หายนะของโลก ใต้เงาคิดนักวิทยาศาสตร์
ในทศวรรษที่ผ่านมามี เหตุการณ์ร้ายๆ มากมายที่เกิดขึ้นกับโลกทั้ง ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ อย่างเช่น แผ่นดินไหวที่ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ คร่าชีวิตมนุษย์หลายแสนคนในเอเชีย และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยฝีมือของมนุษย์อย่างการก่อการร้ายด้วยการจี้เครื่องบินโดยสารพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดในนิวยอร์ก ส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์หลายพันคนเสียชีวิต
วันสิ้นโลก
โลกจะอวสานอย่างไร บ้างเชื่อว่าโลกจะถึงกาลอวสานแบบไม่ทันตั้งตัว บ้างทำนายว่าชีวิตบนโลกจะตายอย่างช้าๆ ขณะที่พวกมองโลกแง่ดีหน่อยเชื่อว่า ถึงอย่างไรก็คงหาทางเอาชนะปัญหาได้โดยวิวัฒนาการไปสู่สายพันธุ์อื่นๆ
เซอร์มาร์ติน รีส์ ศาสตราจารย์ด้านจักรวาลวิทยา นักดาราศาสตร์ประจำราชสำนัก และยังเป็นนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นผู้ประพันธ์เรื่อง Our Final Century ด้วย เขาให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อกังวลใจของมนุษย์ในเรื่องนี้ว่า มนุษย์มีโอกาส 50-50 ที่จะผ่านศตวรรษที่ 21 ไปโดยไม่มีภยันอัตรายใดๆ มาแผ้วพาน
"หายนะทางธรรมชาติบางอย่าง เช่น แผ่นดินไหว อุกกาบาตพุ่งชนโลก ยังคงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เหมือนที่เป็นมา ขณะที่ภัยคุกคามอื่นๆ อันเป็นผลจากโลกาภิวัตน์เริ่มหนักหน่วงขึ้น แต่ตอนนี้เราจำเป็นต้องพิจารณาภัยที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ด้วยเช่นกัน" เซอร์มาร์ตินกล่าว
ถ้าเป็นเช่นนั้น ภัยร้ายแรงที่สุดที่คุกคามมนุษยชาติคืออะไร แล้วเราจะรับมือได้หรือไม่ ต่อไปนี้เป็นการสอบถามความคิดเห็นของ 10 นักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับอันตรายที่น่ากลัวที่สุดเขาคิดว่าจะเกิดขึ้นกับโลก และสังคมจะได้รับผลกระทบอย่างไร ต่อมาจะเป็นการประเมินภัยคุกคามเป็นสองแนวทาง อันดับแรกเป็นโอกาสที่จะเกิดภัยคุกคามในช่วงอายุขัยของเรา (ในช่วง 70 ปีข้างหน้า) และประการที่สอง เป็นระดับอันตรายที่จะมีผลต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์หากเกิดหายนะภัยขึ้นมา (คะแนนเต็ม 10 หมายถึงระดับที่ทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ ลงมาจนถึงระดับ 1 หมายถึงแทบจะไม่มีผลกระทบต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์เลย
1 - การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
นิค บรูค ผู้ช่วยวิจัยอาวุโสจากศูนย์วิจัยสภาพเปลี่ยนแปลงของอากาศไทนดัล ซึ่งตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยอีสต์แองเจียล สหราชอาณาจักรอังกฤษ ให้ความเห็นว่า
"ภายในสิ้นศตวรรษนี้ ปัญหาภาวะเรือนกระจกจะทวีความรุนแรงขึ้น และอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 องศาเซลเซียส อากาศร้อนระดับนี้ถือว่าสูงกว่าที่โลกเคยเผชิญเมื่อหนึ่งล้านห้าแสนปีก่อน สิ่งเลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นอาจทำให้อากาศในหลายภูมิภาคของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งอาจส่งผลต่อการผลิตอาหารเพื่อเลี้ยงประชากรโลก และทำให้ระบบสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันพังทลายไปทั่ว ตามมาด้วยการอพยพของผู้คนจำนวนมหาศาล และเกิดปัญหาขัดแย้งจากการแย่งชิงทรัพยากร เนื่องจากพื้นที่ที่เหมาะกับการดำรงชีวิตของมนุษย์จะเริ่มเหลือน้อยลง ผมไม่คิดว่า อากาศที่เปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ไปหรอกนะ แต่แน่นอนว่ามันจะทำให้เกิดการสูญเสียอย่างหนัก"
- โอกาสที่อุณหภูมิจะสูงขึ้นมากกว่า 2 องศาเซลเซียสในอีก 70 ปี (เป็นระดับที่พิจารณาว่าเป็นอันตรายต่อสหภาพยุโรป) : เป็นไปได้สูง
- ระดับอันตราย : 6
2 - การเสื่อมสภาพของเทโลเมียร์
เรนฮาร์ด สตินด์ล แพทย์จากมหาวิทยาลัยเวียนนา บอกว่าสิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์มี "นาฬิกาแห่งวิวัฒนาการ" อยู่ในตัวเวลาของนาฬิกาชีวภาพนี้จะเดินผ่านจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง เป็นการเดินถอยหลังจนถึงเวลาที่นำไปสู่ยุคสูญพันธุ์อย่างเลี่ยงไม่ได้
"เทโลเมียร์สเป็นส่วนปลายที่ปิดโครโมโซมมีอยู่ในสัตว์ทุกตัว ถ้าไม่มีเทโลเมียร์สแล้ว โครโมโซมอาจไม่มั่นคง แต่ละครั้งที่เซลล์แบ่งตัวมันจะไม่ก๊อบปี้เทโลเมียร์สอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และตลอดชั่วอายุของเราเทโลเมียร์สจะหดสั้นลง สั้นลง เนื่องจากเซลล์เพิ่มจำนวนตัวเอง ในที่สุดแล้ว เมื่อมันหดสั้นจู๋ เราก็เริ่มมีโรคที่เกี่ยวกับชราภาพมาคุกคาม อย่างเช่น มะเร็ง อัลไซเมอร์ โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองตีบ
"อย่างไรก็ดี การหดสั้นของเทโลเมียร์สไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงที่เรามีชีวิตอยู่จนตายเท่านั้น แต่ทฤษฎีของผมคือ ความยาวของเทโลเมียร์สที่ส่งผ่านจากคนรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งก็ยังมีขนาดหดสั้นลงด้วยเช่นกัน สะท้อนถึงกระบวนการชราภาพของแต่ละคน และเมื่อเทโลเมียร์สถูกส่งผ่านมาเป็นพันรุ่นมันจะเริ่มกร่อนจนถึงระดับวิกฤติ เมื่อถึงวันนั้นเราจะพบว่าโรคที่เกี่ยวกับคนชราจะระบาดไปทั่วตั้งแต่อายุยังน้อย จนสุดท้ายจะทำให้เกิดภาวะประชากรขาดแคลน การกร่อนของเทโลเมียร์สอาจใช้อธิบายการสูญพันธุ์ของมนุษย์บางสายพันธุ์ได้ อาทิ นีแอนเดอร์ธัล โดยไม่ต้องเอาปัจจัยภายนอกอย่างการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมาพิจารณา"
โอกาสที่จะเกิดภาวะประชากรลดลงอย่างรวดเร็วในช่วง 70 ปีข้างหน้า : เป็นไปได้น้อย
ระดับอันตราย : 8
3 - การระบาดของเชื้อไวรัส
ศาสตราจารย์มาเรีย แซมบอน นักไวรัสวิทยาและหัวหน้าห้องปฏิบัติการเชื้อไข้หวัดใหญ่ของสำนักงานป้องกันสุขภาพแห่งราชอาณาจักรอังกฤษ มองว่า "เมื่อปลายศตวรรษก่อน เกิดการระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่อย่างรุนแรง 4 รอบ พร้อมกับการระบาดของเชื้อเอชไอวีและซาร์ส การระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลกจะเกิดขึ้นทุกรอบร้อยปี และคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดอย่างน้อยอีกครั้งในอนาคต ณ ขณะนี้ เชื้อที่สร้างความหวาดวิตกมากที่สุดคือเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอช 5 ที่ระบาดในไก่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าไวรัสตัวนี้เรียนรู้วิธีการส่งเชื้อจากคนสู่คนแล้ว การระบาดจะแพร่ลามไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว การระบาดของไข้หวัดใหญ่ในปี ค.ศ. 1918 ได้คร่าชีวิตประชากรโลกไปแล้ว 20 ล้านคน ภายในปีเดียว มากกว่าคนที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งด้วยซ้ำไป หากเกิดการระบาดอีกครั้งตอนนี้ก็คงส่งผลกระทบรุนแรงยิ่งกว่า"
"ไวรัสไข้หวัดใหญ่ไม่ใช่ว่าจะฆ่าทุกชีวิตที่มันเข้าไปอาศัยอยู่ ดังนั้น จึงไม่สามารถทำลายมนุษย์จนสูญพันธุ์ แต่มันจะส่งผลกระทบรุนแรงเป็นเวลาหลายปีทีเดียว เราไม่สามารถเตรียมตัวได้อย่างสมบูรณ์เพื่อรับมือกับผลที่เกิดจากน้ำมือธรรมชาติ โดยเนื้อแท้แล้ว ธรรมชาติเป็นผู้ก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพตัวจริง"
โอกาสที่จะเกิดการระบาดของไวรัสในอีก 70 ปีข้างหน้า : เป็นไปได้สูง
ระดับอันตราย :3
4 - การก่อการร้าย
ศาสตราจารย์พอล วิลคินสัน ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาประจำศูนย์ศึกษาการก่อการร้าย และความรุนแรงด้านการเมือง มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูว์ สหราชอาณาจักร ให้ทัศนะว่า
"สังคมทุกวันนี้มีความเสี่ยงต่อการก่อการร้ายมากยิ่งขึ้น เพราะกลุ่มที่อาฆาตมาดร้ายสามารถหาวัสดุที่จะนำมาใช้ก่อการได้ง่ายขึ้น รวมทั้งเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในการสร้างอาวุธทำลายสูง การก่อการร้ายที่ส่งผลให้เกิดการล้มตายเป็นจำนวนมากในปัจจุบันคืออาวุธชีวภาพ และอาวุธเคมี การปล่อยเชื้อบางอย่างเป็นจำนวนมากๆ อย่างเช่น แอนแทรกซ์ ไวรัสฝีดาษ อาจส่งผลกระทบอย่างมหาศาล และการติดต่อสื่อสารระหว่างพรมแดนในยุคใหม่จะทำให้กลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว
"ในสังคมเปิด ซึ่งเราสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ เราไม่สามารถจะหยุดยั้งการจู่โจมได้เลย และมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเกิดการโจมตีขึ้นสักแห่งในโลกในชั่วอายุของเรานี้"
- โอกาสที่จะเกิดการโจมตีด้วยการก่อการร้ายครั้งใหญ่ในช่วง 70 ปีหน้า : เป็นไปได้สูงมาก
ระดับอันตราย : 2
5 สงครามนิวเคลียร์
พลอากาศเอกลอร์ด การ์เดน โฆษกกระทรวงกลาโหมประจำพรรคเสรีประชาธิปไตยแห่งสหราชอาณาจักร และผู้แต่งหนังสือเรื่อง Can Deterrence Last?
"ในเชิงทฤษฎีแล้ว สงครามนิวเคลียร์อาจทำลายความรุ่งเรืองของมนุษย์ แต่ในทางปฏิบัติ ผมคิดว่าอันตรายดังกล่าวอาจผ่านพ้นไปแล้ว ปัจจุบัน มีจุดที่อาจก่อให้เกิดสงครามนิวเคลียร์อยู่ 3 แห่ง ได้แก่ ตะวันออกกลาง อินเดีย-ปากีสถาน และเกาหลีเหนือ แน่นอนว่าเกาหลีเหนือเป็นจุดที่น่าวิตกมากที่สุด เนื่องจากมีกองทัพรูปแบบเก่าพร้อมจะลั่นไกก่อสงครามได้โดยไม่ตั้งใจ แต่ผมอยากที่จะเชื่อว่ายังมีอุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์อยู่ เนื่องจากเราได้พัฒนาระบบระหว่างประเทศที่ยับยั้งการใช้อาวุธนิวเคลียร์
"ความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ในระดับโลกนั้นต่ำมาก แม้ว่ายังมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีประเทศนอกคอก หรือพวกหัวรุนแรงอยู่ก็ตาม"
- โอกาสที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ใน 70 ปีข้างหน้า : เป็นไปได้ต่ำ
- ระดับอันตราย : 8
6 อุกกาบาตชนโลก
โดนัลด์ เยาแมนส์ ผู้จัดการสำนักงานโครงการวัตถุใกล้โลกของนาซา จากห้องปฏิบัติการระบบขับเคลื่อนไอพ่นในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ มีความเห็นว่า "ความเสี่ยงที่เราจะตายจากอุกกาบาตพุ่งชนเปรียบคร่าวๆ เหมือนกับโอกาสที่เราจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก อุกกาบาตที่จะทำให้ความรุ่งเรืองของมนุษย์ต้องสูญสิ้นนั้นต้องเป็นอุกกาบาตที่มีขนาดกว้าง หรือยาวประมาณ 1.5 กม. เราคาดกันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกล้านปีโดยเฉลี่ย อันตรายที่เกี่ยวข้องกับอุกกาบาตชนโลกนั้นรวมถึงปริมาณฝุ่นจำนวนมหาศาลที่ลอยขึ้นไปในอวกาศจนปิดกั้นไม่ให้แสงแดดส่องลงมาบนพื้นโลกนานหลายสัปดาห์ ซึ่งจะมีผลต่อต้นไม้และพืชไร่ ที่ค้ำจุนสิ่งมีชีวิต อาจจะเกิดไฟไหม้ทั่วโลกอันเป็นผลมาจากความร้อนพุ่งออกมาจากใต้พื้นโลก และยังเกิดฝนกรดที่สร้างความเสียหายอย่างหนัก ผลกระทบดังที่เอ่ยมานี้แม้จะเกิดในช่วงระยะเวลาสั้น ดังนั้น สิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับตัวเองได้ดีที่สุดอย่างแมลงสาป และมนุษย์ เป็นต้น ยังมีชีวิตอยู่รอดได้"
- โอกาสที่โลกจะถูกอุกกาบาตพุ่งชนใน 70 ปีข้างหน้า : เป็นไปได้ปานกลาง
- ระดับอันตราย : 5
7 หุ่นยนต์ครองโลก
ฮันส์ โมราเวก ศาสตราจารย์จากสถาบันหุ่นยนต์ มหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน ในเมืองพิตต์สเบิร์ก กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ระบบการควบคุมด้วยหุ่นยนต์มีความสลับซับซ้อนในการประมวลผลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกปี หรือทุกสองปี แต่ความซับซ้อนของมันตอนนี้ยังอยู่ในระดับแค่สัตว์มีกระดูกสันหลังชั้นต่ำ แต่ในอีก 50 ปีข้างหน้าความสามารถในการคิดซับซ้อนของหุ่นยนต์จะไล่ตามทันมนุษย์ ภายในปี ค.ศ. 2050 ผมทำนายว่า จะมีหุ่นยนต์ที่มีพลังสมองทัดเทียมมนุษย์ โดยจะสามารถคิดในเชิงนามธรรม และแสดงความเห็นได้
"เครื่องจักรที่มีสติปัญญาเหล่านี้เราจะเป็นคนเลี้ยงดู และมันจะเรียนรู้ทักษะของเรา รับรู้เป้าหมายและคุณค่าของเรา และเราอาจรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ หุ่นยนต์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ดูแลเราในบ้านเท่านั้น แต่ยังสามารถทำงานที่ซับซ้อนที่ปัจจุบันจำเป็นต้องอาศัยความสามารถของมนุษย์ เช่น การวินิจฉัยโรค และการให้คำแนะนำในการรักษา หรือบำบัด หุ่นยนต์จะเป็นทายาทสืบทอดของมนุษย์ และจะเสนอโอกาสที่ดีที่สุดให้เรากลายเป็นอมตะได้โดยการถ่ายโอนข้อมูลของตัวเราเองไปใส่ไว้ในหุ่นยนต์ที่มีความสามารถล้ำหน้า"
- โอกาสที่จะมีหุ่นยนต์ที่มีความสามารถทางปัญญาเป็นเลิศใน 70 ปีข้างหน้า : เป็นไปได้สูง
- ระดับอันตราย : 8
8 - แรงระเบิดจากรังสีคอสมิกจากการระเบิดของดาว
เนียร์ ชาวีฟ อาจารย์ฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยฮิบรู ในเยรูซาเล็ม อิสราเอล กล่าวว่า ทุกสองสามทศวรรษ ดาวขนาดใหญ่ที่อยู่ในจักรวาลทางช้างเผือกจะหมดพลังงานและเกิดระเบิดขึ้น ซึ่งเรียกว่า ซูเปอรโนวา รังสีคอสมิก (อนุภาคพลังงานระดับสูงอย่าง รังสีแกมมา) จะแผ่รังสีออกไปทุกทิศทาง และถ้าโลกอยู่ในวิถีของรังสี จะทำให้เกิดยุคน้ำแข็งขึ้น ถ้าโลกมีอากาศที่หนาวเย็นอยู่แล้ว รังสีคอสมิกจากการระเบิดของดาวอาจทำให้โลกกลายเป็นไอติม และอาจทำให้สัตว์สายพันธุ์ต่างๆ สูญพันธุ์ โลกมีความเสี่ยงสูงเมื่อโคจรผ่านเกลียวของดาราจักรทางช้างเผือก ซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดซูเปอร์โนวามากที่สุด การระเบิดซูเปอร์โนวาจะเกิดขึ้นทุก 150 ล้านปี
ดัชนีบ่งชี้สภาพอากาศยุคบรรพกาลแสดงให้เห็นว่าโลกเคยผ่านยุคน้ำแข็งมาแล้ว โดยพบน้ำแข็งจำนวนมากที่ขั้วโลก และน้ำแข็งหลายชิ้นมีอายุอยู่ในช่วงดังกล่าว
"เราใกล้จะโคจรออกจากเกลียวแขนซากิตทาริอุส-คารินาของดาราจักรทางช้างเผือก และโลกควรมีสภาพอากาศร้อนขึ้นในสองสามล้านปี แต่ในอีก 60 ล้านปี เราจะเขาไปสู่เกลียวแขนเพอร์ซีอุส ยุคน้ำแข็งก็จะกลับมาอีกครั้ง"
- โอกาสที่โลกจะเผชิญกับซูเปอร์โนวาใน 70 ปีข้างหน้า : เป็นไปได้น้อย
- ระดับอันตราย : 4
9 ภูเขาไฟระเบิด
ศาสตราจารย์ บิล แมคกุยรี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติเบนฟิลด์จากมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน และยังเป็นสมาชิกคณะทำงานศึกษาภัยธรรมชาติของโทนี แบลร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ พูดถึงเรื่องนี้ว่า "โดยเฉลี่ยแล้วทุก 50,000 ปี โลกจะเกิดภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง ซึ่งจะส่งเถ้าถ่านภูเขาไฟที่ถูกพ่นออกมาจะปกคลุมพื้นที่ราว 1,000 ตารางกิโลเมตร ทวีปที่อยู่ใกล้เคียง จะเต็มไปด้วยเถ้าถ่าน และก๊าซซัลเฟอร์จะลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นม่านกรดซัลฟูริกคลุมรอบโลก ทำให้แสงแดดไม่สามารถส่องลงมายังพื้นโลกได้ กลางวันจะดูไม่ต่างไปจากกลางคืนวันเพ็ญ
"ความเสียหายที่เกิดขึ้นทั่วโลกจากภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ ขึ้นอยู่ว่าเกิดขึ้นที่ไหน และก๊าซลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศนานแค่ไหน เมื่อประมาณ 26,500 ปีมาแล้ว ภูเขาไฟเตาโปของนิวซีแลนด์เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ทว่า ความเสียหายครั้งสำคัญจากภูเขาไฟระเบิดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์คือภูเขาไฟ โทบา บนเกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย เมื่อ 74,000 ปีก่อน เนื่องจากเกิดระเบิดใกล้กับเส้นศูนย์สูตรทำให้ก๊าซกระจายไปยังซีกโลกเหนือและใต้อย่างรวดเร็ว เมื่อศึกษาแกนน้ำแข็งทำให้รู้ว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลให้อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว 5-6 ปีหลังจากนั้น โดยพื้นที่แถบเส้นทรอปิคมีสภาพเย็นเป็นน้ำแข็ง
"โอกาสที่จะเกิดภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่เป็นไปได้มากกว่าอุกกาบาตขนาดใหญ่ชนโลก 12 เท่า แต่ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในชั่วอายุคนปัจจุบันนี้มีเพียง 0.15% ส่วนสถานที่ที่ควรจับตาดูคือ บริเวณที่เคยเกิดระเบิดในอดีต เช่น เยลโล่สโตน ในสหรัฐ และโทบา แต่พื้นที่บริเวณอื่นในโลกที่น่ากังวลมากกว่าคือ อาจเกิดภูเขาไฟระเบิดรุนแรงในพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อย่างเช่นบริเวณป่าฝนอะเมซอน"
- ความเป็นไปได้ที่จะเกิดภูเขาไฟระเบิดรุนแรงใน 70 ปีข้างหน้า : เป็นไปได้สูงมาก
- ระดับอันตราย : 7
10 โลกจะถูกหลุมดำดูด
ริชาร์ด วิลสัน ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์จากศูนย์วิจัยมัลลินก์ครอดต์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า ประมาณ 7 ปีก่อน ห้องปฏิบัติการแห่งชาติบรูคเฮฟเวนในนิวยอร์กได้สร้างเครื่องชนไอออนหนักที่เรียกว่า Relativistic Heavy Ion Collider ขึ้นมาเนื่องจากมีความกังวลว่า สสารที่มีความหนาแน่นอาจก่อรูปขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในสมัยนั้นจัดว่าเป็นเครื่องเร่งอนุภาคที่ใหญ่ที่สุดที่เคยสร้างขึ้นมา เพื่อให้ไอออนทองคำชนกันด้วยแรงมหาศาล ซึ่งอาจทำให้เกิดความหนาแน่นพอที่จะทำให้เกิดหลุมดำขึ้นมาได้จากพลังที่ดูดสสารข้างนอก ห้องแล็บบรูคทำให้เกิดความหวั่นเกรงว่า เครื่องเร่งปฏิกิริยาตัวใหม่นี้จะทำให้เกิดหลุมดำขึ้นและทำให้โลกอวสานได้หรือไม่
"เมื่อดูจากข้อมูลที่เราได้ศึกษาจากหลุมดำที่อยู่นอกอวกาศ เราได้ทำการคำนวณเพื่อศึกษาว่าเครื่องเร่งอนุภาคของบรูคเฮฟเวนจะสามารถทำให้เกิดหลุมดำได้หรือไม่ ซึ่งเราค่อนข้างแน่ใจว่า การทดลองในห้องแล็บจะไม่ทำให้เกิดหลุมดำ และโลกจะไม่ถูกกลืนหายไปจากการชนของอนุภาคเหล่านี้
- โอกาสที่โลกจะถูกหลุมดำกลืนใน 70 ปีข้างหน้า : เป็นไปได้น้อยอย่างยิ่ง
- ระดับอันตราย : 10
เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในต่างประเทศ
เหตุการณ์ในต่างประเทศเกาะฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกคลื่นยักษ์ที่มาพร้อมกับพายุไซโคลนกระหน่ำ ทั้งเกาะจะถูก
ลบหายไปจากแผนที่โลก
พิลิปปินส์ ถูกพายุไซโคลนกระแทก ก่อนเกิดเหตุจะแลเห็นน้ำทะเลเป็นสีดำหม่นหมอง บรรยากาศหดหู่ เวิ้งว้าง ไม่นานนัก
จะเกิดพายุไซโคลนก่อตัวขึ้น พายุไซโคลนที่รุนแรง ข้างล่างดูด ข้างบนตี กระแทก จนกระทั่งเกาะทุกเกาะจมหายลงไปใน
ท้องทะเล
ไอแลนด์เหนือและใต้ อากาศหนาวจัด อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ในขนะเดียวกันจะถูกคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำ ในขณะที่
หนาวจัดนั่นเอง
ฮ่องกง ถูกทะเลคลั่ง น้ำทะเลสูง ชินจุงจะหายถาวร เกาะสนามบินแห่งใหม่ จะถูกคลื่นตีแตกหายไปในทะเล ในบริเวณแถบ
นั้นจะเหลือแต่เพียงเกาะเกาลูน และประเทศจีนบางส่วนเท่านั้น
เกาะมาเก๊า เผชิญพายุฝนอย่างหนัก รวมทั้งคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำ จนกระทั่งเกาะทรุดเอียง น้ำทะเลขึ้นสูง ยามรุ่งเช้า
หลังจากพายุสงบ จะเหลือเพียงโบสถ์คริสต์แห่งหนึ่งกับบาทหลวง ที่กำลังสวดมนต์ภาวนาเพียง 3 รูปเท่านั้น
นิวซีแลนด์ถูกพายุโซนร้อนถล่ม ฝนที่ตกลงมาจะมีเม็ดโตเท่าลูกเห็บ น้ำท่วมสูงแต่เกาะจะไม่สูญหายถาวร
สหรัฐอเมริกาจะถูกพายุที่รุนแรงถล่มอย่างหนักหน่วง พร้อมทั้งเกิด แผ่นดินไหวฉับพลัน 24 ริกเตอร์ เป็นระยะเวลานานถึง
8 ชั่วโมง ซี่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกนี้ อเมริกาจะถูกแบ่งออกเป็นสองซีก กลายเป็นเกาะ 2 เกาะ นิวยอร์กจะทรุดตัว
เหลือเพียงบางส่วน นอกนั้นจะจมหายลงไปในท้องทะเลจนหมดสิ้นตุรกี แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง 16 ริกเตอร์
คิวบา จมหายลงไปใต้ทะเล ( ห่างจากอเมริกา 10 นาที )
เกาะสิงคโปร์ หายไปจากแผนที่โลก เนื่องจากถูกพายุไซโคลนกระแทกอย่างหนักอินโดนีเซียถูกพายุไซโคลนกระแทก
จนกระทั่งหายไปจากโลก
เหมือนเช่นที่ ปิลิปปินส์ จะเหลือเพียงเกาะเล็กๆ ในส่วนที่เคยเป็นยอดเขาของกรุงจากาต้าเท่านั้น
เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เกิดน้ำท่วมใหญ่ แม่น้ำกลายเป็นทะเล แผ่นดินซีกตะวันออกจะจมหายไปทั้งหมด เกาหลีใต้จะ
จมหาย
ประเทศญี่ปุ่นหายไปจากโลก
ก่อนเกิดเหตุจะมีบรรยากาศเงียบงัน วังเวง หดหู่เวิ้งว้าง มนุษย์จะเห็นเหตุการณ์ประหลาด เมฆสีเทาก้อนใหญ่ 2 ก้อน
ลอยเคลื่อนตัวเข้าหากัน แล้วชนกันแตกกระจายเป็นฝนเม็ดโตๆ ใต้ทะเลเกิดคลื่นไซโคลนขยายตัว พุ่งเข้าหาหมู่เกาะ จะ
กระแทกทุกเกาะเหมือนล้อมรั้ว เกาะทุกเกาะจมหายลงไปในทะเล
ไต้หวัน เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ตอนกลางเกาะถูกแบ่งออกเป็นสองซีก จากนั้นจะโดนคลื่นยักษ์กระหน่ำซ้ำเติม เกาะ
ทั้งเกาะจะจมหายไปแผ่นดินที่สาบสูญ
สหรัฐอเมริกา ( แผ่นดินถูกผ่ากลางหายสาบสูญไปหลายรัฐ กลายเป็นเกาะ 2 เกาะ ) เม็กซิโก ( บางส่วนจะกลายเป็นเกาะ
) แคนาดา ( จะกลายเป็นหมู่เกาะใหญ่ น้อยมากมาย ) ไต้หวัน ญี่ปุ่น กัวเตมาลา เม็กซิโกซิตี้ เบนนิส ฮอนดูลัส เอล
สวาดอร์ นิคารากัว คอสตาริก้า ไหหลำ แผ่นดินจีนด้านตะวันออก เซี่ยงไฮ้ มาเก๊า พิลิปินส์ ศรีลังกา ฯลฯ
วิกฤตการณ์เลวร้ายน่าหวาดหวั่นจะบังเกิดขึ้นทั่วโลก ความหวาดกลัวไม่จำเป็นจะต้องรับรู้ผ่านหน้าจอทีวี เพราะมนุษย์ทุก
คนบนโลก จะได้รับรู้รสชาติแห่งความกลัวตายทุกคน
!!มนุษย์ที่รอดชีวิตไปได้จะเข้าสู่ยุคใหม่จะมีจิตใจที่ดีงาม และมีอายุขัยที่ยืนยาวจนน่าประหลาดใจ มีอารยธรรเจริญก้าวหน้า
โดยที่มิได้สร้างเทคโนโลยี่ที่ก่อปัญหา ให้กับโลกมากมายเช่นในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อสื่อสาร กับเพื่อนมนุษย์จากต่างดาวได้ ซึ่งแม้แต่ในปัจจุบันบางคนก็ไม่เชื่อว่า สิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง
ก็ตามประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของโลก และเป็นประเทศแรกที่มีผู้สร้างยานอวกาศไปท่องจักรวาลได้ เป็นแห่งเดียว
ของโลก โดยใช้พลังจิตในการขับเคลื่อน โดยที่ไม่ได้ใช้เชื้อเพลิงในการเผาไหม้ ให้เกิดพลังงานที่ทำลายสิ่งแวดล้อม และ
ทรัพยากรธรรมชาติของโลก ให้เสียหายอย่างเช่นในปัจจุบัน
นอกจากนี้ต่อมไพนีล หรือตาที่ 3 ของมนุษย์ จะถูกฟื้นฟูขึ้นมาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จนสามารถเข้าถึงสภาวะ
นิพพานได้ง่ายขึ้นกว่าในอดีตในระยะเวลาไม่นานนัก ( ภายใน 6 ปี )
พระศรีอริยะเมตไตรยจะเปิดเผยพระองค์ เพื่อปลอบประโลมสร้างขวัญกำลังใจให้กับมวลมนุษยชาติ ที่มีความบอบช้ำทาง
จิตใจ ซึ่งในขณะนี้พระองค์ท่านได้เสด็จลงมาบนโลกมนุษย์แล้ว กำลังเป็นสามเณรในพุทธศาสนา และพระองค์ได้มาปรากฎ
ที่ประเทศไทยนี่เอง
แผ่นดินไทยที่สาบสูญ
บริเวณที่หายถาวรทั้งแผ่นดิน นราธิวาส สตูล พังงา ภูเก็ต หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะ ตะรูเตา หมู่เกาะทะเล
ตรัง ตราด เกาะช้าง หมู่เกาะทะเลตราด เกาะสมุย เกาะพงัน หมู่เกาะอ่างทอง ชะอำบริเวณที่เหลือเพียงบางส่วน แต่จะ
กลายเป็นเกาะเล็กๆเกาะยะลา เกาะปัตตานี เกาะพัทลุง เกาะสิชล-ขนอม เกาะหัวหิน เกาะหาดทรายรี-ชุมพรบริเวณที่หาย
เป็นส่วนใหญ่ จะเหลือเพียงบางส่วนยะลา หาดใหญ่ พัทลุง ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี
มุทรสงคราม สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี สมุทรปราการ อุบลราชธานี แผ่นดินริมแม่น้ำโขงตลอดแนว
กาญจนบุรี ฯลฯ
ประเทศไทยจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนได้แก่พื้นที่ในส่วนภาคกลางอันเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ และบริเวณในส่วน
ของภาคใต้ที่จะถูกแบ่งออกเป็น 2 เกาะใหญ่ๆ ได้แก่
1. บริเวณตั้งแต่ชุมพรฝั่งตะวันตก ท่าแซะ ระนอง สุราษฎร์ธานีฝั่งตะวันตก บริเวณด้านบนของอำเภอพนม อ.เทียนชา อ.
บ้านนาเดิม นครศรีธรรมราชตอนบน ขนอม
2. บริเวณตั้งแต่จังหวัดกระบี่ นครศรีธรรมราช ที่ต่อแดนกับจังหวัดกระบี่ด้านบน ฉวาง ร่อนพิบุลย์ ชะอวด จังหวัดตรังด้าน
ตะวันออก จังหวัดพัทลุงด้านตะวันตก หาดใหญ่ จังหวัดยะลา ด้านตะวันตกนอกจากนี้ยังมีเกาะเล็ก เกาะน้อยที่เกิดขึ้นมา
ใหม่อีกหลายเกาะ ได้แก่เกาะสัตบ เกาะยะลา เกาะปัตตานี เกาะพัทลุง เกาะสิชล-ขนอม เกาะหัวหิน เกาะหาดทรายรี-
ชุมพร
บริเวณที่จะกลายเป็นพื้นที่ติดกับทะเล
ดินแดนที่จะมีอาณาเขตติดกับทะเล ได้แก่ สงขลาทางด้านตะวันตก ยะลาทางด้านตะวันออก หาดใหญ่ กระบี่ตอนบน ด้าน
ที่ติดกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี และด้านที่ติดกับจังหวัดพังงา ตอนกลางของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ อ.พนม อ.เคียงซา
จรดเขตจังหวัดกระบี่ ชุมพรด้านใน ท่าแซะ ตอนล่างของเมืองประจวบคีรีขันธ์ และถนนเพชรเกษมฝั่งตะวันออกตลอดแนว
ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถนนชลบุรี-ปากท่อ ช่วงสมุทรสงครามและสมุทรสาคร ตัวเมืองแปดริ้ว บ้านค่ายปลวกแดง จ.
ระยอง ตัวเมืองจันทรบุรี และตลาดท่าใหม่วังน้ำเย็น จรด จ.สระแก้ว เหนือเขื่อนเขาแหลมด้านตะวันตก กาญจนบุรี ศรีสะ
เกษ อุบลราชธานี มุกดาหาร สกลนคร นครพนม เลย หนองคาย อำนาจเจริญ บ้านร่มเกล้า จังหวัดพิษณุโลก อุตรดิตถ์
ด้านที่ติดกับประเทศลาว น่าน ด้านตะวันออกตอนล่าง บ้านสบเมย จ.แม่ฮ่องสอน
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะกลายเป็นดินแดนชายฝั่งทะเล !ประเทศไทยเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ที่จะได้รับการปกป้อง คุ้มครอง
รักษาไว้ ซึ่งจะได้รับความบอบช้ำจากมหันตภัยธรรมชาติน้อยที่สุดในโลก และจะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำซึ่งมีความเจริญเป็น
ศูนย์กลางของโลกต่อไป