หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    เที่ยวทั่วไทย-ไหว้พระเก้าวัด (เชียงใหม่4)
    ไหว้พระเก้าวัด (๔)

                การไหว้พระเก้าวัดในวันเดียวกันที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือว่าจะเป็นมงคลสิ้นเคราะห์ ประสบโชค ผมได้พาท่านไปไหว้มาแล้ว ๘ วัด เหลืออีก ๑ วัด เป็นวัดสุดท้าย ผมลืมบอกไปว่าไปเชียงใหม่คราวนี้ ลูกน้องเก่าจองที่พักแห่งใหม่ไว้ให้ เดิมตั้งใจพักที่โรงแรมริมทะเลสาบใกล้ ๆ สนามกอล์ฟของมณฑลทหารบก เพราะทหารได้ลดราคา แต่ปรากฎว่าเต็ม ลูกน้องเก่าหวังดีเลยไปจองให้ที่ศูนย์ฝึกศึกษาบุคลากร แต่หากว่างเขาก็เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าพักได้ด้วย อยู่ที่ถนนโชตนา ช้างเผือก หากมาตามถนนไฮเวย์ที่มาจากลำพูน พอข้ามสะพานข้ามแม่น้ำปิงแล้ว ตรงมาจนถึงสี่แยกช้างเผือกก็เลี้ยวขวามาจนถึงสามแยกมีไฟสัญญาณ ก็เลี้ยวซ้ายมาสัก ๕๐ เมตร ทางเข้าอยู่ซ้ายมือ เข้าไปแล้วมีที่จอดรถมากมาย ชอบใจมากในข้อนี้ คอนโดที่ผมเคยยพักคือชมดอยซึ่งเป็นของผมเอง แต่ปรากฎว่าเข้าพักไม่สะดวก เพราะจะหาที่จอดรถยากมาก นักศึกษามาเช่าพักกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ที่ศูนย์ ฯ นี้ที่จอดรถกว้างขวาง ห้องพักห้องใหญ่ มีเตียงใหญ่ ๒ เตียงแต่มีกฎว่าให้พักได้เพียง ๒ คน ค่าที่พักยิ่งราคาถูกมากไม่สมกับสถานที่เลยคือ คืนละ ๖๐๐ บาท พักได้ ๒ คน รวมอาหารเช้าอย่างดี และมื้ออื่นก็มีอาหารขาย ขอใช้คำว่าดูเหมือนตอนค่ำจะมีคาราโอเก๊ะด้วย ผมไปคราวหน้าจะไปพักอีกและลองชิมอาหารมื้อเย็นดู ขอรับรองในความสะดวก ปลอดภัย และสถานที่โอ่โถงน่าพัก
                บอกที่พักชั้นดี ราคาถูก สะดวก สะบาย ให้แล้วทีนี้ไปไหว้พระกันต่อ
                    วัดชัยมงคล  อยู่ริมแม่น้ำปิง บอกเส้นทางไปง่ายมาก แต่ไปจริง ๆ ไม่ง่ายนัก เพราะถนนหน้าวัดสายเลียบแม่น้ำปิงคือถนนเจริญประเทศ เป็นถนนที่รถเดินทางเดียวอยู่ช่วงหนึ่ง ดังนั้นการไปวัดชัยมงคล เมื่อมาจากทางสถานีรถไฟพอลงสะพานนวรัตน์ผ่านหน้าบ้านผู้ว่า ฯ (หากไม่ใช่ถนนรถเดินทางเดียว เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกตรงไปผ่านหน้าวัดได้เลย) ถึงสี่แยกยังเลี้ยวไม่ได้ ตรงต่อไปตามถนนท่าแพอีกสัก ๕๐ เมตร ถึงสี่แยกอุปคุต จึงเลี้ยวซ้ายตรงไปผ่านไนท์บาร์ซาร์ ผ่านโรงแรมสุริวงศ์ ผ่านสี่แยกสีดอนชัย เลยไปพบอีกสี่แยก ให้เลี้ยวซ้ายมาจะบรรจบกับถนนเจริญประเทศ ให้เลี้ยวขวามาสัก ๒๐๐ เมตร โดยจะผ่านโรงเรียนมงฟอร์ด

    และโรงเรียนเรจินา วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ (ช่วงนี้รถเดินสวนทางกันได้แล้ว) เลี้ยวเข้าประตูวัด สร้างแบบประตูโขง เหมือนประตูกำแพงเมือง วัดนี้เป็นท่าเรือ มีเรือนำเที่ยวแบบเรือทัวร์แบบจ้างเหมาลำ จอดอยู่ที่ท่าน้ำของวัด และเป็นท่าเรือสำหรับเช่าเรือไปลอยอังคาร รวมทั้งเป็นท่าน้ำที่จะปล่อยเต่า ปล่อยปลา เพื่อสะเดาเคระห์ด้วย มีเต่า มีปลาปล่อย ขายที่ท่าน้ำ ชื่อวัดเป็นมงคลอย่างยิ่งคือชัยมงคล และอยู่ห่างจากกลุ่มวัดอีก ๘ วัด จึงควรมาเป็นวัดสุดท้าย ไหว้พระแล้วจะเช่าเรือเที่ยวลำน้ำปิงเสียด้วย ก็จะได้ความสนุกไปอีกแบบหนึ่ง
                    ประวัติวัดหาเอกสารไม่ได้ เลยไม่ทราบจะหาที่ไหนมาเล่าให้ฟัง เข้าไปในวัดแล้ววิหารใหญ่สร้างสวยมาก "พญามอม" ที่หัวบันไดนั้นตัวโต อ้วน วัดทางล้านนานิยมสร้างตัวพญามอม (คล้ายพญานาค แต่หัวไม่เหมือน)  ไว้ที่หัวบันไดทางขึ้น - ลง
                    ด้านหลังวิหาร ติดกับริมน้ำ แต่ไม่ริมน้ำเสียทีเดียว มีพระบรมรูปของรัชกาลที่ ๕ "ประทับยืน" และจารึกไว้ว่า "จำฉันไว้นะ Remember Me 1907"
                    พระองค์ทรงพระอักษรไว้แด่พระราชชายา เจ้าดารารัศมี เป็นอนุสรณ์เจ้าดารารัศมี เป็นเจ้าหญิงของเชียงใหม่ เมื่อสิ้นรัชกาลที่ ๕ แล้ว ได้เสด็จกลับมาประทับอยู่ที่เชียงใหม่ และทำคุณประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองอีกเป็นอันมาก
                    ศาลหลวงปู่โชค หลวงปู่ชัย อยู่ทางด้านขวาของพระบรมรูป ร.๕ อยู่เกือบติดแม่น้ำ เป็นศาลเล็ก ๆ  แต่มีผู้เคารพนับถือมาก
                    นอกจากนี้ภายในวัดยังมีวิหารพระสังกัจจายน์ และเจ้าแม่กวนอิมอยู่ด้วย
                    ครบไหว้พระเมืองเชียงใหม่ ๙ วัด ล้วนแต่นามเป็นมงคลและมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น ขอทบทวนไว้อีกทีเริ่มต้นจากวัดเจ็ดยอด มายังวัดสวนดอก วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร วัดดับภัย วัดหมื่นเงินกอง วัดดวงดี วัดเชียงมั่น และวัดชัยมงคล
                    ในวันรุ่งขึ้นผมมีธุระคือได้รับเชิญให้เป็นประธานทอดผ้าป่าที่วัดฝั่งหมิ่น อ.เมืองเชียงราย เมื่อทอดผ้าป่าแล้วถือโอกาสไปวัดจอมหมอกแก้วที่ อ.แม่อาย วัดพระธาตุจอมแจ้ง ที่ อ.แม่สรวย และวัดพระธาตุจอมผ่อ ที่ อ.เวียงป่าเป้า ทั้ง ๓ พระธาตุนี้อยู่ในพระธาตุเก้าจอมของเชียงรายที่นิยมไปกราบไหว้บูชากันเมื่อไปยังเชียงราย ผมเคยเล่าฉบับย่อไปแล้วทั้งเก้าจอม รอไปสำรวจอีกทีจึงจะเอามาเล่าให้ละเอียดให้ครบทั้งเก้าจอม ไหว้พระธาตุจอมผ่อแล้วก็นอนเสียที่เวียงป่าเป้า รุ่งขึ้นจึงอยู่ทำธุระและมานอนลำปางอีกคืนหนึ่ง จึงกลับกรุงเทพ ฯ แต่มีเรื่องตื่นเต้น ต้องมานอนพักที่นครสวรรค์อีกคืนหนึ่ง คืนสุดท้ายในเชียงใหม่ อดีตผู้บังคับบัญชาของผมที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ในเมืองเชียงใหม่ มักจะมาร่วมชุมนุมสังสรรค์กันเป็นประจำ แต่เดือนนี้อยู่ระหว่างเข้าพรรษาหลายคนงดดื่มน้ำเมา ผมเลยบอกว่า นัดไปกินข้าวคุยกัน แต่มีอยู่คนหนึ่งบอกว่า จะพาไปกินอาหารเยอรมัน ที่ร้านกลางหมู่บ้านของอำเภอสันกำแพง เขาเคยไปชิมมาแล้ว อร่อยมากและร้านนี้ยังมีโรงงานทำไส้กรอก ขนมปัง ส่งขายโรงแรมในเมืองอีกด้วย กุ๊กใหญ่เป็นชาวเยอรมันแท้ ได้ภริยาเป็นชาวเมือง จะไปเถียงว่าไม่ใช่อาหารเยอรมัน จะเถียงไม่ได้ แต่เขาบอกว่าทิศทางไปนั้นบอกยากมาก คนพาไปชิมไปกันก่อน ตั้งแต่ไม่มืด พอคลำหาทางไปได้ ส่วนผมไปกับลูกน้องเก่าอีกคนมาช่วยขับรถให้ บอกว่ารับทราบเส้นทางมาแล้ว แต่ไม่รู้จะไปถูกหรือไม่ เพราะเส้นทางวกวนเหลือเกิน ไปถูกเหมือนกันแต่วกวน ถามชาวบ้านไปตลอดทาง ขนาดชาวบ้านที่อยู่ไกล ๆ รู้จักร้านไส้กรอกเยอรมัน แสดงว่าร้านนี้ไม่ใช่ธรรมดา
                    เส้นทาง  ปลายทางคือ หน้าวัดม่วงโตน เส้นทาง ที่ผมไปคือ ไปตามถนนที่ไป อ.สันกำแพง ผ่านทางแยกซ้ายเข้าบ่อสร้าง ย่านทำร่มที่ลือชื่อของเมืองไทย เลยหมวดการทางสันกำแพงไป จนถึง กม.๑๐.๘๐๐ เลี้ยวซ้าย ทีนี้พอเลี้ยวเข้าไปแล้ว ผ่านวัดพระนอน ก็ให้เริ่มถามชาวบ้านเรื่อยไปว่าทางไป วัดม่วงโตน ไปทางไหน ผมหมดปัญญาบอกเส้นทางต่อ เพราะหลายแยกและไม่มีป้ายนำทางให้ด้วย วนไปร้านจนสำเร็จ เมื่ออิ่มแล้วทางร้านเขาให้แผนที่มาดู ผมเลยบอกลูกน้องเก่าว่า วันไหนให้เอารถมอเตอร์ไซด์ ไปสำรวจเส้นทางอีกที ไปคราวหน้าจะไปชิมกันใหม่ ร้านเปิดตั้งแต่มื้อเที่ยง ไปจนถึง ๒๐.๐๐ ร้านคือ ชั้นล่างของบ้าน หน้าวัดม่วงโตน เส้นทางที่ ๒ ตามแผนที่ของร้าน ที่ผมยังไม่เคยไปแต่ดูแล้ว จะไปง่ายกว่าเส้นทางที่เขาพาผมไป เพราะขนาดตอนกลับ สักสามทุ่ม (เขาเปิดให้เป็นพิเศษ) คนพาไปชิมยังพาหลงเสียไม่รู้กี่ครั้ง เส้นทางของร้าน ไปตามถนนสายที่ไปสันกำแพง พอถึงสี่แยกที่จะเลี้ยวซ้าย เข้าถนนสายบ่อสร้าง - ดอยสะเก็ด ก็เลี้ยวซ้ายจุดสังเกตหัวมุม มีบริษัทเปรมประชา เลี้ยวซ้ายผ่านดงร้านทำร่ม ขายร่มไปจนผ่านทางแยกเข้าวัดมหาวนาภิมุข เลยต่อไปจนเห็นป้ายชนารีสอร์ท เลี้ยวขวาเข้าถนนสายนี้ ตรงไปผ่านหมู่บ้านชนารีสอร์ท เลี้ยวขวาผ่านบ้านสนทราย เลี้ยวซ้ายอีก ทีนี้ผมว่า ถามเขาง่ายกว่า วัดม่วงโตน ไปทางไหนเพราะอีก ๒ - ๓ เลี้ยว จึงจะถึง ลึกลับจริง ๆ แค่คนชิมจากในเมือง เขาไปยากครั้งแรก ๆ เพราะจะไปชิมมื้อกลางวัน กันเป็นส่วนใหญ่ จึงจำทางง่าย
                    สั่ง ขาหมูทอดแบบเยอรมัน ขาใหญ่มาก มีมันบด และกล่ำปลีดอง ราคา ๑๕๐ บาท หากินในกรุงเทพ ฯ คงไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ บาท บอกได้คำเดียวว่าอร่อยจริง ๆ
                    สลัดผักรวม น้ำสลัดน้ำข้น อร่อยเหลือ คุ้มค่าที่ตามมาชิม
                    ปิดท้ายด้วย ไส้กรอกเยอรมัน ซอสเซส ใส่มาในจานโต ราคา ๑๒๐ บาท เสริฟมาพร้อมกับเฟรนฟราย หรือสลัดมันฝรั่ง แล้วตามด้วยข้าวผัดแฮม จานโตอีกจาน
                    วันกลับ ผมกลับจากเวียงป่าเป้า มาถึงแม่ขจาน แล้วเลี้ยวซ้ายไป อ.วังเหนือ แล้วเลี้ยวขวาไปยัง อ.แจ้ห่ม ทางกำลังขยายเป็นส่วนใหญ่ ผ่านอนุสาวรีย์พญาคำลือ เข้าลำปางทางวัดเจดีย์ซาว แวะบูชาวัตถุมงคล ตอนค่ำพักที่โรงแรมเอเซีย ริมถนนบูญวาทย์ ตกค่ำหมดแรงไม่ลงมากินอาหาร สั่งอาหารไปกินในห้อง ห้องอาหารคุ้มหลวงของโรงแรมนี้ ระดับรับรองแขกบ้าน แขกเมืองได้ พักที่นี่มีอาหารเช้าให้ด้วย
                    รุ่งขึ้นกลับจากลำปาง เลยลางแยกเข้า อ.เกาะคา จะมีกลุ่มร้านขายเซรามิคระดับปานกลาง ผมแวะซื้อประจำ ซื้อกันจนจำหน้าได้ ราคาถูก
                    พออีก ๒๐ กม. จะถึงนครสวรรค์ รถทำพิษ ความร้อนขึ้นจนเข็มวัดตีสุด ปกติก่อนออกเดินทางทุกครั้ง จะตรวจ น้ำกลั่น น้ำในหม้อน้ำ ความดันยาง น้ำมันเครื่องเป็นประจำ วันนี้ก็ทำตามปกติ เครื่องร้อนจัดจนเครื่องยนต์ดับ แต่รถเสียทีไร ผมมักจะมีพระะเอกขี่ม้าขาวมาช่วยทุกทีไป เริ่มด้วยผู้หญิงชาวบ้านมาคุยด้วย ชายชาวบ้านขี่รถมอเตอร์ไซด์ มาถามแล้วอาสาไปตามช่างมาให้ ช่างให้ลองเติมน้ำในหม้อน้ำ พอเครื่องยนต์เย็นก็ติดเครื่องได้ วิ่งไปอู่ช่าง (ใต้ถุนบ้าน) แก้ดูสักพักบอกว่า " วาวล์หม้อน้ำไม่เปิด" น้ำจึงไม่หมุนเวียน เขาก็พยายามถอดจนสำเร็จ แต่หาเปลี่ยนไม่ได้ ปล้ำกันอยู่นาน สุดท้ายไม่ใส่วาว์ล ค่อย ๆ วิ่งต่อมาอีก ๑๗ กม. ก็ถึงที่พักเปิดใหม่เอี่ยม กม.๒๔๓ ราคาห้องละ ๘๐๐ บาท ห้องใหญ่ เตียงใหญ่ ทีวี ก็ใหญ่อีก ห้องอาหารยังไม่เปิด แต่ตอนรอแก้รถมีมีรถมอเตอร์ไซด์ ขี่หิ้วถึงใส่ซาลาเปา มาขายลูกละ ๑๐ บาท ชาวบ้านวิ่งไปซื้อกันตรึม เลยซื้อบ้าง ซื้อแค่ ๒ ลูก ๆ โต ๆ เลยกลายเป็นอาหารเย็นวันนั้นไป เพราะไม่กล้าเอารถที่ถอดวาว์ล วิ่งไปกินอาหารในเมืองนครสวรรค์
                    รุ่งเช้า วิ่งไปอีกสัก ๒ กม. มีศูนย์บริการของรถ  B M W  ก็เข้าศูนย์ให้เขาตรวจแก้ ใส่วาวล์ วิ่งฉิวมาจนผ่านอินทร์บุรี กม.๑๐๐ (กม. ใหม่ ยุ่งพิลึก กรมทางไม่ควรเปลี่ยน) เห็นข้างทางมีป้ายชื่ออาหาร หิวพอดี เลยแวะเข้าไปกลายเป็น ฟลาย์ นาว Fly Now Out Let  เคยเห็นแต่ก่อนถึงเพชรบุรี ตรงนี้ไม่เคยเห็น ถามไถ่ได้ความว่า พึ่งเปิดเมื่อเดือน เม.ย.๕๐ นี้เอง ใหญ่โตมาก น่าจะใหญ่กว่า F N  ทุกแห่งและมีครบแบ่งเป็น ๓ โซน โซนแรก ที่รีบเข้าไปก่อนเพราะกำลังหิวคือ โซนอาหาร แบบใช้คูปอง ติดกันร้าน "ขนมจีน บางกอก"  อร่อยมากขนาดอีก ๕ วัน ต้องตามไปชิมใหม่ โซนที่สอง สินค้าผลิตจากโรงงาน เพื่อส่งต่างประเทศ เช่น ชุดนอน เคยซื้อร่วมสองพันบาท แต่ที่นี่จะขายเพียง ๗๕๐ บาท มีเสื้อผ่า รองเท้า กระเป๋า เครื่องใช้ในครัว ฯ โซนที่ ๓ มีร้านโครงการหลวง ร้านเอกชัย ร้านดอยตุง ร้านต้นกล้า ทุกร้านสินค้ามา จัดร้านสวย น่าซื้อ จะใช้บัตรเครดิต ต้องซื้อตั้งแต่ ๑,๕๐๐ บาท ขึ้นไป


    • Update : 3/8/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch