ก า ร เ ริ่ ม เ ลี้ ย ง น ก ก ร ะ ท า
1. โดยซื้อพันธุ์นกกระทา จากฟาร์มที่เพาะลูกนกกระทาขายซึ่งมักจะขายลูกนกกระทาเมื่อมีอายุประมาณ 18 วัน |
2. โดยซื้อไข่มีเชื้อมาฟักเอง ซึ่งไม่ค่อยจะนิยมกันนัก มักจะซื้อตัวลูกนกมาเลี้ยง |
|
ก า ร เ ก็ บ รั ก ษ า ไ ข่ ฟั ก
ไข่นกกระทาที่นำมาใช้ฟัก หมายถึงไข่ที่เก็บจากแม่นกที่ได้รับการผสมพันธุ์จากพ่อนกแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ และหลังจากนำพ่อนกออกมาจากการผสมพันธุ์แล้วไม่เกิน 1 สัปดาห์
ไข่นกกระทาที่จะนำมาฟักนั้น หากไม่ได้นำเข้ามาฟักทันทีในแต่ละวัน จำเป็นต้องรวบรวมไว้ก่อน ซี่งมีวิธีการเก็บรักาาไข่ให้เชื้อยังแข็งแรงดังนี้
|
1. |
เก็บไว้ในที่มีอากาศเย็น และสะอาดไม่อับชื้น |
|
2. |
เก็บไว้ในที่มีอากาศถ่ายเทหมุนเวียนได้ดี |
|
3. |
หากสามารถทำได้ ควรเก็บไข่ไว้ในที่อุณหภูมิประมาณ 50-60 องศาฟาเรนไฮต์ ความชื้นสัมพัทธ์ 70% |
|
4. |
ไม่ควรเก็บไข่ฟัก ไว้นานเกิน 7 วัน เพราะจะทำให้การฟักออกเป็น ตัวลดลง |
เนื่องจากสีของเปลือกไข่นกกระทามีหลายสี มีจุดลายสีดำ สีน้ำตาล สีอื่นๆ ฯลฯ ซึ่งอาจจะยากต่อการส่องไข่เพื่อดูจะดูว่าเป็นไข่มีเชื้อหรือไม่ หรือเชื่อตาย ดังนั้นหากต้องการล้างเอาสีล้างเอาสีของเปลือกไข่ออกเสียก่อน จะทำได้ดังนี้
|
1. |
จุ่มไข่ลงในน้ำยาสารควอเตอร์นารี แอมโมเนี้ย ที่มีอุณหภูมิ 85 - 95 องศาฟาเรนไฮต์ |
|
2. |
ใช้ฝอยขัดหม้อขัดเบาๆให้สีของเปลือกไข่หลุดออกมา |
|
3. |
ปล่อยไข่ไว้ให้เปลือกไข่แห้ง จึงเก็บรวมนำไปฟักต่อไป |
|
วิ ธี ฟั ก ไ ข่ น ก ก ร ะ ท า
นกกระทาฟักไข่เองไม่ได้เช่นเดียวกันกับไก่พันธุ์ไข่ทั่วๆ ไปจึงจำเป็นต้องใช้ตู้ฟักไข่ นกกระทา ซึ่งใช้เวลาฟักประมาณ 16 - 19 วัน
ก่อนที่จะนำไข่เข้าตู้ฟัก จะต้องทำความสะอาดตู้ฟักให้ดี แล้วรมฆ่าเชื่อ โรคในตู้ฟัก ใช้ด่างทับทิม 6 กรัมต่อฟอร์มาลินลงที่ขอบของภาชนะให้ฟอร์มาลินค่อยๆไหลลงไปทำปฎิกิริยากับด่างทับทิมจากนั้นรีบปิดประตูตู้ฟัก ( หากเป็นตู้ไข่ไฟฟ้า เปิดสวิทช์ให้พัดลมหมุนด้วย )ปล่อยให้ควันรมอยู่ในตู้ประมาณ 20 นาที จึง ค่อยเปิดประตูและช่องระบายอากาศให้กลิ่นหายไปจากตู้
หากเก็บไข่ฟักไว้ในห้องที่มีความเย็น จะต้องนำไข่ฟักมาพักไว้สัก 2 ชั่วโมง เพื่อให้คลายความเย็นจนกว่าไข่ฟักจะมีอุณหภูมิปกติ จึงค่อยนำเข้าตู้ฟัก
การวางไข่ในถาดฟักควรวางด้านปานของฟองไข่ขึ้นด้านบนเสมอ
หากใช้ตู้ฟักไฟฟ้า ใช้อุณหภูมิ 99.5 องศาฟาเรนไฮต์ จะสูงต่ำกว่านี้ก็ไม่ควรเกิน 0.5 องศา ความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 70% ในช่วง 15 วันแรก และควรเพิ่มความชื้นเป็น 90 - 92 องศาฟาเรนไฮต์ในช่วงตั้งแต่ วันที่ 16 จนลูกนกฟักออก
สำหรับการกลับไข่ ควรกลับไข่ไม่น้อยกว่าวันละ 3 ครั้ง ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มฟักจนถึงวันที่ 14 หลังจากนี้ให้หยุดกลับไข่เพื่อเตรียมไข่สำหรับการฟักออกเป็นตัวของลูกนก
เมื่อฟักไข่ไปได้แล้ว 7 วัน ควรส่องไข่เพื่อตรวจดูว่ามีเชื้อหรือเชื้อตายหรือไม่และส่องดูไข่อีกครั้งเมื่อครบ 14 วัน ก่อนที่จะนำไข่ไปเข้าตู้เกิด เพื่อเตรียมการฟักออกของลูกนก หรือจะส่องไข่เพียงครั้งเดียวเมื่อฟักครบ 14 วัน แล้วก็ได้
ปั จ จั ย ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั บ ผ ล ข อ ง ก า ร ฟั ก ไ ข่
:: การทำให้ไข่ฟักมีเชื้อ ::
1. ช่องระยะเวลาที่เอาตัวผู้เข้าผสม ตามปกติไข่อาจมีเชื้อได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการผสมพันธุ์ หากผสมแบบธรรมชาติ หรือผสมแบบฝูง ราว 3- 5 วัน ให้เก็บไข่ไปพักได้ ถ้าเป็๋นฝูงใหญ่ ควรปล่อยตัวผู้ไว้ประมาณ 1 สัปดาห์จึงค่อย เก็บไข่ไปฟัก ทั้งนี้ในการผสมพันธุ์ถ้าเราเก็บไข่ไปเข้าฟักเร็วเกินไปทำให้ได้ไข่ไม่มีเชื้อมาก
2. ฤดูกาล ฤดูฟักไข่ในเมืองไทยควรเริ่มตั้งแต่ปลายฤดูไปจนถึงเดือน มีนาคม ซึ่งโอกาสที่เชื้อแข็งแรงและผสมติดจะมีมากกว่าในฤดูร้อน เนื่องด้วยสัตว์ปีกมีอัณฑะอยู่ในร่างกายที่มีอุณหภูมิสูงอยู่แล้ว ดังนั้นหากอากาศภายนอกสูงกว่า 94 องศาฟาเรนไฮต์ จะทำให้ตัวอสุจิเสื่อมสมรรถภาพและเป็น หมันชั่วคราว ฉะนั้นในฤดูร้อนจึงมักจะมีเชื้อต่ำกว่าฤดูธรรมดา
3. อาหาร ในฤดูผสมพันธุ์ ควรใช้อาหารที่มีคุณภาพดี มีโภชนะ บริบูรณ์แก่พ่อแม่พันธุ์อย่างพอเพียง การให้อาหารที่ขาดวิตามินอื่น เป็นเวลานานๆ หรือพ่อพันธุ์อย่างเพียงพอ การให้อาหารที่ขาดวิตามินอี หรือวิตามิน อื่น เป็นเวลานานๆ หรือพ่อพันธุ์กินอาหารไม่เพียงพอย่อมมีผลต่อสุขภาพ ทำให้พ่อพันธุ์นั้นให้เชื้อที่ไม่แข็งแรง พ่อ- แม่ที่ใช้ทำพันธุ์ควรให้อาหารที่มีโปรตีนสูง กว่าระยะไข่ คือ มีโปรตีนประมาณ 24 %
4. การผสมพันธุ์ พันธุกรรมมีผลต่อการมีเชื้อและการฟักออก การผสมเลือดชิดหลายๆชั่ว ( genneration ) จะทำให้ความสมบูรณ์พันธุ์ของไข่ลดลง เพราะถ่ายทอดลักษณะที่อ่อนแอมาด้วย
ตารางที่ 2 แสดงช่วงอายุการฟักออกเป็นตัว และการทำงานของตู้ฟัก สำหรับการฟักไข่ไก่ ไข่เป็ด และไข่นกกระทา
|
ไก่
|
เป็ด
|
นกกระทา
|
อายุฟัก (วัน)
อุณหภูมิ (องศาฟาเรนไฮต์, ตุ้มแห้ง)*
ความชื้น (องศาฟาเรนไฮต์, ตุ้มเปียก)*
ไม่ควรกลับไข่หลังจากวันที่ ...........................
อุณหภูมิในช่วง 3 วันสุดท้ายของการฟัก (องศาฟาเรนไฮต์, ตุ้มเปียก)*
เปิดช่องระบายอากาศ 1/4
|
21
99.75
85-87
19
90-94
10 วัน
|
28
99.5
84-86
25
90-94
12 วัน
|
17
99.75
84-86
15
90-94
8 วัน
|
หมายเหตุ * ในกรณีใช้เครื่องวัดความร้อนและความชื้นแบบตุ้มแห้ง-ตุ้มเปียก
ที่มา : สุภาพร, 2539
:: อาหารนกกระทา ::
อาหารที่ใช้เลี้ยงนกกระทาจะแตกต่างกันไปตามช่วงอายุ และประเภทของการให้ผลผลิต เช่น เพื่อเป็นนกเนื้อ หรือนกไข่ ดังนั้นอาหารที่ใช้เลี้ยง ในแต่ละช่วงอายุ จะต้องเป็นอาหารที่มีคุณภาพดี ราคาถูกมีหลายสูตรให้เลือก ตามความเหมาะสม ตามฤดูกาล และวัตถุดิบ
อาหารที่ใช้เลี้ยงนกกระทา อาจใช้
1. อาหารสำเร็จรูป
2.ใช้หัวอาหารผสมกับวัตถุดิบ
3.ใช้วัตุดิบผสมเอง ซึ่งมีสูตรต่างๆ ดังนี้
ตารางที่ 3 สูตรอาหารนกกระทาที่อายุต่างๆ
วัตถุดิบ
|
จำนวน (กิโลกรัม)
|
0-2 สัปดาห์
|
3-4 สัปดาห์
|
5-6 สัปดาห์
|
7 สัปดาห์ - ไข่
|
ข้าวโพด
รำละเอียด
กากถั่วเหลือง (43%)
ปลาป่น
เมทไธโอนีน
เปลือกหอย
ไดแคลเซียม (P/18)
เกลือ
พรีมิกซ์
|
64-62
-
32.62
-
0.01
1
1
0.5
0.25
|
74.03
-
22.27
-
-
0.9
136
0.5
0.25
|
51.55
40
5.5
-
-
0.7
1.5
0.5
1.25
|
67
-
23.15
-
-
7.5
16
0.5
0.25
|
รวม
|
100
|
100
|
100
|
100
|
ที่มา : สถาบันวิจัยและพัมนาสัตว์ปีกแห่งชาติ จ.ปราจีนบุรี (พ.ศ.2540)
ปริมาณการให้อาหารนกกระทาของผู้เลี้ยงแต่ละรายจะแตกต่างกันไป สำหรับลูกนกอายุ 0-4 สัปดาห์ จะกินอาหารประมาณตัวละ 220 - 230 กรัม แต่เมื่อดตขึ้นในระยะให้ไข่จะกินอาหาร วันละ 20 -25 กรัม/ ตัว ให้อาหารวันละ 2- 3 ครั้ง โดยน้ำต้องมีให้นกกินตลอกเวลา
ตารางที่ 4 ปริมาณการกินอาหารของนกกระทา
อายุนกกระทา (สัปดาห์)
|
ปริมาณอาหารที่กิน (กรัม/ตัว/วัน)
|
0-1
1-2
2-3
3-4
4-5
5-6
6-7
7-8
|
3.86
7.09
9.40
12.26
16.23
17006
16.36
17.13
|