืองโบราณดงละคร ที่ จ.นครนายก และเมืองโบราณศรีมโหสถ ที่ จ.ปราจีนบุรี เมืองโบราณจันเสนนั้น ได้ขุดค้นพบโบราณวัตถุหลายอย่าง ซึ่งได้นำไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์จันเสน ที่ทางวัดจันเสน ได้จัดสร้างขึ้นไว้อย่างดีเยี่ยม เส้นทาง หากออกจากบ้านหมี่ ให้เลี้ยวซ้ายวิ่งเลียบคลองชลประทาน เรื่อยไปตามถนนสาย ๓๑๙๖ ระยะทางประมาณ ๑๕ กม. จะพบป้ายให้เลี้ยวซ้ายไปยังวัดจันเสน แต่จะเปิดให้เข้าชมได้เฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์ หากไปชมวันอื่น ติดต่อเข้าชมจากทางวัดได้ โทร ๐๕๖ ๓๓๙ ๑๑๖ และหากไปกันเป็นหมู่คณะ เมื่อติดต่อไปล่วงหน้า จะมีนักศึกษามานำชม และบรรยายให้ฟังด้วย
                ผมจะพาไปนมัสการหลวงพ่อเพี้ยน หรือน่าจะเรียกว่า หลวงปู่เพี้ยน ได้แล้ว เพราะอายุของท่าน ในปี ๒๕๕๑ นี้ ๘๑ พรรษา หลวงพ่อเพี้ยน เจ้าอาวาสวัดเกริ่นกฐิน ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้รับการยกย่องว่า ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ติดอันดับ ๑ ใน ๑๐ ของประเทศไทย และยิ่งหากได้อ่านประวัติของท่าน ยิ่งน่าเลื่อมใส  เส้นทาง ไปได้หลายเส้นทาง
               เส้นทางที่ ๑  ผมไปจากกรุงเทพ ฯ แยกซ้ายเข้าถนนเอเชีย หรือสาย ๓๒ พอเลยอยุธยาก็เลี้ยวขวาเข้าตัวอำเภอบางปะหัน เลี้ยวแล้ววิ่งไปจนข้ามสะพานข้ามคลอง ไปจนชนกับถนนเลียบคลองชลประทาน ฯ สาย ๓๔๗ ลพบุรี - บางปะหัน ก็เลี้ยวซ้ายวิ่งเลียบคันคลองเรื่อยไป จะผ่านวัดตาลเอน หากจะชมค้าวคาวแม่ไก่นับพันตัว ก็เลี้ยวขวาเข้าไปตามป้าย ต่อไปผ่านสี่แยกเจ้าปลุก มีร้านอาหารอร่อย ๆ อยู่หลายร้านเหมือนกัน เลยสี่แยกเจ้าปลุก วิ่งเลียบคันคลองต่อไป จะมาผ่าน วัดยาง ณ รังสี วัดนี้จัดแสดงพิพิธภัณฑ์เรือพื้นบ้าน จัดแสดงไว้บนศาลาการเปรียญเก่าแก่ ริมแม่น้ำ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม ที่ได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น มาแล้วเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๖
                จากวัดยาง เลียบคันคลองต่อไป จนมาผ่านทางแยกซ้ายเข้าวงเวียนสระแก้ว ลพบุรี (จะเลี้ยวซ้ายตรงนี้ก็ได้) คงเลียบคันคลองเรื่อยไป อีกประมาณ ๑๕ กม. ก็จะถึงสี่แยกโคกกะเทียม ที่เลี้ยวซ้ายก็จะไปยังสถานีรถไฟโคกกะเทียมที่เก่าแก่ นานกว่า ๖๐ ปีแล้ว เลี้ยวขวาก็จะมาเชื่อมกับถนนพหลโยธิน ให้ตรงต่อไป ตามถนนสาย ๓๑๙๖ เลียบคันคลองไปจนถึง กม.๔๖.๖๐๐ ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปตามถนนสาย ๔๐๓๗ ประมาณ ๙ กม. วัดเกริ่นกฐิน จะอยู่ทางขวามือ สวยงามมาก
               เส้นทางที่ ๒  ไปตามถนนเอเชีย  จนถึงทางแยกเข้าสิงห์บุรี ก็เลี้ยวซ้ายข้ามถนนมายังถนนสายไปลพบุรี วิ่งมาตามถนน ๓๑๑ หน่อยเดียว จะถึงสามแยกบางงา เลี้ยวซ้ายเข้าถนน ๓๐๒๘ วิ่งมาประมาณ ๕ กม. จะถึงวัดสำคัญคือ วัดไลย์ ซึ่งหากเข้าไปในวัดนี้ จะได้นมัสการพระศรีอารย์ และชมลายปูนปั้น ตอนเสด็จจากดาวดึงส์ และมีวิหารเก่าให้ชม เลยวัดไลย์ มาแล้วจะมีทางแยกวิ่งไปจนชนคลองชลประทาน เลี้ยวซ้ายวิ่งต่อไป วัดเกริ่นกฐิน อยู่ทางซ้ายมือ มองเห็นเด่นชัดตั้งแต่ไกล ๆ
               เส้นทางที่ ๓  กรุงเทพ - ลพบุร  ผ่านพระพุทธบาทสระบุรี พอถึงวงเวียนสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประมาณ กม.๑๕๔ เลี้ยวขวาไปตามป้ายที่บอกว่า ไปโคกสำโรง ผ่านสี่แยกโรงพยาบาลอนันทมหิดล ผ่านศูนย์การทหารปืนใหญ่ พอถึงสามแยกประมาณ กม.๑๖๖ ให้ตรงไปแล้วข้ามสะพานข้ามคลองชลประทาน เลี้ยวขวาไปตามถนนเลียบคลองชลประทานสาย ๓๑๙๖ จนถึง กม.๔๖.๖๐๐ ก็เลี้ยวซ้ายซ้ำกับเส้นทาง ๑
                เมื่อเลี้ยวเข้าประตูวัด ทางซ้ายมือคือ โรงเรียนวัดเกริ่นกฐิน  สร้างใหญ่โตพอสมควร เมื่อเข้าประตูวัดไปแล้ว หากมองทางขวามือ จะเห็นพระบรมธาตุเจดีย์ (ยังไม่ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่สมเด็จพระสังฆราชประทานมาให้) สร้างเสร็จแล้วงดงาม ยังอยู่ในระหว่างการตกแต่งภายใน และภายนอกบางส่วน ด้านหลังเป็นสระน้ำใหญ่ เป็นวังมัจฉา มีปลาแยะ และที่ศาลามีอาหารปลาขาย มีศาลาน้อยริมน้ำหลายหลัง
                หากเข้าประตูแล้ว มองไปทางด้านซ้ายไกลออกไปสัก ๓๐๐ เมตร จะเห็นที่กำลังก่อสร้างคือ ฐานประดิษฐานพระพุทธรูป ปางถวายเนตรสูง ๒๙ ศอก พระพุทธรูปปางนี้ เป็นพระประจำวันของคนเกิดวันอาทิตย์ ติดกันคือ ศาลากลางสระน้ำ ส่วนอุโบสถอยู่ทางขวาของพระเจดีย์ ตรงประตูเข้าไปมีลานจอดรถ มีศาลาเสริมบารมี หลวงพ่อปาน (อาจารย์ของหลวงพ่อเพี้ยน คนละองค์กับวัดบางนมโค อ.เสนา อยุธยา)  ภายในศาลานี้ ทางขวาคือ ที่รับแขกของหลวงพ่อเพี้ยน และนอกศาลาติดกับด้านข้างคือ ที่นั่งรดน้ำมนต์ ซึ่งหลวงพ่อจะรดน้ำมนต์ให้ในวันพุธ "รดให้วันเดียว" โดยจะรดทีละ ๕ คน หากมากันน้อยคน คนเดียวก็รดให้ วันอื่นไม่รับแขกเพราะจะติดนิมนต์ตลอด ตรงกลางศาลานี้ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ รอการนำไปบรรจุในพระเจดีย์ ที่กำลังตกแต่ง
                ประวัติหลวงพ่อเพี้ยน ท่านอุปสมบทเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๕ เมื่ออายุได้ ๕๐ ปี แล้ว แต่มีความรู้ทางวิชาอาคมต่าง ๆ จากบิดา ซึ่งมีเชื้อสายชาวเขมร และจาก "หลวงพ่อปาน อดีตเจ้าอาวาสวัดเกริ่นกฐิน" และปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมต่าง ๆ ด้วยตนเอง และเริ่มสร้างวัตถุมงคล มีพุทธคุณในทางเมตตามหานิยม และค้าขายคล่อง
                ผมไปโดยที่ไม่ทราบว่า ท่านออกรับแขกเฉพาะวันพุธ เผอิญไปวันพุธพอดี ตรงกับวันที่ท่านออกรับแขก พอท่านฉันเพลแล้ว ท่านก็ออกรับแขกรอบเที่ยง ไปจนยันบ่าย พอแขกตรงหน้าท่านน้อย ท่านก็เดินออกไปรดน้ำมนต์ ให้กับผู้ที่นั่งคอยอยู่ ผมไม่ได้รดน้ำมนต์ ไม่ได้เตรียมตัวไป เลยเข้าไปให้ท่านพรมน้ำมนต์ให้ หลวงพ่อเพี้ยนในวัย ๘๑ ปี ร่างเล็ก เดินว่องไว บอกว่าออกกำลังด้วยการเดินทุกเช้า และตอนเย็นอีกรอบหนึ่ง แต่ไม่ได้ออกบิณฑบาตแล้ว เพราะสังขารไม่ให้ ตีห้าครึ่ง ตื่นเดินออกกำลังกาย ตรวจวัดไปด้วย แล้วกลับมาอาบน้ำชำระร่างกาย แล้วออกมานั่งรับลูกศิษย์ ที่ไปหาจนได้เวลาฉันเช้า ก็ไปฉันภัตตาหาร พอฉันเสร็จพักสักระยะหนึ่ง ก็ออกมานั่งรับแขกที่เก้าอี้ในศาลาเสริมบารมี ได้เวลาฉันเพลก็ไปฉัน หรือไปตามที่รับกิจนิมนต์ไว้ ตอนค่ำ เข้ากุฏิจำวัด และจะปลุกเสกวัตถุมงคลทุกวัน ในช่วงเช้าก่อนออกจากกุฏิ  ท่านเรียบร้อย นิ่ง ไม่พูดจากอะไรน่านับถือ
                จากวัดเกริ่นกฐิน ก็กลับออกมายังถนนสาย ๓๑๙๖ ที่เลียบคลองชลประทาน มุ่งหน้าไปทาง อ.บ้านหมี่ ไปจนถึงหลัก กม.๔๓ เลี้ยวซ้ายเข้าปั๊ม ปตท. ร้านอาหาร จะอยู่ทางซ้ายมือ ติดกับร้านสะดวกซื้อ

                ไปกันหลายคน สั่งอาหารมาชิมได้หลายอย่างคือ
                ปีกไก่ยัดไส้ รายการนี้ทำยาก ยัดไส้ในปีกไก่ ต้องเลาะเอากระดูกออกก่อน แล้วจึงยัดไส้ด้วยวุ้นเส้นกับหมูสับ แล้วคงจะเอาไปนึ่งให้พอสุกก่อน จึงมาชุบแป้งทอด ได้ปีกไก่เมืองยักษ์ มาปีกบ้อเริ่ม มีน้ำจิ้มออกรสหวานให้จิ้ม กรอบนอก นุ่มใน จานนี้ต้องสั่ง
                เมี่ยงปลาช่อน เป็นอีกจานหนึ่ง ที่อย่าโดดข้ามไป ใช้ปลาช่อนทั้งตัวทอดแล้วเลาะก้างออกหมด รองจานด้วยใบชะพลู โรยหน้าด้วยตะไคร้ ถั่วลิสง มะพร้าวคั่ว มะนาว หอมแดงซอย พริกขี้หนูซอย พริกแห้งทอด และกุ้งแห้งทอด น้ำยาขลุกขลิก จานนี้เคี้ยวสนุกนัก ออกรสหวาน หอมกลิ่นใบชะพลู เคี้ยวมันด้วยถั่ว ตะไคร้ มะพร้าวคั่ว
                ปลาช่อนแดดเดียว สั่งมาเอาไว้แกล้มกับ "ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน" หรือจะสั่งปลาบึก ผัดฉ่าก็อร่อย เผ็ดนิด ๆ แกล้มเสียด้วยปลาช่อนแดดเดียว ที่หั่นเอามาเป็นชิ้น
                สลัดกุ้ง ใช้กุ้งชุบแป้งทอด ผักสด น้ำสลัดสูตรของทางร้าน สลัดน้ำข้นรสเยี่ยม
                แกงส้มชะอมกุ้ง ๓ รส หวานนำ เปรี้ยวตาม ใช้กุ้งตัวโต ผ่าซีก กินสะดวก แต่หากไม่ชอบแกงส้ม ฯ ให้สั่ง แกงเลียง เอามาซดร้อน ๆ เด็ดนัก ผมมาชิมร้านนี้หลายครั้งแล้ว บางครั้งจะสั่งแกงเลียงมาซด ควบกับเมี่ยงปลาช่อน ตามด้วยฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน แต่วันนี้มากันหลายคน เลยสั่งจานเด็ดของทางร้านมาชิม อร่อยสมใจ ข้อสำคัญคือ ร้านนี้มีป้ายรับรอง คลีน ฟู๊ด กู๊ดเทสท์ และตรงตามสเปค หรือคุณลักษณะเฉพาะของผมคือ "อร่อย ราคาถูก บริการดี " ของหวานไม่มี สั่งไอศคริมจากร้านสะดวกซื้อ ที่อยู่ติดกันมาเป็นของหวาน

    .......................................................



    • Update : 27/8/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch