หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    กฎแห่งกรรม - จุดจบนักต้มตุ๋น

    การโกหกหลอกลวงเป็นที่มาของการไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน คนที่ชอบโกหก จึงไม่ค่อยเป็นที่เชื่อมั่นของเพื่อนสนิทมิตรสหาย แต่การโกหกยังเป็นสิ่งที่มีอยู่มากในสังคมไทย บางคนกระทำจนกลายเป็นความเคยชิน บางคนก็แทบจะไม่รู้เลยว่า การโกหกนั้นจะให้ผลตอบแทนที่ชั่วอย่างไร กลับรู้สึกว่าการโกหกเป็นสิ่งที่ควรกระทำในบางโอกาส การคิดเช่นนี้ก็เพราะยังไม่เข้าใจกฎแห่งกรรมที่ชัดเจนนั่นเอง หากเข้าใจการทำงานของกฎแห่งกรรมแล้ว ก็จะไม่กล้าโกหกหลอกลวง แม้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสาเหตุที่จะนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานในอนาคต
           
           นายสมัยเป็นคนหนึ่งที่ชอบโกหกจนกลายเป็นนิสัย เขาเกิดที่อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด พ่อแม่พร่ำสอนเขาตั้งแต่เล็กๆว่าอย่าโกหกหลอกลวง ให้เป็นคนดี ตั้งใจเรียนหนังสือ สมัยก็เป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อแม่เสมอมา หลังจบชั้นประถมแล้ว ได้ย้ายเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพ
           
           การเรียนในกรุงเทพ ทำให้ชีวิตสมัยเริ่มเปลี่ยนไป เพราะเพื่อนที่เขาคบอยู่นั้น เป็นคนค่อนข้างเกเร ชอบหนีโรงเรียน เที่ยวเตร่ ส่งผลให้ความเป็นเด็กซื่อสัตย์ของสมัยค่อยๆจางหายไปเรื่อยๆ
           
           เมื่อเวลาผ่านไปเป็นปี สมัยจึงเปลี่ยนเป็นคนละคนกับเมื่อครั้งเข้ามาอยู่กรุงเทพใหม่ๆ นอกจากนิสัยชอบโกหกหลอกลวงแล้ว สิ่งที่ตามมาคือชอบลักขโมยด้วย แรกๆแค่ขโมยของเล็กๆน้อย แต่เมื่อใจหยาบขึ้นก็จะขโมยสิ่งของที่มีราคาแพงมากขึ้นเรื่อยๆ
           
           ยิ่งนานวันสมัยก็ยิ่งเชี่ยวชาญเรื่องการโกหกหลอกลวงมากขึ้น เขากำลังหลงผิด คิดว่าเพื่อนกลุ่มนี้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ที่คอยสอนให้เขามีวิชามารอยู่ในตัว นั่นคือวิชาโกหกหลอกลวง เขาใช้วิชานี้ไปเที่ยวต้มตุ๋นผู้อื่นอยู่เป็นประจำ ตั้งแต่เพื่อนในชั้นเรียน จนขยายไปสู่สังคมข้างนอกมากขึ้น
           
           สมัยเริ่มรู้สึกว่า การเรียนในโรงเรียนไม่ได้ ช่วยให้เขาสุขสบายขึ้นมาได้เลย ตรงกันข้าม การใช้ความสามารถพิเศษของเขากับเพื่อนๆ ไปหลอกลวงคนอื่น กลับทำให้เขามีเงินทองไปเที่ยวสนุกสนานมากกว่า ในที่สุดสมัยและเพื่อนๆ จึงตัดสินใจเลิกเรียนหนังสือ ออกมาตั้งแก๊งต้มตุ๋นหลอกลวงเอาทรัพย์สินจากคนอื่น
           
           เวลาผ่านไปไม่นาน สมัยก็มีเงินเป็นกอบเป็นกำ เขามีเงินกินเหล้าเที่ยวสนุกสนานกับเพื่อนๆ ได้ทุกวัน โดยไม่ต้องทำงานหนักอะไรเลย และไม่ได้คิดว่า สิ่งที่ตนเองทำนั้น จะสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นอย่างไร
           
           เป็นเวลาเกือบปีที่สมัยและเพื่อนโชคดีมาก ไม่ถูกตำรวจจับ เขาจึงได้ใจ คิดว่าตำรวจไม่มีความสามารถพอที่จะตามเขาทัน แต่อย่างไรก็ตาม กฎแห่งกรรมย่อมไม่มีทางปล่อยให้คนชั่วลอยนวล เพราะเมื่อถึงเวลามันย่อมทำงานของมันเอง ไม่ต้องให้ใครมาสั่ง
           
           วันหนึ่งสมัยและเพื่อนได้วางแผนหลอกผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งไปเบิกเงินจากธนาคารมาจำนวนครึ่งล้าน เพื่อจะเอาไปลงทุนทำมาหากิน เงินจำนวนนี้เป็นเงินก้อนเดียวที่เธอเหลืออยู่ หากหมดไปแล้ว เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป และนับเป็นความโชคร้ายอย่างยิ่ง เมื่อเธอได้พบกับแก๊งต้มตุ๋นหลอกลวงอย่างสมัยและเพื่อน
           
           สมัยกับพวกเข้าไปตีสนิทกับเธอ พูดจาหว่านล้อมอย่างสนิทสนมเพื่อให้เธอตายใจ หญิงสาวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถูกมนต์ขลังอะไร จึงทำให้เธอยอมมอบถุงเงินไว้กับแก๊งพวกนี้อย่างไม่เฉลียวใจ แต่เมื่อรู้ตัวอีกที ทุกคนก็หายไปแล้ว เธอร้องไห้เสียอกเสียใจอย่างมาก ไม่รู้ว่าจะไปบอกสามีที่อยู่ที่บ้านว่าอย่างไร และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับอนาคต เงินก้อนเดียวที่จะทำให้เธอและครอบครัวอยู่รอด ก็ถูกแก๊งต้มตุ๋นหลอกไปจนหมดแล้ว กระทั่งได้สติ เธอจึงไปแจ้งตำรวจ
           
           หลังได้เงินก้อนใหญ่มาสดๆร้อนๆ แก๊งของสมัยก็พากันไปเลี้ยงฉลองกินเหล้าเมายาอย่างสนุกสนานกันเต็มที่ โดยไม่ทันเฉลียวใจเลยว่า กรรมที่พวกตนก่อไว้นั้น กำลังจะตามมาให้ผลในไม่ช้านี้ คิดเพียงว่าการได้เงินมาครั้งนี้ก็คงเป็นเหมือนครั้งก่อนๆ ที่ไม่ได้มีผลชั่วอะไรตามมา
           
           พอสมัยและเพื่อนเริ่มรู้สึกเมา จึงเรียกหญิงสาวคนหนึ่งในร้านอาหารมานั่งกินเหล้าด้วย เพื่อเพิ่มความสนุกสนาน เวลาผ่านไปสักพัก หญิงสาวคนนี้ก็เริ่มออกลาย เธอใช้ความเป็นสาวออดอ้อนฉอเลาะหลอกเอาเงินของพวกเขาจนหมดเนื้อหมดตัว ทั้งเงินห้าแสนที่เพิ่งได้มา รวมถึงเงินทั้งหมดที่มีอยู่ก่อนหน้านั้นด้วย เพราะกรรมที่เคยไปหลอกคนอื่น สมัยและเพื่อนจึงถูกผู้หญิงหลอกเช่นเดียวกัน แค่นี้ยังไม่พอ ตำรวจที่ตามสืบคดีจนรู้ว่าพวกแก๊งต้มตุ๋นมากินเหล้ามั่วสุมอยู่แถวนี้ จึงเข้ามารวบตัวไปโรงพัก
           
           สมัยและเพื่อนถูกจับเข้าคุกด้วยหลายข้อหา กรรมที่พวกเขาร่วมกันก่อมานั้น ทำให้ต้องติดคุกหลายสิบปี อนาคตอันสดใสของทุกคนจึงจบลงเพียงเท่านี้ และนี่คือกรรมของคนชั่วที่เห็นกันอยู่ทั่วไปในสังคมปัจจุบัน
           
           แต่ผลแห่งกรรมชั่วที่มองไม่เห็นนั้นยังมีอีกมาก การติดคุกไม่ได้ช่วยให้กรรมชั่วของพวกเขาหมดอำนาจลงตามกฎแห่งกรรม เพราะในชาติหน้าคนเหล่านี้ยังต้องชดใช้กรรมชั่วด้วยการตกนรกหมกไหม้อีก การติดคุกเป็นเพียงได้รับผลกรรมตามกฎของสังคมเท่านั้น ยังไม่ใช่การให้ผลตามกฎของธรรมชาติ กฎของธรรมชาติถึงไม่มีใครจับได้ไล่ทัน มันก็ยังให้ผลอยู่นั่นเอง ไม่มียกเว้น

           
           ผู้ฉลาดจึงควรหลีกหนีจากกรรมทั่วทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เพราะความชั่วไม่เคยทำให้ใครมีความสุขได้จริง มีแต่นำความทุกข์มาให้ ความดีต่างหากที่ทำแล้วย่อมเกิดความสุขทั้งในชาตินี้และชาติหน้า
           
           การทำความดีถึงแม้ว่าจะต้องฝืนอำนาจของกิเลส และเป็นสิ่งที่ยาก แต่ผลของมันนั้นหอมหวนยิ่งกว่าสิ่งใด แม้ว่าบางครั้งความดีที่เราทำ คนอื่นจะมองไม่เห็นก็ตาม หรือบางกรณีความดีก็อาจให้ผลช้า ไม่ทันใจเรา หากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ควรที่จะไปย่อท้อหรือหมดหวังเสียก่อน ควรมุ่งหน้าทำความดีต่อไป เพราะสิ่งเหล่านี้ย่อมส่งผลในทางที่ดีอยู่วันยังค่ำนั่นเอง
           
           ในการพยุงความดีให้อยู่กับเราอย่างต่อเนื่องนั้น สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือการคบคนดี คบเพื่อนที่ดี คอยแนะนำชักชวนไปในทางที่ดี หากคบคนชั่ว ก็อาจจะถูกชักจูงไปในทางที่ชั่ว เหมือนเช่นนายสมัยที่คบเพื่อนชั่ว ถูกชักจูงไปในทางที่ชั่ว จนอนาคตต้องจบลงอย่างน่าเสียดาย
           
           (จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 113 เมษายน 2553 โดย มาลาวชิโร)


    • Update : 19/7/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch