หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    เที่ยวทั่วไทย-กินขันโตก

    กินขันโตก

                อาหารพื้นเมืองเชียงใหม่ จัดใส่โตกที่รูปร่างคล้ายๆตลุ่มของภาคกลาง ยกมาตั้งกลางวง โตกหนึ่งก็กินได้หลายคน อาหารหมดแล้วเติมได้ ผมไปกินขันโตกที่เป็นแหล่งต้นตำรับของเชียงใหม่ ซึ่งเมื่อก่อนนี้มีเพียงแห่งเดียว แต่เดี๋ยวนี้มีหลายแห่ง จัดตามโรงแรมใหญ่ๆก็มี ขันโตกที่ไปชิมคืนนี้ คือที่ ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ ถนนวัวลาย แหล่งร้านเครื่องเงินของเชียงใหม่ เมืองเชียงใหม่เวลานี้เจริญเหลือเกิน ถนนหนทางตัดเพิ่มขึ้นมากมายหลายสาย และถนนที่ออกนอกเมืองก็มักจะขยายเป็นถนนสี่เลน หรือมากกว่า บางสายพอมีสี่แยกก็ทำอุโมงค์ลอดไปเลย ไม่ต้องทำสะพาน ไม่ต้องเสียเวลาติดไฟแดง นำสมัยกว่ากรุงเทพฯด้วยซ้ำไป ไปเชียงใหม่คราวนี้ ไม่ได้เข้าตัวเมืองชั้นในเลย หมายถึงย่านชุมชนเก่าแก่ เช่น ย่านถนนท่าแพ ถนนช้างม่อย ไม่ได้แวะเวียนเข้าไป และพักที่ Green Lake Resort&Spa 053 112888 เป็นสถานพักฟื้นของกองทัพบก ตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่ขุดขึ้นในพื้นที่ของสนามยิงปืน จังหวัดทหารบกเชียงใหม่ ถ้าจะบอกเส้นทางไป คงจะบอกได้ดังนี้ เส้นทางที่จะไปห้วยแก้ว หรือจะไปขึ้นดอยสุเทพ พอวิ่งข้ามสะพานข้ามคลองชลประทาน ก็เลี้ยวขวาทันที วิ่งเลียบคลองไปประมาณ ๒ – ๓ กม.ไปทางสนามกิฬาเจ็ดร้อยปี พอมองเห็นทะเลสาบทางขวามือ ก็กลับรถมาเลี้ยวซ้ายเข้าโรงแรมที่พัก ที่จอดรถมาก สะดวก โรงแรมเป็นอาคาร ๓ ชั้น ดูเหมือนจะไม่มีลิฟท์ เพราะผมสมัคร์พักที่ชั้นล่างสุด สะดวกดี ห้องพักมีมากนับร้อยห้อง ราคาที่พักรวมอาหารเช้า ข้อดีสำหรับข้าราชการทหารคือ “ลดครึ่งราคา “วันที่ผมเข้าพักเขามีโปรโมชั่นพิเศษ ลดหนักเข้าไปอีกคือทหารเหลือคืนละ ๙๐๐ บาท ที่พักระดับนี้หากพักในตัวเมือง ไม่ต่ำกว่า ๓,๐๐๐ บาท ส่วนท่านที่ไม่ใช่ทหาร เป็นข้าราชการก็มีส่วนลด ราคาเต็มดูเหมือนห้องละ ๑,๖๐๐ บาท แต่ไม่ทราบว่าราคานี้จะยืนถึงเมื่อไร ห้องอาหาร ราคาไม่แพง อาหารเช้าฟรี อาหารค่ำก็อร่อย ราคาย่อมเยา แถมวิวสวย นั่งริมน้ำ ชมดาว ชมเดือน ไปด้วย พักที่นี่ไปไหนสะดวกมาก
               ทีนี้ไปกินขันโตก ออกจากโรงแรมเลียบคลองชลประทาน ไปจนถึงแยกซ้ายลงตลาดต้นพะยอม เลี้ยวซ้ายวิ่งไปจนสุดทางที่ประตูเมือง เลี้ยวขวา( แต่เลี้ยวไม่ได้ ต้องเลี้ยวซ้าย กลับรถมา ) ไปผ่านหน้าโรงเรียนสตรีวัฒโณทัยพายัพ ไปทางจะไปสนามบิน ผ่านสี่แยกตรงไปทางจะไปหางดง จะผ่านศูนย์วัฒนธรรม เชียงใหม่ ซึ่งมีลานจอดรถกว้างขวาง
               เดี๋ยวนี้ การแสดงแยกเป็น ๒ ที่ ด้านที่นั่งกินขันโตก มีการแสดงแบบหนึ่ง อิ่มแล้ว พอดีจบการแสดง ต้องเดินไปอีกลานหนึ่งไปชมการแสดงของชาวเขาเผ่าต่างๆ ที่ลานด้านนอก ค่าบัตรเข้าชมการแสดงและกินขันโตกคนละ ๓๗๐ บาท มีอาหารใส่โตกมาตั้งให้ และเติมได้ไม่อั้น แต่จะมีอาหารพิเศษ ( เมื่อก่อนรวมอยู่ในอาหารในโตก ) หากจะสั่งมีเมนูให้ และต้องจ่ายเงินเพิ่ม เช่นไส้อั่ว รวมทั้งน้ำดื่ม และเครื่องดื่มมึนเมาทั้งหลายด้วย
               เปิดให้เข้าเวลา ๑๘.๔๕ ส่วนการแสดงจะเริ่มเวลา ๒๐.๔๕ เปิดบริการทุกคืน ตั้งแต่เวลา ๑๙.๐๐ - ๒๑.๓๐ ใน ”เฮือน “ ที่กินขันโตกแบ่งที่นั่งเป็น ๒ พวก พวกหนึ่งนั่งที่พื้นปูเสื่อให้นั่ง และล้อมลานที่จัดแสดง ส่วนอีกพวกหนึ่งนั่งโต๊ะ เวลายกอาหารมาให้ ยกมาแต่ถาดไม้แดง ไม่มีโตกรองเหมือนพวกนั่งกับพื้น
               เริ่มต้น เสริฟออเดริพ เป็นกล้วยแขก กล้วยแขกธรรมดาๆนี่แหละแต่กล้วยหวาน กรอบ
               ต่อมาเสริฟซุปคนละถ้วย เป็นแกงจืด มีข้าวเหนียวให้คนละกะติ๊บเล็กๆ มีขันใส่ข้าวสวย
               ทีนี้ เสริฟอาหารใส่ถาดไม้แดงมา พวกนั่งกับพื้นเขาก็ยกโตกมาตั้งกลางวง อาหารเหมือนกันกับพวกนั่งโต๊ะ มีหมี่กรอบ ผัดผักกล่ำ แกงฮังเล น้ำพริกอ่อง แคบหมู ไก่ทอด มีผักมาให้จานโต แตงกวา ฟักทองนึ่ง กะหล่ำปลี ถั่วฟักยาว ผลไม้ ข้าวแต๋น อาหาร ขอเพิ่มได้
               มีสาวแต่งชาวเขา มาขอถ่ายรูป คล้องพวงมาลัย เลิกกินแล้วไปรับภาพได้ ภาพละ ๑๐๐ บาทภาพใส่กรอบผ้าไหมสวย ไม่ชอมใจก็ไม่ต้องไปรับมา ไม่ต้องจ่ายเงิน
               การแสดง ดนตรีบรรเลง มีระนาด กลอง แสดงที่ลานกลางวงขันโตก เริ่มด้วย แห่ขันโตก ถือโคมนำ ตามด้วยขบวนสาวสวยฟ้อนเล็บ ระบำไก่ การร่ายรำของไก่แก้ว ซึ่งเจ้าดารารัศมี วรชายาในรัชกาลที่ ๕ ดัดแปลงจากบทประพันธ์ของกรมหมื่นนราธิปฯ ฟ้อนโยคีถวายไฟ ดัดแปลงจากฤาษีดัดตน ฟ้อนดาบ คนเดียวรำดาบ ด้วยดาบ ๑๒ เล่มในเวลาเดียวกัน ฟ้อนไก่ลาย เป็นฟ้อนโบราณ หายสาบสูญไปนานแล้ว แต่อาจารย์ ม.เชียงใหม่ ไปค้นพบที่ อ.สะเมิง จึงนำกลับมาฟ้อนให้ชมได้อีก
               ไม้จ๊กดอก ชาวเขาจะเล่นในเทศกาล ลาวกระทบไม้ ของเผ่าม้ง มีคนขยับไม้ ๔ คน ไม้ ๒ คู่ เด็กแต่งชาวเขาเต้น ๔ คน
               สุดท้ายจบด้วยการรำวง เชิญแขกมารำกับนักแสดง หรือจะรำกันเองก็ไม่ว่าอะไร
               อิ่มจนแน่นพุง ออกเดินไปยังอีกลานหนึ่ง ผ่านแผงขายของที่ระลึกของชาวเขา เช่น ตุ๊กตา ไปยังลานในศาลา อยู่ไม่ไกลกัน มีที่นั่งเป็นอัฒจันทร์ คราวนี้ไม่มีอาหาร ชมการแสดงอย่างเดียว
               เป็นการแสดงของชาวเขา ( ชาวเขาแท้ ) เผ่าต่างๆ รำกลองสะบัดชัย ตีคนเดียว ตีเพื่อกล่อมขวัญทหาร และข่มขวัญศัตรู การร่ายรำของชาวเขาเผ่าลีซู ( ลีซอ ) การแสดงของชาวเขาเผ่าเม้ง มีคนร่ายรำ มีคนเป่าเครื่องดนตรี คล้ายแคน ๒ คน ฟ้อนนกกิงกะลาและโต กิงกะลา หรือกินรี ครึ่งคน ครึ่งนก “ มีโต” สัตว์ครึ่งกวาง ครึ่งสิงโต เป็นการแสดงของรัฐฉาน ชุดนี้สวยน่าชมมาก
               การแสดงของไทยใหญ่ , การแสดงของเผ่าเย้า, เผ่าอีก้อ, ปิดท้ายด้วยรำไฟและรำฝัดข้าว
                จบการกินอาหารขันโตก ประกอบกับชมการแสดง คุ้มค่าที่ได้มากิน มาชม
               เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครองราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ได้จัดงานเฉลิมฉลองกันทั่วประเทศ ทางจังหวัดเชียงใหม่ใช้พื้นที่ ๔๗๐ ไร่ มีเส้นทางเดินชมงาน ๗.๒ กม. ระยะเวลาประมาณการในการชมงาน ๖ ชั่วโมง รูปแบบการจัดงาน เป็นการจัดแสดงพืชสวนเขตร้อนชื้นและพรรณไม้จากทั่วโลก ชื่องาน มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯราชพฤกษ์ ๒๕๔๙ งานเริ่มตั้งแต่ ๑ พฤศจิกายน๒๕๔๙ ถึง ๓๑ มกราคม ๒๕๕๐
               เมื่อเสร็จงานแล้ว คงรื้อถอนปรับปรุงในส่วนที่เป็นสวนนานาชาติบางชาติและเปิดให้ชมต่อมาจนกระทั่งบัดนี้ และในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้มีงาน ราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์ รักพ่อหลวง ตั้งแต่วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ไปจนถึง ๑๐ ธันวาคม โดยมีงานในบริเวณที่จัดมหกรรมพืชสวนโลก คือสวนเฉลิมพระเกียรติราชพฤกษ์ ๒๕๔๙ ความมุ่งหมายของงานเพื่อได้ชมพืชสวนโลกที่แสนจะงดงาม และงานก็เพียงจัดออกร้าน นำสินค้าต่างๆมาจำหน่าย เช่นผ้า แพร พรรณ เป็นต้น
               เส้นทาง ไปงานหากพักที่โรงแรมที่ผมพัก ออกจากโรงแรมก็เลี้ยวซ้ายวิ่งเลียบคันคลองชลประทานไปจนตัดกับถนนราชพฤกษ์ก็เลี้ยวขวาตรงไปยังประตูทางเข้า ต้องจอดรถไว้ที่ลานข้างนอกแล้วเดินเข้าไป จุดเด่นคือวงเวียนช้าง มีเนินภายในวงเวียน ตัดแต่งต้นไม้เป็นรูปฝูงช้าง ไปงานนี้เตรียมกล้องไปให้เรียบร้อย แค่วงเวียนช้างก็ถ่ายกันไม่รู้ว่ากี่รูปแล้ว และเมื่อหมดงาน ความสวยงามของพืชสวนคงอยู่ตามเดิม เป็นแต่รื้อเต้นท์ที่มาออกงานออกไป และคงเปิดให้เข้าชมภายในสวนเฉลิมพระเกียรติตลอดทั้งปี
               การชมบริเวณภายในสวนเฉลิมพระเกียรติ เขากะเวลาไว้ให้ว่า ๖ ชั่วโมงหมายถึงเดินชมไปตามเส้นทาง ๗.๒ กม. แต่ไม่ต้องตกใจเพราะเมื่อเข้าประตูไปแล้ว เดินตรงไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเขาจะมีรถโดยสารบริการคนละ ๒๐ บาท รถจะวิ่งมาจอดรับคนโดยสาร ออกตามเวลาน่าจะทุก ๕ นาที ขึ้นลงทุกจุดใช้บัตรใบเดียวกันมีจุดลงรถ ๕ จุด อยากเดินดูอะไรตรงไหนก็ลงรถ ดูจนอิ่มตา อิ่มใจแล้วกลับมาขึ้นรถคันต่อไป แล้วไปลงชม ณ จุดจอดรถจุดต่อไปได้
               เริ่มด้วยสวนเทศบาลนครเชียงใหม่ แต่งแบบล้านนา
               สวนนานาชาติ ซึ่งนานาชาติได้สร้างขึ้นไว้เมื่อมีงานปี ๒๕๔๙ และทางสวนฯได้รับมอบทำนุบำรุงต่อมา คงสดสวยตามเดิม แต่ผมไม่ทราบว่ารับมอบทุกสวนหรือไม่ แต่ก็พบว่ายังมีสวนของหลายชาติ เว้นพันธ์ไม้ของบางชาติ ที่ไม่ใช่ไม้ยืนต้นและออกดอกตามฤดูกาล เช่นดอกทิวลิบของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเมื่อปี๒๕๔๙ เป็นสวนที่สวยมาก สวยเหมือนไปชมในประเทศเนเธอร์แลนด์เลยทีเดียว ผมเคยไปประเทศนี้หลายครั้ง ครั้งที่ไปอยู่นานหลายวันคือตอนเป็นนายกสมาคมกิฬาปัญจักสิลัต พานักกิฬาปันจักสิลัตไปชิงแชมภ์โลกที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ตรงกับฤดูทิวลิบบานพอดี ชมดอกทิวลิบกันอิ่มไปเลย และอิ่มมากยิ่งขึ้นเพราะนักกิฬาได้แชมภ์โลกมาถึง ๒ รุ่น
               หอคำหลวง ต้องลงรถชมให้ได้ งามสุดพรรณนา ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง ๙๘ ล้านบาท เป็นสถาปัตยกรรมประธานของบริเวณมหกรรมราชพฤกษ์ ๒๕๔๙ ที่จัดสร้าง อย่างถาวร สร้างอย่างวิจิตรบรรจงด้วยสถาปัตยกรรมล้านนา ภายในอาคารมีต้นบรมโพธิสมภาร มีใบโพธิ์เท่าจำนวนวันที่ครองราชย์สมบัติ คือ ๖๐ * ๓๖๕ (๒๑,๙๐๐ วัน )จัดแสดงนิทรรศการพระราชกรณีกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านการเกษตร นิทรรศการโครงการหลวง โครงการตามแนวพระราชดำริต่างๆ โดยนำเสนอด้วยงานภาพจิตรกรรมฝาผนังที่แสนจะวิจิตรงดงาม ล้อมรอบบริเวณด้วยสวนไทย และสวนขั้นบันได
               ชมหอคำหลวง ขอให้ชมอย่างมีเวลา ถนนที่พุ่งตรงเข้ามายังหน้าหอคำหลวงก็แสนจะสวย เมื่อขึ้นมาบนหอคำแล้ว ก็จะเป็นที่ค่อนข้างสูง ชมรอบๆงานได้เป็นอย่างดี
                ส่วนการแสดงสวนพันธ์ไม้เขตร้อนชื้น รวบรวมพันธ์ไม้ที่โดดเด่นของไทย เทคโนโลยี่ด้านการเกษตรที่คิดค้นขึ้นโดยภูมิปัญญาไทย เพื่อนำเสนอต่อสายตาของผู้มาชมโดยเฉพาะสวนนานาชาติที่ยังมาเข้าชมกันอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ๔ ปีที่ผ่านมา กินพื้นที่สวนพันธ์ไม้เขตร้อนประมาณ ๘๐ ไร่ ซึ่งจะประกอบด้วยสวนไม้ผล สวนผัก สวนสมุนไพร สวนไม้น้ำ บึงดอกบัว สวนไม้มงคล สวนต้นไม้ประจำจังหวัด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการแสดงทฤษฎีการเกษตรแบบยั่งยืน สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีสีสันสวยงาม สลับสีสัน งดงามยิ่ง
               เรือนไทยสี่ภาค สร้างเรือนไทยไว้ ๔ หลัง เป็นแบบของภาคต่างๆในประเทศไทย คือ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคกลาง เป็นเรือนหลังโต เท่าเรือนจริง ไม่ใช้ตะปู
               ในพื้นที่ ๔๗๐ ไร่นี้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒๒ องค์กรชั้นนำ เช่นสวนของ กทม. และยังมีบ้านพอเพียง สวนพลังแผ่นดิน
               สวนนานาชาติที่ยังมีป้ายชื่ออยู่ เช่นสวนอิหร่าน แอฟริกาใต้ สวนสปป.ลาว แสดงไว้เป็นการสร้างวัดเชียงทอง จำลองจากแบบที่หลวงพระบาง ส่วนอินเดียปลูกต้นโพธิ์ด้วยหน่อพระศรีมหาโพธิ์จากอินเดีย สวนมาเลย์ สวนเนปาล สวนเบลเยี่ยม สวนอินโดนีเซีย สวนภูฐาน สวนตุรกี สวนญี่ปุ่น สวนบังคลาเทศ
               นอกจากนี้ยังมีสวนโครงการหลวง
               เรือนร่มไม้ มีไม้มากกว่า ๒,๐๐๐ ชนิด ดูยังกับสวนป่า ร่มชื้น มีพวกปาล์ม ไม้ใบ เฟริน์ ปรง หมากงาช้าง พรรณไม้อีกหลายร้อยชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
               จุดลงรถ จุดที่ ๕ อย่าเพิ่งนั่งรถเลยไป ขอให้ลงรถเพื่อไปชม พืชทะเลทราย เรือนปลูกพืชไร้ดิน ไม้เมืองหนาว ไม้ไม่ง้อดิน
               จุดลงรถจุดที่ ๖ ลงรถเพื่อชมบ้านไทย ๔ ภาค บ้านที่หาตะปูไม่ได้สักตัว
               ชมอยู่ครึ่งวันพอดีหิว หมายตาเอาไว้ตั้งแต่รถผ่านมาตามถนนราชพฤกษ์ เห็นร้านเฮือนเพ็ญ ๒ ร้านเฮือนเพ็ญ ๑ นั้นแรกเริ่มเดิมทีปลูกยังกับเพิงอยู่ถนนที่เข้าทางด้านข้างของสถานีตำรวจ เข้าไปสุดทางพอบรรจบกับถนนอีกสาย ร้านเฮือนเพ็ญอยู่ซ้ายมือ ด้วยฝีมืออาหารเหนือ ที่เหนือจริงๆจากร้านที่เหมือนเพิง ก็กลายเป็นร้านใหญ่โต แถมเปิดอีกร้านขายมื้อค่ำแบบอาหารตามสั่งอยู่ติดกัน ตอนนี้เปิดร้านน่าจะเป็นร้านที่ ๓ หากเลียบคลองชลประทานมา พอถึงจุดเลี้ยวที่เลี้ยวขวาเข้าถนนราชพฤกษ์ ให้เลี้ยวซ้ายร้านเฮือนเพ็ญ ๒ อยุ่ฝั่งขวามือ ถ้ามาจากหางดง ตามถนนราชพฤกษ์ ร้านจะอยู่ก่อนถึงสี่แยกฝั่งซ้ายมือ
               อาหารพื้นเมือง เหนือ คนแน่นตรึม
               สั่งข้าวซอย มาเชียงใหม่ขาดข้าวซอยเหมือนมาไม่ถึงเชียงใหม่ เขามีทั้งข้าวซอยเนื้อและข้าวซอยไก่ คนสูงวัยเลี่ยงๆอาหารเนื้อไว้บ้างก็ดี สั่งข้าวซอยไก่ ยกมาร้อนๆซดน้ำอร่อยนัก แนมด้วยผักการดอง หัวหอม รสแทบจะไม่ต้องปรุง นอกจากชอบเปรี้ยวก็บีบมะนาวลงไป
               ขนมจีนน้ำเงี้ยว เห็นชาวเมือง สั่งกันแทบทุกโต๊ะ สั่งบ้างไม่ผิดหวัง ชิ้นหมูทอด ต้องยอมอ้วนสั่งหมูติดมันมาเพิ่มอีกชิ้นหนึ่ง ทอดเก่งนัก ชิ้นไก่ทอด ทอดแล้วมีรส ไม่ต้องไปจิ้มอะไรก็ได้
                ปิดท้ายด้วยลาบเหนือ มาเหนือทุกมื้อถ้าร้านเขามีขายเป็นต้องสั่งลาบคั่ว หรือลาบที่สุกแต่ที่อร่อยยกนิ้วให้จะต้องเป็นลาบคั่วร้านภิญโญ ที่อ.ขุนยวม แม่ฮ่องสอน
               วัดพระธาตุดอยคำ ( สุวรรณบรรพต ) ถ้าเข้ามาในสวนราชพฤกษ์ ไปที่หอคำหลวง แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปบนเขาที่เป็นฉากหลังของหอคำหลวง จะมองเห็นวัดอยู่บนยอดเขา วัดนี้คือวัดพระธาตุดอยคำ อยู่บนเขาสูง แต่มีทางให้รถขึ้นได้ถึงองค์พระธาตุ
               ทางขึ้นสู่วัด หากมาสวนราชพฤกษ์ ก่อนถึงทางเข้ามีป้ายบอกทางให้แยกเฉียงขวา เพื่อวิ่งขึ้นเขาไปสู่วัดพระธาตุดอยคำ และมีป้ายชี้ทางให้ไปยังพิพิธภัณฑ์รถโบราณ ผมเคยไปชมนานแล้ว ไม่ทราบว่ามีรถโบราณมาเพิ่มอีกหรือเปล่า วันนี้ไม่ได้แวะไป
               ทางรถขึ้นสู่ยอดดอย ค่อนข้างแคบ ระวังคนเดินให้ดีๆรวมทั้งรถสวนลงมาด้วย
               เมื่อขึ้นไปถึงยอดดอย มีศาลเจ้าพ่อก้อนคำ ให้ลงรถที่ลานหน้าศาล รถมาได้แค่นี้ เดินต่อไปอีกนิดเดียว
               วัดนี้ผู้สร้างคือ โอรส ๒ องค์ของพระนางจามเทวี แต่ไม่ได้บอกว่าสร้างไว้ตั้งแต่ พ.ศ.ใด สร้างตอนพระนางจามเทวียังมีชีวิตอยู่หรือสิ้นชีวิตไปแล้ว ก็ไม่ได้บอกไว้
               มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ อยู่กลางแจ้ง ก่อนที่จะเข้าไปยังองค์พระธาตุ
               มีรูปหล่อของพระนางจามเทวี ประทับยืน สวยมาก
               มีองค์พระบรมธาตุ อยู่บนยอดดอย ยอดของพระธาตุ หากมองลงไปจะเห็นยอดของพระธาตุ อยู่ตรงกับยอด “ หอคำ “ พอดี แสดงว่าตอนสร้างหอคำ คงจะเล็งให้ตรงกับยอดพระธาตุ
               เลยองค์พระธาตุออกไป ทีลาน ที่ลานนี้จะชมวิวของเมืองเชียงใหม่ได้สุดสวย มองเห็นกว้างไกล ได้ชมสวนราชพฤกษ์ในมุมสูงอย่างอิ่มตา อิ่มใจ
               นักถ่ายรูปทั้งหลาย พกกล้องขึ้นไปไม่เสียโอกาส จะได้ภาพงามๆของวัด ภาพของตัวเมืองเชียงใหม่ และภาพของสวนราชพฤกษ์ ถ่ายภาพได้สวยจริงๆเพราะไม่มีต้นไม้ และอะไรมาบังวิวที่งดงาม มองเห็นตัวเมือง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สวยเด่นกว่าถ่ายภาพจากมุมทางสูงในจุดอื่นๆ

    ................................................



    • Update : 22/8/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch