|
|
เหรียญกษาปณ์ไทย
เหรียญกษาปณ์ไทย
คอลัมน์ พันธุ์แท้พระเครื่อง
โดยราม วัชรประดิษฐ์
เงินตราของสยามประเทศแต่โบราณ ที่สืบทอดมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาจนถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์นั้น คือ "เงินพดด้วง" จนสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ในปี พ.ศ. 2378 มีพ่อค้าชาวอังกฤษชื่อ นายฮันเตอร์ (เราเรียกหันแตร) เข้ามาประเทศไทย และได้นำเหรียญแบนทำด้วยทองแดงมาเป็นตัวอย่าง พระองค์จึงทรงริเริ่มให้ผลิตเหรียญกษาปณ์ทองแดงขึ้นเป็นเงินตราบ้าง โดยมีราคาต่ำกว่าเฟื้อง และใช้แทนเบี้ยซึ่งลดความนิยมลงเรียกกันว่า "เงินแป" หรือ "อัฐทองแดง" แต่ต่อมาไม่โปรดให้ใช้ใน ท้องตลาด
จนเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จขึ้นครองราชย์ทรงมีนโยบายเปิดประเทศ มีพระราชประสงค์จะรื้อฟื้น "เงินแป" ขึ้นมาใช้เยี่ยงชาติตะวันตก เพราะมีความทนทานและเป็นที่ยอมรับ จึงทรงสั่งซื้อเครื่องจักรจากประเทศอังกฤษ และตั้งโรงกษาปณ์พระราชทานนามว่า "โรงกสาปน์สิทธิการ" ตั้งอยู่หน้าพระคลังมหาสมบัติ
จากนั้นโปรดให้ผลิตเหรียญแบนขึ้น เป็นเหรียญ ทอง เงิน ตรามงกุฎ และเหรียญเงินตรามงกุฎ พระเต้า และตราจักร เพื่อใช้แทนเงินพดด้วง เหรียญชนิดแรก ด้านหน้าเป็นตราพระมหาพิชัยมงกุฎขนาดด้วยลายช่อดอกไม้ ด้านหลังมีข้อความว่า "กรุงเทพฯ" ส่วน เหรียญชนิดที่สองด้านหน้าบนเป็นตราจักร ด้านซ้ายและด้านขวาเป็นตราพระเต้า ด้านล่างเป็นพระมหาพิชัยมงกุฎ
ในปี พ.ศ. 2405 โปรดให้ผลิตเหรียญดีบุกที่มีลักษณะกลมแบนเลียนแบบจีนและญวน เรียกว่า "กระแปะ" โดยนำดีบุกมาผสมกับทองแดง ทำให้แข็งกว่าดีบุกธรรมดา ด้านหนึ่งเป็นตราจักรมีรูปช้างอยู่กลาง มีอักษรไทยบอกราคาด้านบน มีตัวเลขและตัวอักษรโรมันบอกราคาอยู่สองฟากข้าง มีอักษรจีนบอกราคาอยู่ด้านล่าง อีกด้านหนึ่งเป็นตรามงกุฎ โดยนำมาใช้แทนเบี้ย
ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นยุคที่ประเทศไทยก้าวสู่ความเป็นอารยะ มีการผลิตเหรียญกษาปณ์และเหรียญที่ระลึกขึ้นมากมาย อาทิ เหรียญทองแดง จปร. เหรียญบาท เหรียญสลึง และเหรียญเฟื้อง, เหรียญทองแดงตราพระรูป (พระบรมรูปครึ่งพระองค์) ด้านหลังเป็นรูป พระสยามเทวาธิราช และเหรียญสตางค์ทองขาวหรือนิกเกิล ร.ศ.116 ด้านหน้าเป็นตราช้างไอราพต เป็นต้น
ปัจจุบันเหรียญกษาปณ์และเหรียญที่ระลึกเหล่านี้ ล้วนเป็นที่นิยมสะสม ด้วยคุณค่าแห่งความทรงจำในอดีตจนมาเป็น "เหรียญ" ที่เราใช้หากันอยู่ขณะนี้ครับผม
|
Update : 23/8/2554
|
|