|
|
'พิธีทิ้งกระจาด'วัดไผ่ล้อม บุญใหญ่-ถวายหลวงพ่อพูล
งานบุญยิ่งใหญ่ "พิธีทิ้งกระจาด" ประจำปี 2554 วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม กำลังจะมีขึ้น ในวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2554 เวลา 13.00 น. นำบริจาคบุญโดย พระครูปลัด สิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เพื่อร่วมอุทิศมหากุศลถวายหลวงพ่อพูล อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดังซึ่งสร้างคุณูปการให้แก่วัดไผ่ล้อมและประชาชนทั่วไป ภายในงานพุทธศาสนิกชนได้ร่วมทำบุญข้าวสารอาหารแห้ง มอบอุปกรณ์การเรียนและเงินสนับสนุนให้กับโรงเรียนและนักเรียนที่ขาดแคลน
สำหรับ "พิธีการทิ้งกระจาด" ได้มีบันทึกไว้ในพระสูตรว่า ครั้งหนึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จประทับที่นิโครธาราม เมืองกบิลพัสดุ์ พร้อมด้วยพระภิกษุสดับพระสัทธรรมเทศนา เวลานั้นพระอานนท์ เข้าไปนั่งสมาธิ อยู่ในที่สงัดแต่ผู้เดียว ครั้นเวลาดึกสงัด องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทัศนาอสุรกาย ร่างกายซูบผอมและมีเพลิงพลุ่งออกมาจากปาก ลำคอเท่ารูเข็ม ผมบนศีรษะรุงรัง มีเขี้ยวงอกออกจากปากน่า สะพรึงกลัวยิ่งนัก อสุรกายยืนประนมมือบอกพระอานนท์ว่า ยังอีก 3 ราตรีท่านก็จะถึงแก่มรณภาพ แล้วต้องมาอยู่ในหมู่อสุรกายดังเช่นข้าพเจ้านี้
|
เมื่อพระอานนท์ได้ฟังอสุรกายบอกดังนั้น บังเกิดความหวาดเสียว กลัวต่อมรณภัย เพราะยังเป็นปุถุชนอยู่ ท่านจึงถามอสุรกายนั้นว่าจะทำประการใดจึงจะพ้นจากความตาย และพ้นทุกข์ อสุรกายตอบว่า ถ้าพระผู้เป็นเจ้าอยากให้พ้นกองทุกข์ ให้กระทำพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และบริจาคทานให้แก่ยาจกเข็ญใจที่อดอยากและแผ่กุศลไปให้แก่พวกอสุรกายทั้งหลาย ท่านก็จักได้มีอายุยืนยาวนาน ส่วนอสุรกายก็จักได้พึ่งผลกุศลที่ท่านอุทิศให้ ก็อาจพ้นจากกองทุกข์ถึงสุคติได้
เมื่อพระอานนท์ได้ฟังอสุรกายกล่าวดังนั้น จึงได้นำความมากราบทูลองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามคำที่อสุรกายกล่าวนั้น และขอให้ทรงช่วย ท่านจึงมีพระพุทธฎีกาตรัสแก่พระอานนท์ ว่าดูก่อนอานนท์ อย่าได้มีความหวาดเกรงกลัวไปเลย เราตถาคตจะชี้ทางให้ เพื่อบริจาคทานให้แก่หมู่อสุรกายและพวกพราหมณ์
เมื่อพระอานนท์บริจาคทาน แล้วจักพ้นภัย ดังที่กล่าวแล้วนั้น แต่การที่จักบริจาคให้ทั่วถึงอสุรกายนั้นยาก เพราะพวกอสุรกายนั้นสร้างกรรมไว้มาก จึงไม่สามารถบริโภคได้ ต้องตั้งพิธีประชุมอริยเจ้าทั้งหลายมาเจริญพระคาถา ด้วยอำนาจพระคาถานี้ อาจให้ทั่วถึงหมู่อสุรกายทั้งหลายได้ ส่วนอานนท์ก็จักได้มีอายุยืน
เมื่อพระอานนท์ได้สดับพระพุทธพจน์ดังนั้นแล้ว พระผู้เป็นเจ้าจึงจัดทำเครื่องสักการบูชาและเครื่องอุปโภคบริโภคพร้อมแล้ว พระผู้เป็นเจ้าก็ตั้งพิธีสันนิบาตพุทธจักร ณ ที่ควร จึงกระทำสักการบูชาพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้า มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธานในการนี้ เมื่อพระอานนท์ผู้เป็นเจ้าบริจาคทานและอุทิศส่วนกุศลไปให้หมู่อสุรกายครั้งนั้น โดยได้พึ่งอำนาจพระบารมีอภินิหารแห่งพระรัตนตรัยทั้งสาม และอำนาจพระคาถานั้น จึงบันดาลให้ทั่วถึงหมู่อสุรกายทั้งหลาย ได้รับผลทานอันนี้แล้วไปสู่สุคติ
สำหรับการบำเพ็ญกุศล ทิ้งกระจาดไทยทานนั้น ในทางพระพุทธศาสนา ถือว่ามีอานิสงส์อันไพศาล เนื่องจากเป็นการเชิญทั้ง 3 ภพ 3 ภูมิ ให้มาร่วมอนุโมทนาบุญโดยเป็นการอัญเชิญหมู่ทวยเทพยดาทั้งหลาย ให้ลงมาช่วยกันประกอบพิธีช่วยเหลือ ดวงวิญญาณไร้ญาติ ที่ตกทุกข์ได้ยาก ไม่มีใครอุทิศส่วนกุศลให้ อีกทั้งดวงวิญญาณทั้งหลายที่รับทุกขเวทนาในนรกภูมิ โดยปกติแล้วเทวดาไม่อาจสร้างบุญกุศลเองได้ ต้องอาศัยกายมนุษย์เป็นสื่อ
อีกทั้งเป็นการบอกกล่าว ต่อผู้คนทั้งหลายผู้ใจบุญมีจิตศรัทธาร่วมกันบริจาคข้าวของเงินทอง ในการประกอบพิธีมหากุศลในครั้งนี้ อีกทั้งยังบอกกล่าวต่อผู้ตกทุกข์ได้ยากให้มารับบริจาค เครื่องอุปโภคบริโภค เป็นการบรรเทาความทุกข์ เป็นการบอกกล่าวต่อดวงวิญญาณทั้งหลายที่มีญาติก็ดี ไม่มีญาติก็ดี ให้ได้มารับเครื่องเซ่นสังเวย เสื้อผ้าเงินทอง ซึ่งผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายได้ร่วมกันบำเพ็ญอุทิศให้ อีกทั้งยังทำพิธีเปิดประตูนรก ให้สัตว์นรกทั้งหลายได้ขึ้นมา อนุโมทนาบุญ สุดท้ายก็จะทำพิธีส่งดวงวิญญาณทั้งหลายให้ได้ไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น
การบริจาคข้าวสารอาหารแห้ง เสื้อผ้ากระดาษ ถ้าจะอุทิศให้ญาติผู้เสียชีวิตไปแล้ว ก็ให้เขียนชื่อญาติของตนลงบนถุงข้าวสาร และห่อเสื้อผ้า อานิสงส์จะทำให้ดวงวิญญาณนั้น ไม่อดไม่อยากไม่ร้อนไม่หนาวอีกต่อไป แต่ถ้าเขียนชื่อตัวผู้บริจาคเอง อานิสงส์จะบันดาลให้ผู้นั้นมีกินมีใช้ ตลอดไป ไม่เจ็บ ไม่ป่วย อีกทั้งยังเป็นการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาอีกทางหนึ่งด้วย
จึงขอเชิญญาติโยมพุทธศาสนิกชนและประชาชนทั่วไปร่วมงานตามวันและเวลาดังกล่าว
|
Update : 7/8/2554
|
|