หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    เที่ยวทั่วไทย-อุทยานแห่งชาติทับลาน

    อุทยานแห่งชาติทับลาน

    ------------------------

                การล่องแก่ง จะมีรถนำไปจนถึงบริเวณที่จุดปลายของการล่องแก่งคือ ริมแก่งวังไทร ซึ่งที่จุดนี้มีลานจอดรถของอุทยาน มีต้นไทรที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ เสด็จมาล่องแก่งเมื่อ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๒ ได้ทรงปลูกเอาไว้ ต้นเริ่มโตแล้ว แก่งวังไทรนี้จะเป็นแก่งสุดท้ายของการล่องแก่ง แต่บางคนอาจจะตกลงขอเลยไปอีกแก่งหนึ่งคือ แก่งงูเห่า แต่ปกติแล้วจะล่องกันแค่แก่งวังไทร กำลังสนุกไม่เหนื่อยนัก จากจุดจอดรถจะเตรียมแต่งตัวล่องแก่ง ใส่เสื้อชูชีพ ใส่หมวก ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้เสร็จ เราเองต้องนุ่งกางเกงขาสั้นจะเหมาะที่สุด ใส่รองเท้าผ้าใบ (ไปถอดเมื่อลงเรือแล้ว เดินสบายกว่าใส่รองเท้าแตะ) จากนั้นก็เดินหน้าเข้าอุทยาน ขึ้นไปตามทางเดินขึ้นเขาแต่ค่อย ๆ ไต่ ประมาณ ๓ กิโลเมตร จะถึงลานแก่งหินเพิง  จุดเริ่มต้นของการล่องแก่ง ผมล่องแก่งแล้วจึงทราบว่าจุดอันตรายของคนสูงอายุนั้นอยู่ที่ตอนเดินนี่เอง เพราะเดินไต่ขึ้นแต่ไม่ชัน ประมาณ ๓ กิโลเมตร ผมใช้วิธีเดินช้า ๆ เหนื่อยก็พัก ป่าร่มรื่นสวยงามนัก
                ส่วนเรือยางจุ ๘ - ๙ คนนั้น ทหารเพียง ๒ คนเท่านั้นแบกขึ้นไป หากรีสอร์ทที่ใช้ชาวบ้านจะต้องยุบลงก่อนแล้วใช้ไม้แบกหามขึ้นไป บางรีสอร์ทใช้คนคัดหัวคนเดียว ให้ลูกทัวร์คัดท้ายกันเอง
                พอลงน้ำก็เริ่มที่แก่งแรกคือแก่งหินเพิง ซึ่งยาวประมาณ ๑๕๐ เมตร ผ่านแล้วก็จะสู่บริเวณลำน้ำใสใหญ่ที่ไม่มีแก่ง จะดูพื้นน้ำเรียบแต่ความจริงไหลแรงข้างใต้น้ำ ต่อมาผ่านแก่งหนามล้อม แก่งวังบอน แก่งลูกเสือ แก่งวังยาว และสุดท้ายคือแก่งวังไทร ตอนผ่านแต่ละแก่งนั้นสนุกอย่าบอกใครเชียว แต่ขอให้เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าหน้าที่บริการจะปลอดภัย ๑๐๐% การล่มเรือเพื่อความสุขอย่าทำกระแสน้ำข้างใต้นั้นแรง พอล่องเสียทีหนึ่งก็หายกลัวอ้ายที่กลัวเพราะถูกขู่จากใครต่อใคร ปีนี้ผมจะไปล่องอีก การบริการอาหารตามรายการทัวร์ของเขา ๔ มื้อนั้นนับว่าดีเยี่ยม อาหารมากและอร่อยทุกมื้อเช่นมื้อเช้า จะมีกาแฟ ปาท่องโก๋ ข้าวผัด หมี่ผัด ข้าวต้มเครื่อง ขนมปังปิ้งทาเนย กินได้ ไม่อั้น มื้อเที่ยง มีขนมจีนแกงไก่ที่อร่อยมาก ขนมจีนน้ำยา ไก่ทอด ผัดวุ้นเส้น ผัดผัก ข้าวสวยร้อน ๆ เป็นต้น มื้อเย็นก็จะมีอาหารอร่อย ๆ อย่างนี้ตั้งเอาไว้ให้กินกันไม่อั้น แถมมีดนตรีประเภท ๑ ชิ้น ไว้ให้ฟังกัน เครื่องดื่ม เหล้า โซดา เบียร์ พวกนี้ต้องซื้อเอา ราคาไม่แพง น้ำแข็งดูเหมือนจะให้ฟรี อาหารตามสั่งของเขาก็มี ผมไปพัก ๒ คืน คือไปตั้งแต่เย็นวันศุกร์ พอเช้าวันเสาร์ก็ล่องแก่ง ตอนบ่ายผมไปเที่ยวต่อ กลับวันอาทิตย์ แวะกินเที่ยงที่เมืองปราจีนบุรี
                มาดูอาหารตามสั่ง ครัวรีสอร์ทที่สั่งให้เขาทำในมื้อเย็นวันศุกร์ ก่อนถึงมื้อตามโปรแกรมทัวร์แต่มื้ออื่นก็สั่งได้
                กุ้งพล่า ยกให้เป็นอาหารจานเด็ดเลยทีเดียว นำกุ้งมาจากแม่น้ำปราจีนบุรี กุ้งบ้านสร้าง รสแซ๊บอมเปรี้ยวอมหวานสารพัดรสที่ปรุงเข้าไว้ ลวกกุ้งให้สุกชนิดพอดีเนื้อกุ้งจะเหนียวหนึบกับแกล้ม ชั้นยอด
                ต้มยำไก่บ้าน ยกให้อีกอย่างที่รสอร่อยเลิศ ตั้งเตามาร้อน ๆ ซดน้ำชื่นใจเหลือประมาณ
                ปลากะพงทอดกรอบเหลืองที่ผิว นุ่มในเนื้อปลา ควบกับน้ำพริกหนุ่มและหน่อไม้ต้ม
                ผัดกุ่ยช่าย จากสวนผักปลอดสารพิษ ของโรงเรียนอนุบาลนาดี สวนอยู่ติด ๆ กับรีสอร์ท
                ผัดผักกะเฉดชลูดน้ำ รายการนี้ไม่มีประจำ ตามด้วยข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยกันพุงกางเลยทีเดียว
                ของหวาน กล้วยหอมของสวนในรีสอร์ท นำมาชุบแป้งทอด หอมหวาน
                ทีนี้ไป อุทยานแห่งชาติทับลานกับผมเสียที มัวแต่หลงระเริงอยู่กับการล่องแก่งที่อยากจะล่องมานานแล้ว พึ่งสมใจครั้งนี้เอง ทีนี้จะหาโอกาสล่องมันเรื่อยไป อุทยานแห่งชาติทับลาน ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ ๓๙ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๒๔ มีประวัติความเป็นมาดังนี้.-
                ในอดีตป่าลานที่อุดมสมบูรณ์อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถูกการขยายตัวของพื้นที่เกษตรกรรม โดนบุกรุกทำลายลงไปมาก ปัจจุบันเหลือป่าลานแหล่งสุดท้ายของประเทศไทย บริเวณบ้านทับลาน บ้านขุนศรี บุพราหมณ์ และบ้านวังมืด ในเขตอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เส้นทางไปอุทยานทับลาน คือไปตามถนนสายกบินทร์บุรี - ปักธงชัย คือเส้นทางไปแก่งหินเพิงนั่นเอง
    เลยทางเข้าอำเภอนาดีไปอีกประมาณกิโลเมตร ๓๑ ก็จะถึงอุทยาน ฯ อยู่ทางขวามือ
                อุทยานแห่งชาติทับลาน จะครอบคลุมพื้นที่ อำเภอปักธงชัย ครบุรี และเสิงสาง ของจังหวัดนครราชสีมา และพื้นที่อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี รวมพื้นที่ประมาณ ๑,๔๐๐,๐๐๐ ไร่ เนื้อที่ใหญ่เป็นลำดับ ๒ ของประเทศ อำเภอเสิงสาง กำลังจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแหล่งใหม่
                สภาพป่า เป็นป่าเต็งรังและป่าดงดิบซึ่งอุดมสมบูรณ์มาก มีไม้นานาชนิด เช่น ไม้เหือง พลวง แดง ประดู่ พยุง ชิงชัน ยางแดง ยางขาว ตะเคียน มะค่าโมง จำปาป่า ตะแบก "ลาน" ฯลฯ ส่วนป่าลานนั้นมีกระจัดกระจายทั่วไป จะมีมากดูกันให้ชัด ๆ ก็ตรงบริเวณที่ทำการอุทยานนั่นเอง
                ส่วนสัตว์ป่าก็ยังมีมาก เช่น ช้างป่า กระทิง กวาง เก้ง เสือโคร่ง หมีควาย กระจง แมวดาว แมวป่า กระต่ายป่า และนกชนิดต่าง ๆ
                ต้นลานชนิด CELATA ROXB เป็นชนิดเดียวกับใบลานที่มาทำคัมภีร์หรือหนังสือสมัยก่อน เป็นต้นไม้ที่แปลกกว่าไม้อื่นหลายประการ เช่นต้องเพาะด้วยเมล็ด และต้องเป็นเมล็ดที่หล่นจากต้นไม้ใหม่ ๆ หากปล่อยให้เมล็ดแห้งแล้วจะไม่งอก ช่วงงอกที่ดีที่สุดภายใน ๗ - ๑๐ วัน อายุตั้งแต่ ๒๐ ปีขึ้นไป จึงจะออกดอก ออกผล ในแต่ละต้นเมื่อออกดอกจะมีดอกมากมหาศาลคือประมาณ ๖๐ ล้านดอก และเมื่อออกดอกติดผลแล้ว ผลแก่แล้ว "ลาน" ต้นนี้ก็จะตายในปีต่อไป คือความแปลกอีกประมาณหนึ่ง อายุของลานจึงอยู่ระหว่าง ๖๐ - ๑๐๐ ปี ก็จะหมดอายุขัย ใบลานนั้นกว้างใหญ่มาก กว้างถึง ๓ เมตร ก้านก็ยาว ๓ เมตรขึ้นไป ใช้ประโยชน์ได้หมด ใบลานทำพัดใช้ในสมัยโบราณ ผมเกิดทันใช้พัดใบลาน ทำคัมภีร์ ทำหนังสือ ก้านใบเอามาสร้างบ้าน เช่น ผนังบ้าน ลำต้นทำเป็นที่นั่งเล่น ตกแต่งสวน ตาลปัด พัด งอบ ปลาตะเพียนแขวนเหนือเปล (เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักแล้ว) ฯ
                ไม่ไกลนักจากที่ทำการอุทยานมีน้ำตกห้วยใหญ่ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ งดงามมาก สูง ๕๐ เมตร กว้างประมาณ ๓๐ เมตร หน้าผาบริเวณน้ำตกโค้งนูน ๑๕๐ องศา สวยมากตรงนี้แหละ หากไปตามทางหลวงหมายเลข ๓๐๔ ที่ผ่านหน้าที่ทำการไปจนถึง กิโลเมตร๗๙ แล้วแยกเข้าทางลูกรังไปอีก ประมาณ ๖ กิโลเมตร
                ผมหมดโอกาสที่จะไปชมอุทยานแห่งนี้ได้มาก เพราะต้องเดินปีนเขาจึงจะได้ชมความงดงามของอุทยาน ผมได้ไปชมแค่น้ำตก กับป่าลานที่อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานเท่านั้น แต่เคยได้เห็นภาพที่เขาไปถ่ายกันมา ซึ่งจะไปพักค้างคืนก็ยังไม่มีบ้านพัก ต้องพักด้วยการกางเต้นท์เท่านั้น ลองติดต่อกองอุทยานแห่งชาติที่กรุงเทพ ฯ ดู  ๐ - ๒๕๗๙๐๕๒๙ และเขาบอกว่าท่องบน "เขาทุ่ง" จะสวยมาก แต่เห็นจะต้องเป็นวัยหนุ่มสาวสักหน่อย วัยใกล้ร้อยอย่าขึ้นไป เป็นลมตายบนนั้นจะลำบากต่อการเอาสังขารกลับลงมา เขาสำรวจไว้ว่ามีสัตว์ป่าดังนี้ นก ๑๔๙ ชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ๗๖ ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน ๔๘ ชนิด สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ๑๗ ชนิด และปลา ๓๑ ชนิด ส่วนที่ท่องเที่ยวคือ น้ำตกทับลาน น้ำตกห้วยใหญ่ "เขาทุ่ง" ทุ่งตู้รถไฟ น้ำตกเวฬุร้อน น้ำตกห้วยคลองภู น้ำตกวิศวะ ซึ่งผู้ที่ไปท่องเขาทุ่งมาแล้ว จะพรรณนาความงดงามไว้มาก น่าจะลองจริง ๆ แต่กลัวลำบากกับคนที่ตามไปด้วยตอนเอาสังขารผมกลับลงมา
                ร้านอาหาร ร้านนี้ต้องยอมให้ในความแปลก อร่อยอีกร้านหนึ่ง ต้องไปเที่ยวอุทยานเสียก่อน แวะวันกลับละก็เหมาะ หรือจะให้เหมาะมากขึ้นก็แวะวันไปเสียครั้งหนึ่ง วันกลับเอาอีกรอบเพราะหากินยาก
                ถ้าวันกลับ พอกลับมาถึงสี่แยกกบินทร์บุรี เลี้ยวขวาจะมาปราจีนบุรี พอเลี้ยวขวาแล้วชิดซ้ายจอดทันที ร้านน่ำเฮียงโภชนา อยู่ฝั่งซ้ายของถนน ทั้งร้านมีอยู่ ๖ โต๊ะ เจ้าของ  ๒ พี่น้องเป็นหมดทุกหน้าที่ ใครเข้าหน้าเตาก็เป็นแม่ครัวใหญ่ อีกคนก็ไปเดินเสริฟ หากวันไหนรู้ว่าคนแน่นมากแน่ เช่นวันอาทิตย์ หรือวันสุดท้ายของวันหยุด คนกลับจากบ่อนชายแดนเขมรมาแวะมาก คุณเธอก็รีบปิดร้านเร็ว ๆ ไม่รับลูกค้าแยะ ขนาดผู้ว่า ฯ มาชิมยังต้องโทรมาจอง ไม่งั้นนั่งคอยไปเถอะ (คอยบนรถ ไม่มีที่ให้นั่งคอย) ดารานักร้องใหญ่จากนครสวรรค์มาไม่มีโต๊ะนั่ง ต้องไปนั่งกินอาหารรอที่ฝั่งตรงข้ามกว่าจะมาชิมพุงเต็มไปด้วยอาหาร อะไรจะอร่อยกันนักกันหนา ถึงได้ต้องจองที่นั่งกันแบบนี้ โทร ๐๓๗ ๒๘๑๓๓๖ ลองถามดูว่าร้านเปิดไหม มีที่นั่งไหม
                อาหารจานเด็ด ผัดผักกะเฉดชลูดน้ำ ไปเกิน ๒ คน ให้สั่งทีเดียว ๒ จาน เขาเอาผักกะเฉดไปกดในน้ำไหลให้ยอดจมน้ำ แล้วเอามัดไว้กับหลัก พอ ๒ - ๓ วัน ยอดผักกะเฉดจะชลูดพ้นน้ำขึ้นมา ยอดที่ชลูดขึ้นมานี้จะไม่มีนมขาว ๆ ติดมาด้วย ตัดเอาส่วนที่ชลูดนี้มาผัดอร่อยวิเศษนัก เขาบอกว่าอย่าไปหากินที่ไหนเลย จะทำไม่ได้ จะมีแต่ที่แควหนุมานเพียงอย่างเดียว น่าเชื่อเพราะไม่เคยเห็นที่ไหนเลย
                กระดูกหมูอ่อน ทอดกระเทียมพริกไทย สั่ง ๒ จานเช่นกัน หากไปเกิน ๒ คน ไม่รู้ว่าเขาไปสรรหากระดูกหมูอ่อนมาจากไหน เคี้ยวได้กรุบกรับทุกชิ้นไป หอมฟุ้งตั้งแต่ยกมา รสพอเหมาะ กินแกล้มได้
                กุ้งแม่น้ำต้มยำ รสเปรี้ยวนำ กุ้งสดมาก เนื้อแน่นเหนียวเคี้ยวหนุบหนับ
                ปลาแดงนึ่งมะนาว เนื้อปลาขาวจั๊วะ กระเทียมโทนโรยหน้า รสเข้มข้น
                ปิดท้ายด้วยไอศกรีมเผือก อร่อยพิเศษเพราะเนื้อเผือกแยะของหวานอื่นไม่มี
                อย่าลืมว่าเขาเปิดร้านตามใจฉัน โทรถามก่อนแหละดี
                อิ่มแล้ว ก่อนกลับกรุงเทพ ฯ กลับมาแวะเที่ยวในตัวเมืองปราจีนบุรี พอข้ามแม่น้ำก็เลี้ยวซ้าย ร้าน "บ้านไออุ่น" อยู่ทางซ้ายมือของอร่อยคือ ส้มตำผลไม้ กับไอศกรีม ท้องว่างพอดี จบแล้วไปซื้อยา สบู่สมุนไพรที่โรงพยาบาลอภัยภูเบศร์
                เมื่อปลายเดือนตุลาคม ปลายฝนต้นหนาวผมได้มีโอกาสไปล่องแก่งกับเขาเป็นครั้งแรก เพราะเมื่อสมัยผมยังหนุ่ม ๆ กว่านี้หลายสิบปีนั้นเขาไม่มีการล่องแก่งกัน นอกจากล่องกันในแม่น้ำปิง หรือล่องแก่งไทรโยค (ก่อนที่จะมีการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์) ซึ่งต้องเตรียมการกันเป็นการใหญ่ ไม่เหมือนสมัยนี้ที่มีแก่งให้ล่องหลายแห่งด้วยกัน และมีที่พักอย่างดี มีผู้ประกอบการมาเตรียมการ สำหรับล่องแก่งไว้ให้อย่างเรียบร้อย สะดวกสบายไปทุกอย่าง ที่สำคัญคือความปลอดภัยสูงและสนุกมาก หรือเติมมาก ๆ เข้าไปอีกคำหนึ่ง แก่งที่ผมมีโอกาสไปล่องกับเขาเป็นครั้งแรกหรืออาจจะเป็นครั้งสุดท้ายเลยก็ได้ (หากมรณังเสียก่อน) คือ แก่งหินเพิง ซึ่งอยู่ที่อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ส่วนร้านอาหารที่อร่อยและชวนชิมในวันนี้ก็คือร้านอาหารของรีสอร์ทนั่นเอง ซึ่งเขาทำอาหารอร่อยจริง ๆ โดยแม่ครัวเอกและฝีมือจะคงที่ตลอดไปด้วย เพราะแม่ครัวเอกคือเจ้าของกิจการแก่งหินเพิงรีสอร์ทแห่งนี้ (จำชื่อให้ดี ๆ เพราะมีชื่อคล้าย ๆ กันหลายรีสอร์ท
                การติดต่อจองที่พัก ซึ่งจะรวมไปถึงการล่องแก่งในรายการนี้ด้วย หรือจะไปแบบไปเช้าเย็นกลับก็ล่องแก่งได้ทัน หรือหากจัดกลุ่มได้ตั้งแต่ ๘ คนขึ้นไป ไปวันธรรมดาก็ได้ผู้คนจะน้อย ส่วนวันหยุดนั้นจะไปเที่ยวกันแน่นขนัดเลยทีเดียว และสำหรับการล่องแก่งของ รีสอร์ทแห่งนี้ นับว่าปลอดภัยมากเพราะในวันหยุดราชการได้ใช้ "ทหาร" ที่ต้องการหารายได้พิเศษ ในวันหยุดราชการ หรือนอกเวลาราชการ (เช่นการทำสวน เลี้ยงสัตว์ ปลูกต้นไม้ ฯ) อันเป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยที่อยากให้ทหารมีอาชีพเสริมที่ไม่เบียดบังเวลาของทางราชการ รวมทั้งการฝึกอาชีพและให้อาชีพแก่ทหารที่ปลดประจำการออกไปแล้ว รีสอร์ท แก่งหินเพิงของทหารจากหน่วยที่มีกำลังพล ที่ถือว่าแข็งแรงมาก จากกองพลทหารราบที่ปราจีนบุรีมาช่วยบริการ และทหารเหล่านี้จะมาถึงรีสอร์ทในตอนเช้าของวันเสาร์ อยู่ทำงานไปจนถึงเย็นวันอาทิตย์ หรือเย็นวันหยุดราชการที่หยุดต่อเนื่อง และทำงานสำคัญคือ การแบกเรือยางจากที่จอดรถขึ้นไปยังต้นน้ำคือบริเวณแก่งหินเพิง เพื่อล่องตามน้ำลงมา และทำหน้าที่นายหัว กับนายท้ายของเรือยางที่พาท่านนักท่องเที่ยวล่องแก่งลงมา รวมทั้งการบริการต่าง ๆ ภายในรีสอร์ทจะช่วยทำหมด ทำอย่างคนมีวินัยและสุภาพเรียบร้อย "ทุกคนจึงปลอดภัย" และมีเพียงรีสอร์ทเดียวที่ขอให้ทหารไปช่วยบริการแบบนี้ ต้องถือว่าไม่เสียหายอะไรกับทางราชการ ทหารนั้นเงินเดือนน้อยเหลือทน หากินอะไรกับเขาก็ไม่ได้ ไม่มีใครเขาจ้างแบกปืนไปเพื่อรบกับใคร
                การติดต่อ ขอให้โทรติดต่อล่วงหน้าจองกันนาน ๆ จองวันนี้ไปมะรืนนี้ไม่มีทางได้ไป ฤดูกาลท่องเที่ยวเพื่อล่องแก่ง คือเดือนพฤษภาคม ไปจนถึงเดือนตุลาคม หากน้ำยังไม่มากพอ ทางรีสอร์ทเขาก็จะบอกให้ทราบเอง ผมไปเที่ยวตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๔๔ เขียนเก็บเอาไว้มาบอกกันตอนนี้ บอกแล้วท่านนึกสนุกขึ้นมาจะได้จองที่พักและโปรแกรมล่องแก่งกับเขาได้เลย ๑,๕๐๐ บาท พร้อมที่พักอย่างดี อาหาร ๔ มื้อ และการล่องแก่งมหาสนุก หรือไปเช้า เย็นกลับ ก็ราคาไม่แพง มีอาหารกล่องให้ ๑ มื้อ แบบจัดรถให้ก็มี มีหลายแบบ สรุปว่าต้องจองล่วงหน้าไม่งั้นจะหาไม่ได้แม้แต่ที่กางเต้นท์นอนแบบไปเที่ยวภูชี้ฟ้านั่นแหละ ติดต่แก่งหินเพิงแคมปิ้งรีสอร์ท (๐๓๗) ๔๐๕๖๐๘, ๔๐๕๖๑๑ และ ๐๑ ๖๖๓๒๗๗๗, ๖๖๓๒๗๗๕
                การเดินทาง หากไปจากกรุงเทพ ฯ ในเส้นทางที่ใกล้ที่สุด คือกรุงเทพ ฯ เลียบคลองรังสิต พอผ่านคลอง ๑๕ ให้อาฆาตเอาไว้ก่อนว่าขากลับจะมาแวะซื้อต้นไม้ราคาที่ถูกที่สุดในประเทศไทย และมีมากที่สุด สวนต้นไม้ขายยาวไปตามถนนที่แยกจากคลองกว่า ๙ กิโลเมตร ผ่านคลอง ๑๕ ไปผ่านอำเภอองค์รักษ์ ผ่านนครนายก ตรงเรื่อยไปทางปราจีนบุรี ผ่านสี่แยกที่เลี้ยวซ้ายจะไปเขาใหญ่ เลี้ยวขวาเข้าเมืองปราจีนบุรี ตรงสี่แยกนี้มีศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งพระองค์เคยมาพักทัพที่นี่เมื่อคราวยกทัพไปตีเขมร จับพระยาละแวกทำปฐมกรรมตัดศีรษะเอาเลือดล้างพระบาท อย่าข้ามไป ตรงต่อไปผ่านอำเภอประจันตคาม ตรงไปอีกจะถึงสี่แยกกบินทร์บุรี ก็เลี้ยวซ้ายไปยังอำเภอนาดี เมื่อถึงอำเภอนาดีแล้ว ก็เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายที่บอกว่าไปแก่งหินเพิง และตามป้ายไปเรื่อย ๆ ก็จะไปถึงแก่งหินเพิงแคมปิ้งรีสอร์ท ขอโบชัวร์ให้เขาส่งมาให้ดู แผนที่ง่ายไปถูก เจ้าของกิจการฝ่ายชายคืออดีตนายทหารแผนที่ปืนใหญ่ ทำแผนที่ไม่ผิดแน่นอน และรีสอร์ทแห่งนี้คือสวนผลไม้ที่มีพื้นที่มหาศาล แต่ทำสวนแล้วไม่ดังเพราะผลไม้ราคาจากสวนนั้นได้ราคาไม่ดี พอทำรีสอร์ทแล้วดัง เลยยกผลไม้ทั้งสวนให้แก่ผู้ที่มาพักเพื่อล่องแก่งกินฟรี มีทั้งกระท้อน ฝรั่ง มะม่วง มะยงชิด (ปีที่ผมไปยังไม่ออกลูก) และอีกหลายชนิดให้เก็บกินฟรีได้ ผมได้ชิมแค่กระท้อนห่อ และเขาขอเพียงอย่าเก็บกลับบ้านเท่านั้น ห้องพักสบายมาก มีพัดลม (แอร์ไม่ต้องใช้กลางคืนเย็นทุกฤดู) มีห้องน้ำในห้องนอน เตียงนอนอย่างดี ปลูกเรียงรายไปตามขอบอ่างเก็บน้ำ สบายมาก มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่รับน้ำจากน้ำตกภายในรีสอร์ท (มีน้ำตกเฉพาะฤดูฝน) เมื่อน้ำล้นก็จะไหลลงไปสู่พื้นที่เกษตรกรรมต่อไป มีทางจักรยานให้ขี่จักรยานในรีสอร์ท หรือออกไปนอกรีสอร์ทไปตามเส้นทางของอุทยานเขาใหญ่ แก่งหินเพิง อยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (จุด ขญ.๙) ความยากในการล่องแก่ง ๓ - ๕ มีน้ำตกที่เวลาอาบน้ำ น้ำจะวนยังกับอาบน้ำในอ่างจากุชซี่ มีหอให้โดดเพื่อโรยตัวลงมาตามสายลวดสลิง หากพลาดก็แค่ตกน้ำ เรียกเสียงกรี๊ด ๆ จากสาว ๆ ได้ดีนัก มีการไต่หน้าผา ฯ และอีกหลายกิจกรรมผมไม่ได้ไปใช้ของเขาทุกบริการ

    • Update : 17/7/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch