หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    การพยากรณ์ดวงชะตาจร

     

    ลักษณะนิสัยของดาวเคราะห์(ที่เป็นตัวแสดงเรื่อง) ธาตุในปกรณ์นี้เป็นธาตุทางทักษา

    ดาวอาทิตย์

    มีลักษณะอาการที่แสดงออกได้รวดเร็ว เพราะเป็นธาตุไฟ.... ให้โทษก็ถึงขนาดกลัดกลุ้ม เร่าร้อนเหมือนไฟ แต่มีทุกข์เพียงชั่วครู่ชั่วยาม ให้คุณก็ทำให้มีความสุข แต่ต้องผ่านความทุกข์ที่ทำให้ปวดเศียรเวียนเกล้าก่อน จึงจะมีความสุขได้

    ดาวจันทร์

    มีลักษณะอาการนุ่มนวลเรียบร้อย เพราะเป็นธาตุดิน.... จึงให้ผลไม่สู้จะแน่นอน ให้โทษบางครั้งก็ร้ายแรงบางครั้งก็เบา *ถ้ากำลังป่วยไข้อยู่ เมื่อ "จร" มาทับลัคน์ ก็อาจทำให้ไข้ทรุดลงได้ ถ้าไข้หนักอยู่แล้วก็อาจถึงตายได้ ให้คุณก็ทำให้มีความสุขนิดหน่อย แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย เช่น ของขวัญของฝาก เป็นข้าวปลาอาหาร

    ดาวอังคาร

    มีลักษณะอาการลึกลับ แตกหัก รวดเร็ว อย่างชนิดคาดไม่ถึง เพราะเป็นธาตุลม.... ให้ความทุกข์ก็ขนาดคอขาดบาดตาย เช่น อุบัติเหตุ หรือ การผ่าตัด ให้ความสุขก็เป็นแบบใจหายใจคว่ำ ชนิดที่ต้องฝ่าฟันอันตราย หรือต้องเสี่ยงภัย

    ดาวพุธ

    มีลักษณะอาการเรื่อยๆคล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรียบๆธรรมดา เช่น ได้รับข่าวสารจากคนรักหรือเพื่อน ได้ของขวัญ เช่น เสื้อผ้า เพราะเป็นธาตุน้ำ.... ให้ความสุขก็ชั่วครู่ชั่วยาม ไม่ค่อยมีความหมายมากนัก ถ้าให้โทษก็เพียงแต่ทำให้หัวเสีย

    ดาวพฤหัส

    มีลักษณะอาการเป็นผู้ใหญ่ เพราะเป็นธาตุดิน.... คือ เป็นหลักเป็นฐานด้วยตัวตน ให้ความสุขชนิดที่สบายเป็นปี หรือตลอดชีวิต ให้ความทุกข์ก็แค่โรคเส้นประสาท หรือตาย

    ดาวศุกร์

    มีลักษณะอาการเคลิบเคลิ้มหลงใหลได้ปลื้ม อิ่มอกอิ่มใจไปนาน เพราะเป็นธาตุน้ำ.... ให้ความสุขก็ชนิดฝันหวานไปได้นาน ให้ความทุกข์ก็ชนิดที่ต้องพบกับความผิดหวังอย่างรุนแรง ถ้าเป็นความรักก็ถึงอกหัก

    ดาวเสาร์

    มีลักษณะอาการเหมือนคนมีทุกข์หนัก ชนิดแบกรับแทบจะไม่ไหว เหมือนคนเหน็ดเหนื่อยกลัดกลุ้ม เก็บกดอยู่ในใจ เพราะเป็นธาตุไฟ.... ให้โทษก็ถึงฉิบหายวายวอด หรือรับไม่ได้ให้คุณก็ชนิดต้องผ่านความเหนื่อยยากอย่างแสนสาหัส ลำบากตรากตรำ

    ดาวราหู

    มีลักษณะอาการโผงผาง โครมคราม แตกหัก จริงจัง เปิดเผย เพราะเป็นธาตุลม.... ให้ความทุกข์ถึงขนาดล้มละลายขายตัว เปลี่ยนชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ ให้ความสุขก็มากอักโขอยู่ อย่างที่ผู้กว้างขวางพึงจะได้รับ ส่วนมากถ้าให้คุณ จะให้คุณแบบฟลุ๊กๆ เช่น ถูกหวย รวยหุ้น
    ตัวอย่าง
    ดาว ๗ เจ้าเรือนกัมมะ "จร" ต้องดาว ๕ เจ้าเรือนศุภะเดิม พยากรณ์ว่า..เพราะต้องแบกรับภาระการงานที่หนักเกินกำลัง "เป็นต้นเหตุ" ให้เจ้าชะตาต้องพบกับ "ตัวแสดงผล" คือ ไม่มีความสุขในการดำเนินชีวิตประจำวัน หรือ เดือดร้อนเพราะมีเหตุวุ่นวายภายในบ้าน ทำให้คิดมาก เครียด
    ตัวอย่าง
    ถ้าดาว ๗ เป็นเจ้าเรือน อริ,มรณะ,วินาศ หรือ สถิตอยู่ในภพดังกล่าว "จร" ทับดาว ๕ และมี ดาว ๕ "จร" ทับดาว ๗ หรือ ๘ เดิมในเวลาเดียวกัน(น่าจะเป็นดาวจรสมาสัปต์) พยากรณ์ว่า..จะต้องมีการโยกย้ายที่อยู่อาศัย หรือต้องใช้ความคิดหนักมากจนแทบจะเป็นบ้าในเรื่องความเป็นอยู่ หรือคิดมากจนป่วยเป็นโรคเส้นประสาทต้องเข้าโรงพยาบาล

    เกร็ดเรื่องเรือนชะตาและดาวเคราะห์ (วิเคราะห์การให้คุณ และ โทษของดาว)
      ดาวเจ้าเรือนลาภะ "จร" เป็นเกษตร..ส่วนมากจะได้ลาภที่เป็นของตนเองกลับคืน เช่น มีคนนำ เงินที่ยืมไปมาคืนให้ ถ้า "จร" ได้ตำแหน่งราชาโชค ..มักจะมีคนนำลาภมาให้เองโดยไม่ต้องไปหา หรือ ได้ลาภจากพรสวรรค์ของตนเอง
      ดาวเจ้าเรือนกัมมะ "จร" เป็นราชาโชค..ส่วนมากมีคนเสนอตำแหน่งหน้าที่การงานให้ โดยที่ ไม่ได้คาดหวังไว้ก่อน "จร" เป็นมหาจักร..คาดหวังอะไรไว้ มักจะได้สิ่งนั้น แต่ต้องได้มาด้วย ความสามารถของตนเอง ต้องออกแรงหรือใช้ปัญญา
    ตัวอย่าง..ลัคน์อยู่มีน
    ดาว ๕ เป็นเจ้าเรือนกัมมะ "สถิต" ราศีพิจิกได้ตำแหน่งมหาจักร..ให้คุณ
    ดาว ๕  "สถิต" ภพศุภะเป็นตรีโกณกับลัคน์...ให้คุณ
    ดาว ๗,๘,๓ "สถิต" เป็นโยคเกณฑ์ร้ายกับดาว ๕ อยู่ ๓ ดวง...ให้โทษ
    สรุปแล้วดาวบาปเคราะห์ให้โทษอยู่ ๓ ดวง นับเป็น ๓ ประการ ดาวกัมมะเป็นมหาจักรและตรีโกณให้คุณอยู่ ๒ ประการเป็นดังนี้..ต้องพยากรณ์ว่า..การงานเสียหาย ไม่ดี เสื่อม ไม่ให้คุณ เพราะว่าโทษมากกว่าคุณ
    ตัวอย่าง..ลัคน์อยู่มีน
    ดาว ๔ เป็นเจ้าเรือนปัตนิ "สถิต" ราศีตุลย์ ภพมรณะ.......ให้โทษ
    ดาวศุภเคราะห์ ๕,๒ "สถิต" เป็นโยคเกณฑ์ดีกับดาว ๔.....ให้คุณ
    สรุปแล้วดาวศุภเคราะห์ให้คุณอยู่ ๒ ดวง ๒ ประการ ดาวปัตนิ "สถิต" มรณะให้โทษ ๑ ประการ
    เป็นดังนี้..ต้องพยากรณ์ว่า..ได้คู่ครองดี
    ***แต่บางท่านติงว่า..เมื่อดาวสถิตทุสถานะภพแล้วถึงมี
    โยคเกณฑ์ดีจากศุภเคราะห์ มักจะดีไม่ตลอดรอดฝั่ง ได้มาแล้วมักจะสูญเสียในภายหลัง หรือไม่ก็กว่าจะให้คุณก็ล่าช้าเกินไป"กว่าจะได้คู่ครองตัวเองก็แก่ชราภาพไปมากแล้ว

    ดาวเคราะห์โคจรแบบเวธะ หรือ วิทธังสนะ คือ การขัดกัน,การทำลาย ซึ่งกันและกัน
    ตัวอย่าง
    ลัคน์อยู่เมษ ดาว ๕ เจ้าเรือนภพศุภะ,วินาศ "จร" ทับลัคน์ และดาว ๗ พยากรณ์ว่า..ความสุข และความทุกข์ย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอนกับเจ้าของดวงชะตา สร้างความสูญเสียให้กับหน้าที่การงาน,อนาคต และ เป้าหมายชีวิต
    ขณะเดียวกันนั้น ดาว ๗ เจ้าเรือนกัมมะ,ลาภะ"จร"อยู่ที่ราศีกุมภ์ เป็นทั้งโยคกับลัคนาและดาว ๕ ศุภะ,วินาศจร เจ้าของดวงถึงกับเสียชีวิต เพราะโดน ๒ เด้ง
    เด้งที่ ๑
    ดาวศุภะ,วินาศ "จร" ทับลัคน์
    ก็ให้โทษอยู่แล้ว แต่ไม่รุนแรงมากตามปกติวิสัยของศุภเคราะห์ เจ้าของดวงป่วยนอนหยอดน้ำเกลืออยู่
    เด้งที่ ๒
    ดาวกัมมะ,ลาภะ คือ ดาว ๗ "จร" เป็นเกษตรอยู่ในราศีกุมภ์ เป็นโยคหลังของลัคนาและดาว ๕ รวมถึงดาว ๗ เดิมด้วย
    (ไม่ทราบว่าองศาถึงกันหรือเปล่า ยังไม่ได้ ตรวจสอบ)
    พยากรณ์ว่า..โชคชะตา,อนาคตและเป้าหมายชีวิตให้โทษกับลัคนาแน่นอน และให้โทษหนักด้วย เพราะเป็นดาว ๗ บาปเคราะห์ เป็นการซ้ำเติมดาว ๕ ซึ่งให้โทษอยู่แล้ว เจ้าของดวงชะตาถึงแก่อสัญกรรมในขณะที่กำลังดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของประเทศ
    ในกรณีตัวอย่างข้างบนหลังจากตรวจสอบแล้ว น่าจะวิเคราะห์ได้ว่า... ในวันที่เสียชีวิตมีดาวโคจรสมาสัปต์กันหลายคู่ เช่น
    ดาว ๗ "จร" เล็ง ดาว ๕ เดิม
    ดาว ๕ "จร" ทับ ดาว ๗ เดิม
    ดาว ๗ "จร" เป็นโยคหลังลัคน์ และ ดาว ๕ จร
    (เข้าข่ายดาวโคจรแบบเวธะ แต่ไม่ใช่สาระสำคัญเพราะวิเคราะห์จากโยคเกณฑ์ของดาวจรกับดาวเดิม และอ่านจากเรือนถึงเรือน ก็บอกได้ ชัดเจนอยู่แล้วว่า..เจ้าชะตาต้องตายแน่นอน)
    ดาว ๖ ดาวราคะจริตเจ้าเรือนปัตนิ "จร" เล็ง ดาว ๒ เดิมดาวสตรี เจ้าเรือนพันธุ
    ดาว ๒ "จร" ต้อง ดาว ๐ , ๓ ล้วนแต่ให้โทษทั้งสิ้น
    ดาว ๒ เป็นกาลี "จร" ต้อง ดาวเคราะห์ถึง ๖ ดวง
    อธิบาย
    ดาว ๗ เจ้าเรือนกัมมะ,ลาภะ "จร" เล็ง ดาว ๕ เดิม
     
    พยากรณ์ว่า..ตำแหน่งหน้าที่การงานและลาภผลอย่างมหาศาลให้โทษกับความสุขในชีวิตประจำวัน ซึ่งมักจะมีความทุกข์ปนอยู่ด้วย แบบว่ามีลาภก็มีเสื่อมลาภ มีสุขก็มีทุกข์ มีชื่อเสียงเกียรติยศก็มีเสื่อมฯ
    ดาวเจ้าเรือนปุตตะ คือ ดาว ๑
    เจ้าเรือน ดาว ๕ เดิม ถูกทั้งบาปเคราะห์และกาลีให้โทษหลายจุด
    ให้โทษกับความสุขทางเพศ

    กาลกิณีต้องดาวเคราะห์ถึง ๖ ดวง

    ดาว ๗ "จร" เป็น โยคหลังกับลัคน์ พยากรณ์ว่า..โชควาสนา ตำแหน่งหน้าที่การงานอันสูงส่ง ลาภผลรายได้มหาศาล(ดาว ๗ จรเป็นเกษตร) อนาคตและเป้าหมายสุงสุดของชีวิต การคบค้าสมาคมกับเพื่อนฝูงและหมู่คณะ เป็นสาเหตุที่ทำลายสุขภาพของเจ้าชะตา ทำให้เจ้าชะตาล้มป่วยต้องนอนหยอดน้ำเกลืออยู่แล้ว
    ขณะเดียวกันนั้นดาว ๕ เจ้าเรือนศุภะ,วินาศ "จร" ทับ ดาว ๗ เดิม สนิทองศา พยากรณ์ว่า..วาสนาของเจ้าชะตาไม่ดี ไม่มีโชคและสิ่งอันเป็นมงคลดีงามเหลืออยู่ ทำให้ต้องเสียชีวิต (ดาว ๕ เจ้าเรือนวินาศ สร้างความสุญเสียให้กับตัวของเจ้าชะตา ทำให้เจ้าชะตาสิ้นสุดตำแหน่งหน้าที่การงานในฐานะผู้บริหารสูงสุดของประเทศ)
    เด้งที่
    ดาว ๗ เจ้าเรือนกัมมะ,ลาภะ "จร" เล็งดาว ๕ เจ้าเรือนศุภะ,วินาศ เดิม "สถิต" ภพปุตตะ
    ให้โทษเพราะมั่วกามมากเกินไป ตามที่รู้ๆกันอยู่
    เด้งที่ ๒
    ดาว ๗ "จร" โยคหลังลัคนา
    ทำให้ล้มป่วย(ดาว ๗ มีอำนาจและอิทธิพลมากเพราะจร เป็นเกษตร "เจ้าเรือนกัมมะ,ลาภะ เป็นเกษตร" เจ้าชะตาดำรงตำแหน่งจอมพลแห่ง กองทัพของประเทศ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศ มีอำนาจเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ ความมีอำนาจมากทำให้ใช้ชีวิตแบบสะเพร่ามากเกินไป มัวเมาลุ่มหลงในโลกีย์วิสัยมากเกินพอดี)
    เด้งที่ ๓
    ดาว ๕ เจ้าเรือนศุภะ,วินาศ "จร" ทับดาว ๗ เดิมสนิทองศา
    ถึงแก่ความตาย

    ตัวอย่าง
    ลัคน์อยู่เมษ
    ดาว ๕ เจ้าเรือนศุภะ,วินาศ"จร"เป็นราชาโชคอยู่ราศีเมษ เจ้าของดวงกำลังจะออกเดินทางไปต่างประเทศ แต่กลับไม่ได้ไป เนื่องจากลัคนาถูกดาว ๓ ดวงให้โทษอยู่
      ดาว ๕ ศุภะ,วินาศ ก็บอกอยู่อย่างชัดเจนแล้วว่า การเดินทางไปต่างประเทศไม่เกิดขึ้นแน่นอน ถ้าขืนเดินทางต้องประสบกับความสูญเสียอย่างมาก
      ประจวบกับถูกดาว ๗,๘ บาปเคราะห์โยคหน้าหลัง เป็นการยืนยันถึงอุปสรรคของเจ้าชะตา ทั้งลัคนาและดาว ๕ จร ถูกบาปเคราะห์ใหญ่ 2 ดวง ตรึ่งทำมุมโยคเบียนหน้าหลัง
    ดาว ๗ เจ้าเรือนกัมมะ,ลาภะ"จร"เป็นเกษตรอยู่ราศีกุมภ์
    .......................................................
    ดาว ๘ เจ้าเรือนลาภะ"จร"อยู่ราศีมิถุน

    การให้คุณและโทษของดาวศุภเคราะห์ และ บาปเคราะห์โคจร
    ดาวศุภเคราะห์โคจรให้คุณ
    ก..ภพที่ต้องการดูมีดาวศุภเคราะห์โคจรเข้าเรือน
    ข..เจ้าเรือนภพที่ต้องการดูในดวงเดิมมีดาวศุภเคราะห์มาทับ หรือ ทำมุมเป็นโยคเกณฑ์ดี
    ค..เจ้าเรือนภพที่ต้องการดูโคจรเป็นโยคเกณฑ์ดีกับลัคนา และมีศุภเคราะห์ให้คุณอย่างแข็งขัน

    ท่านว่า..แม้นอนเจ็บใกล้จะตาย ก็จะมีคนนำลาภเกี่ยวกับภพนั้นๆมาให้จนถึงเตียงนอน

    ดาวบาปเคราะห์โคจรให้โทษ
    ๑..
    บาปเคราะห์ที่โคจรเข้าเรือน เดิมสถิตทุสถานะภพ หรือเป็นกาลกิณี "พึงระวังให้มาก" จะมีเ
    รื่องยุ่งยากเกี่ยวกับเรือนนั้นๆ
    ๒..บาปเคราะห์โคจรเข้าบีบ หรือ เล็ง เรือน จะให้โทษ และนำผลร้ายมาให้ (ศุภเคราะห์จะมีผู้ส่ง
    เสริมอุปถัมภ์ช่วยเหลือ)
    ๓..บาปเคราะห์โคจรเป็นโยคเกณฑ์ร้ายกับดาวลอยในเรือนต่างๆ จะเกิดเรื่องสูญเสียและขัดข้องเกี่ยวกับเรือนนั้นๆ (ศุภเคราะห์จะนำลาภมาให้)

    พิจารณาภพที่จะดูว่าเจ้าเรือนโคจรอยู่ที่ใด
    ก..โคจรเข้าทุสภานะภพ หมายถึง การสูญเสีย แม้ว่า..จะมีโยคเกณฑ์ดีจากศุภเคราะห์ ก็จะให้ผลในทางล่าช้า ได้มาเสียไป หรือได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
    ข..โคจรเป็นโยคเกณฑ์ดีกับลัคน์ ย่อมให้คุณ
    ค..โคจรเป็นโยคเกณฑ์ดี แล้วมีศุภเคราะห์โคจรให้คุณในมุมต่างๆ บ่งบอกว่าจะได้ลาภในระยะนั้น
    ง..โคจรเป็นโยคเกณฑ์ดี แต่มีบาปเคราะห์โคจรให้ร้ายในมุมต่างๆ ระวังจะสูญเสีย
    จ..โคจรร่วมกับดาวที่อยู่เป็นโยคเกณฑ์ดีแก่เจ้าเรือนภพนั้นในดวงเดิม ย่อมให้คุณ

    ต้องดูลัคนาด้วยว่า..มีบาปเคราะห์โคจรเป็นโยคเกณฑ์ร้ายหรือเปล่า เช่น ดาว ๗ เล็ง หรือ ดาว ๓ ทับ หรือบาปเคราะห์ตรีโกณถึงลัคนาทุกจุด
    "พึงระวัง อาจมีเหตุผันแปร ทำให้ลาภกว่าจะได้ เนิ่นนาน ชักช้า หรือเป็นแต่เพียงข่าวดีแล้วเลื่อนลอยหายไป"

    การทายมหาทักษาจร
    มหาทักษาจร หมายถึง เมื่ออายุล่วงไปเท่านั้น พระอะไรเสวยอายุ และพระอะไรแทรก
    ในตำรามหาทักษา กล่าวว่า..
      เทวดา(ดาวพระเคราะห์)ที่เป็นบาปเคราะห์เสวยอายุ มักจะร้อนใจ
    ถ้าถูกเทวดาที่เป็นบาปเคราะห์แทรก.......จะเกิดโทษ
      เทวดาที่เป็นศุภเคราะห์เสวยอายุ..........จะเกิดผลดี
    ถ้าถูกเทวดาที่เป็นศุภเคราะห์แทรก....จะเกิดผลลาภใหญ่
    วิธีใช้ คือ ในอายุของคนรอบนั้น พระอะไรเสวยอายุ พระอะไรแทรก แล้วนำมาประกอบกับดาวโคจรอย่างหนึ่ง ทักษาจรอย่างหนึ่ง ดังเช่น
    ๑..พระ ๓ เสวยอายุ ก็ดูดาว ๓ ในพื้นดวงชะตากำเนิดว่า..ให้โทษหรือให้คุณ
    ๒..ดูดาว ๓ โคจรในระยะนั้นว่า..ให้โทษหรือให้คุณ
    ๓..ดูทักษาจรว่า..ในปีที่ดาว ๓ เสวยอายุนั้น ดาว ๓ ในภูมิทักษา เป็น เดช,ศรี,มนตรี ฯ, กาลกิณีหรือเปล่า

     
    ตัวอย่าง ลัคน์อยู่สิงห์
    ดาว "จร" มาประชุมรวมกันในราศีพฤษภภพกัมมะ ถึง ๗ ดวง พยากรณ์ว่า..น่าจะ มีโชคดี เพราะมีดาวจรเข้าภพกัมมะถึง ๗ ดวง แต่ก็ไม่เห็นได้ดีอะไร

    ท่านว่า..มีเจ้าที่จอมนักเลง และ เจ้าแห่งความทุกข์ เป็นโยคเกณฑ์ร้ายขัดขวางอยู่ถึง ๒ ดวง จะไปได้ดิบได้ดีอะไร 
    ภพกัมมะมีดาว ๘ "จร"สถิตอยู่ก่อนแล้ว เป็นโยคเกณฑ์ร้ายกับลัคน์
    ดาว ๗ เจ้าเรือนอริ "จร"อยู่ราศีกุมภ์ เล็ง ลัคนาอยู่
     
    ดาวเคราะห์โคจรสมาสัปต์ คือ ทำให้เกิดปฎิกิริยาอย่างเต็มที่
    ตัวอย่าง
    ดาว ๑ "จร" ทับดาว ๓ เดิม และดาว ๓ "จร" ทับดาว ๑ เดิม
    ความแตกหักในด้านเรือนชะตาจะเกิดอย่างแน่นอน
    ตัวอย่าง
    ดาว ๕ "จร" ทับดาว ๑ เดิม และดาว ๑ "จร" ทับดาว ๕ เดิม
    ความดีตามความหมายของเรือนชะตาและของดาว เคราะห์จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน 
    ขยายความเรื่องดาวโคจรสมาสัปต์ (น่าจะเรียกว่า..ดาวสัปยุทธ์กัน)
    เช่น ดาว ๓ "จร" ต้องดาว ๑ เดิม ต้องพิจารณาดูว่า ขณะนั้นดาว ๑ กำลัง "จร" อยู่ที่ไหน ราศีอะไร ภพอะไร
    ถ้าดาว ๑ "จร" ทับดาว ๕ เดิมอยู่ ความร้ายจะเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะดาว ๑ จรทับศุภเคราะห์อยู่
    ดาว ๑ "จร" ทับบาปเคราะห์ ความร้ายก็จะเกิดขึ้นจริง
    หรือดาว ๔ "จร" ทับดาว ๒ เดิมอยู่ ควรจะพยากรณ์ว่า..จะเกิดผลดี
    แต่..ขณะเดียวกันนั้นดาว ๒ "จร" เข้าที่เสีย คือ ทับดาวบาปเคราะห์ ผลดีก็จะเกิดขึ้นไม่ได้
    ในกรณีนี้ พิจารณาได้ว่า..
      ดาวบาปเคราะห์จรทับดาวเคราะห์ใด และดาวเคราะห์นั้นจรทับบาป
    เคราะห์ จึงจะให้โทษ แต่ถ้าทับศุภเคราะห์ ก็ไม่ให้โทษ
      ดาวศุภเคราะห์จรทับดาวเคราะห์ใด และดาวเคราะห์นั้นจรทับบาปเคราะห์ ศุภเคราะห์ที่จรนั้นไม่ให้คุณ แต่ถ้าทับศุภเคราะห์ ก็ให้คุณตามความหมายของเรือนและของดาวเคราะห์นั้น

     

    การพยากรณ์ดวงชะตาจร

    หลักของการพยากรณ์ดวงจร ใช้หลักดาวเคราะห์เดิมนั่นเอง เพราะมีความหมายเหมือนกัน คือ เรือนชะตาเป็นตัวเรื่อง ดาวเคราะห์เป็นตัวแสดงเรื่อง กระแสสัมพันธ์ระหว่างดาวเคราะห์และเรือนชะตาเป็นส่วนประกอบทั้งหลายของเรื่องราวที่ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆ

    ๑  เรือนชะตาเป็นตัวเรื่อง
    หมายความว่า..ภายในเรือนชะตานั้นๆ บ่งถึงเรื่องอะไร และเรือนชะตาเรื่องนั้นมีเหตุและผลเป็นอย่างไร ต้องอาศัยดาวเคราะห์ที่โคจรมาเข้าเรือนนั้นแสดงเหตุ และแสดงผล
    ดาวเคราะห์แสดงเหตุ หมายความว่า..ดาวเคราะห์ที่โคจรเข้ามานั้นเป็นเจ้าเรือนภพใด ก็จะเป็นเหตุมาจากเรือนชะตานั้น คือ เรือนชะตานั้นเป็นตัวแสดงเหตุ
    ดาวเคราะห์แสดงผล
    ..............................
    หมายความว่า..ดาวเคราะห์ที่สถิตในพื้นชะตาเดิมนั้นเป็นเจ้าเรือนภพใด ก็จะเป็นผู้ได้รับผลจากดาวที่โคจรมาเป็นเหตุ ดาวเคราะห์ดวงนั้นเรียกว่าเป็นตัวรับผล(ดู ex.ที่ ๓)
    ๒  ดาวเคราะห์เป็นตัวแสดงเรื่องของเรือนชะตา
    เมื่อทราบว่าเรือนชะตาบ่งถึงเรื่องอะไร มีเหตุและผลเป็นอย่างไร การพยากรณ์เกี่ยวกับดาวจรก็เหมือนกับดาวเดิมดุจกัน คือ ดาวเคราะห์เป็นเครื่องแสดงนิสัยและความเป็นไปแห่งเรือนชะตาเท่านั้น

      ดังนั้น การพยากรณ์ก็เอาดาวเคราะห์ที่เข้ากันได้ หรือดาวเคราะห์ที่เข้ากันไม่ได้ คือ ศุภเคราะห์และบาปเคราะห์
      ดาวศุภเคราะห์ย่อมเป็นมิตรกันเอง และจะเป็นศัตรูกับบาปเคราะห์ ดาวบาปเคราะห์ย่อมเป็นศัตรูกันเอง และเป็นศัตรูกับศุภเคราะห์
      ดูเรื่องระยะเชิงมุมที่เป็นโยคเกณฑ์ดี,ร้ายจากศุภเคราะห์และบาปเคราะห์ การให้คุณและโทษเป็นอย่างไรจะง่ายกว่า

    ตัวอย่างที่๑
    ดาว ๑ กุมลัคน์ พยากรณ์ว่า..เจ้าชะตาเป็นคนใจร้อน จู้จี้จุกจิกขี้บ่น อยู่ไม่ติดที่
    ถ้าดาว ๑ ไม่ได้กุมลัคน์ "จร" มาทับลัคน์ พยากรณ์เหมือนกับดาว ๑ กุมลัคน์ แต่เป็นเพียงชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น ประมาณ ๑๔ วัน ก่อนทับลัคนา สนิทองศา ๗ วัน และหลัง ๗ วัน
    ถ้าดาวเคราะห์ไม่ได้จรทับลัคน์ แต่มีโยคเกณฑ์ถึง ก็ทำให้เกิดปฎิกิริยาขึ้นได้เช่นเดียวกัน

    ดาวเคราะห์ "จร" ทับ หรือ มี "โยคเกณฑ์" ถึงดาวเคราะห์ในดวงเดิม ก็ทำให้เกิดปฎิกิริยาขึ้นได้

    ตัวอย่างที่ ๒
    ดาว ๑ "จร" ทับดาว ๑ ในดวงเดิม หรือมี "โยคเกณฑ์" ถึงดาว ๑ ในดวงเดิม พยากรณ์ว่า..เจ้าชะตาจะต้องมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ อยู่ไม่ติดที่หนักขึ้นไปอีก อาจจะถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับเอาเลยทีเดียว ถ้ามีบาปเคราะห์ "เบียน" ดาว ๑ หลายดวง (มีระยะเชิงมุมเป็นโยคเกณฑ์ร้าย)
      ดาวเคราะห์ที่ "จร" เป็นเจ้าเรือนภพใด เรื่องของเรือนชะตานั้นๆ..เป็นตัวแสดงเหตุ..
      ดาวเคราะห์ที่ สถิตในดวงเดิม เป็นดาวเจ้าเรือนภพใด เรื่องของเรือนนั้นๆ..เป็นตัวแสดงผล..
    ตัวอย่างที่ ๓
    ลัคน์อยู่มีน ดาว ๔ เป็นดาวเจ้าเรือนภพปัตนิ ดาว ๕ เป็นดาวเจ้าเรือนภพกัมมะ
    ดาว ๕ "จร" ต้องดาว ๔ เดิม พยากรณ์ว่า..กิจการงานที่กระทำอยู่ "เป็นเหตุ" ให้เจ้าชะตาได้ พบกับ "ตัวแสดงผล" คือ คู่ครอง
    ดาว ๔ "จร" ต้องดาว ๕ เดิม พยากรณ์ว่า..คู่ครอง "เป็นเหตุ" ให้เจ้าชะตามีหรือได้ "ตัวแสดงผล" คือ การงาน (หรือ การลงทุน,เข้าหุ้น, เอกสารสัญญา "เป็นเหตุ" ให้เจ้าชะตามีหรือได้ " ตัวแสดงผล" คือ กิจการงาน)

    EX. case study
    ลัคน์อยู่เมษ ดาว ๖ เป็นเจ้าเรือนภพกฎุมพะ ดาว ๕ เป็นเจ้าเรือนภพศุภะ,วินาศ
    ดาว ๖ "จร" เป็นศรี เป็นเกษตร ทับดาว ๕ เดิมเป็นมนตรีในภพกฎุมพะ ซึ่งมีดาว ๘ โคจรอยู่ก่อนแล้ว พยากรณ์ว่า...การเงินของเจ้าชะตาจะมีโชคลาภแน่นอน "เป็นเหตุ" ให้เจ้าชะตาได้พบกับ "ตัวแสดงผล" คือ ความเป็นอยู่ที่ดีในครรลองชีวิตประจำวันซึ่งไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก แต่ผลของมันไม่ปรากฎ เพราะมีดาวราหูโคจรอยู่ในภพกฎุมพะเช่นเดียวกัน วาสนายังไม่ดี มีราหูขัดคออยู่
    ตัวอย่าง
    ลัคน์อยู่พฤษภ ดาว ๑ เป็นดาวเจ้าเรือนภพพันธุ ดาว ๗ เป็นดาวเจ้าเรือนภพกัมมะ
    ดาว ๑ "จร" ต้องดาว ๗ เดิม
    .............
    พยากรณ์ว่า..พ่อแม่ หรือ ผู้ใหญ่ "เป็นเหตุ" ให้เจ้าชะตาได้พบ กับ "ตัวแสดงผล" คือ เรื่องยุ่งยาก,วุ่นวายที่ เกี่ยวกับการงาน ทำให้ต้องพบกับความเดือดเนื้อร้อนใจอยู่ไม่ติดที่ ต้องไปปลดปล่อยอารมณ์กับเลขาหน้าห้อง หรือไม่ก็ไปดื่มเหล้าเบียร์เพื่อให้หายกลุ้มใจ
    ดาว ๗ "จร" ต้องดาว ๑ เดิม
    พยากรณ์ว่า..กิจการงานหรือการกระทำของเจ้าชะตา "เป็นเหตุ" ทำให้เจ้าชะตาได้พบ "ตัวแสดงผล" คือ พ่อแม่ หรือ ผู้ใหญ่ของเจ้าชะตา ได้รับความเดือดร้อนยุ่งยากอย่างหนักหนาสาหัส
    ตัวอย่าง
    ลัคน์อยู่พฤษภ ดาว ๓ เป็นดาวเจ้าเรือนภพปัตนิ ดาว ๗ เป็นดาวเจ้าเรือนภพศุภะ
    ดาว ๓ "จร" ต้องดาว ๗ เดิม พยากรณ์ว่า..เพศตรงข้าม "เป็นเหตุ" ทำให้เจ้าชะตาได้พบ "ตัวแสดงผล" คือ ความสุขในครรลองชีวิตประจำวัน ต้องประสบความยุ่งยากและวุ่นวาย

    สาระสำคัญของตัวอย่างข้างบน คือ

    ดาวศุภเคราะห์กับดาวศุภเคราะห์ ให้คุณ
    ดาวศุภเคราะห์กับดาวบาปเคราะห์ ขัดแย้งกัน
    ดาวบาปเคราะห์กับดาวบาปเคราะห์ ให้โทษ

    กฎเกณฑ์การพยากรณ์ดาวเคราะห์จร
    ๑..ดาวเคราะห์ที่ "จร" มาต้องกัน จะให้คุณหรือให้โทษ จะเกิดปฎิกิริยาได้ ต้องมีดาว ๑ "จร" เป็น ๑,๓,๕,๗,๙,๑๑ แก่ดาวเหล่านั้นก่อน 
    ๒..ดาวเคราะห์ที่ "จร" มาต้องกัน ถ้าเป็นธาตุเดียวกัน และ เป็นบาปเคราะห์ จะให้โทษแก่เจ้าชะตาอย่างหนัก (ศุภเคราะห์จะเกิดผลดี ถ้าเป็นธาตุเดียวกันก็ไม่ให้โทษ ท่านว่า..เพียงแต่
    เคลื่อนไหวตัวมากขึ้น)
    ๓..ดาวที่ "จร" มาต้องกันนั้น ถ้าเป็นดาวเจ้าเรือน สหัชชะ ลาภะ หรือเป็นดาวที่สถิตอยู่ในภพดังกล่าว ท่านว่า..ถ้าให้คุณก็ให้มาก ถ้าให้โทษก็ให้น้อย
    ๔..ดาวที่ "จร" มาต้องกันนั้น ถ้าเป็นดาวเจ้าเรือน หรือ สถิตอยู่ในเรือน อริ,มรณะ,วินาศ ท่านว่า..ถ้าให้โทษก็ให้มาก ถ้าให้คุณก็ให้น้อย
    ๕..ดาวที่ "จร" มาต้องกันนั้น ถ้าเป็นดาวเจ้าเรือน หรือ สถิตอยู่ในเรือน ตนุ,กฎุมพะ,พันธุ,
    ปุตตะ,ปัตนิ,ศุภะ,กัมมะ ท่านว่า..ให้คุณกลางๆ ให้โทษกลางๆ
    (ต้อง หมายถึง มีระยะเชิงมุมเป็นโยคเกณฑ์ถึงกัน)
    ตัวอย่าง
    ลัคน์อยู่เมษ ดาว ๖ เป็นดาวเจ้าเรือนกฎุมพะ ดาว ๕ เป็นดาวเจ้าเรือนศุภะ เป็นศุภเคราะห์ทั้งคู่
    ดาว ๕ "จร" ทับดาว ๖ เดิม
    ..................................
      พยากรณ์ทางเรือนชะตา(ภพผสมภพ)ว่า..โชคลาภและความสำเร็จ "เป็นเหตุ" ทำให้เจ้าชะตาได้พบ "ตัวแสดงผล" คือ เรื่องเงินๆทองๆ
      พยากรณ์ผสมกับความหมายของดาวเคราะห์ว่า..โชคลาภและความสำเร็จของเจ้าชะตาเกิดจากสติปัญญาบริสุทธ์อย่างแท้จริง ทำให้เป็นคน มั่งมีทรัพย์สินเงินทองอันเป็นกิเลสของนอกกาย
    หรือ (ความสำเร็จทางการ เงินของเจ้าชะตาเกิดจากสติปัญญาและความโลภ) หรือ (ความสำเร็จเรื่องเงินๆทองๆของเจ้าชะตาเพราะผู้ใหญ่อนุเคราะห์ด้วยความเสน่หา)


    • Update : 27/7/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch