มีหลายสถานการณ์เลยนะคะที่เปรียบเทียบได้ การที่เราเก็บเอาทุกอย่างมาไว้คิด และ ทำ
จนบางทีมันหนักเกินไป จะทำให้ร่างกาย และ จิตใจเกิดการ"ล้า"
โลกมีไว้เหยียบ ไม่ได้มีไว้แบก คำพูดนี้ถูกต้องเลย อะไรที่หนักหนาเราก็อย่าไปคิดมาก
และ คนเราไม่ได้เกิดมาแล้ววิ่งได้เลย ทุกอย่างต้องมีการเรียนรู้ และ มีความค่อยเป็นค่อยไป
ไม่ใช่จะได้ดั่งใจเราไปซะทุกอย่าง
หากเราคิดมากไปจะทำให้จิตใจขุ่นมัว เครียด คิดอะไรไม่ออก รู้สึกร้อนที่ใจเหมือนมีอะไร
มาเผาผลาญจิตใจ อย่างเช่น เวลาเราไม่ชอบใคร แต่เรายังต้องพบเขาอยู่บ่อยๆ เราก็ไม่อยาก
เห็นเขาให้ขวางหูขวางตา เพราะว่าเรามัวแต่คิด คิดถึงแต่ด้านไม่ดีของเขาเพียงอย่างเดียว และ
เก็บมาคิดให้จิตใจของตนขุ่นมัว มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยใช่มั๊ย??
เราควรคิดถึงแต่ด้านดีของผู้ที่เราไม่ชอบ คิดซะว่าที่เขาทำให้เราไม่ชอบนั้น เขาไม่ได้-
ตั้งใจ อย่าลืมนะคะว่า ทาน หรือ การให้ ที่ดีที่สุด คือการให้ การให้อภัย ไงล่ะ
สุขใจทั้งผู้ให้ และ ผู้ได้รับเลยแหละ
เชื่อหรือไม่ว่า....เวลาเราเจอปัญหาหรือแก้ไขไม่ได้ เรามัก "ขาดสติ" สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา
คือ คำถาม และ คำตอบก็คือ ความว่างเปล่า
ผลที่ได้รับจากความว่างเปล่านั้นก็คือ ความฟุ้งซ่าน บ่อยครั้งที่ใครหลาย ๆ คน
ฟุ้งซ่านไปกับการคิดอะไรไม่ออกเมื่อต้องเผชิญกับปัญหา เหตุผลเดียวที่แก้ปัญหาไม่ได้ คือ
การใช้อารมณ์ และ ความรู้สึก แก้ไขปัญหา การแก้ปัญหาที่ดีจึงควรมีสติเป็นตัวช่วยเสมอ
เจอปัญหาก็อย่าพึ่งโวยวาย ฟุ้งซ่าน อย่าทำให้ตัวเองเครียดกับปัญหานั้น ๆ เพราะ
ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ เหมือนคำว่า"จะกลัวความมืดไปทำไม พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว"
ใช่!! จะคิดมากไปทำไม พรุ่งนี้อะไรๆก็จะดีขึ้นเอง
เชื่อเถอะว่ามีสติเมื่อไร ก็จะพบทางออกเมื่อนั้น...