|
|
ความแตกต่างระหว่างโหรกับหมอดู
ความแตกต่างระหว่างโหรกับหมอดู
ทุกวันนี้สังคมค่อนข้างจะสับสนกับคำว่า "หมอดู" กับ "โหร" ต่างกันอย่างไร สื่อมักจะไม่เข้าใจว่าใครคือโหร ใครคือหมอดู แล้วแต่อารมณ์ที่จะเรียกใช้ บางท่านก็คิดว่า "โหร" เป็นคำยกย่อง หมอดูคือผู้ทำนายชะตาชีวิตธรรมดา ความจริงหมอดูกับโหรนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง
โหร คือผู้เรียนวิชาโหราศาสตร์ เรียนรู้การโคจรของดาวบนท้องฟ้า เรียกว่าดาราศาสตร์ สามารถคำนวณดาวต่างๆ ที่โคจรในแต่ละราศี กี่องศา กี่ลิปดา รู้เรื่องอธิกมาส-อธิกวาร ในรอบ 1 ปี มีดวงอาทิตย์โคจรปัดเหนือ ปัดใต้ ทำให้เกิดฤดูกาลต่างๆ ซึ่งเป็นอุตุศาสตร์ ต้องเรียนรู้ดาวฤกษ์ 27 กลุ่ม
ต้องเรียนรู้ฤกษ์ยาม หาวัน -ยาม-ฤกษ์-ราศี-ดิถี- ตามกาลโยคประจำปี ให้รู้วันดี ธงชัย อธิบดี อุบาทว์ โลกาวินาศ ต้องรู้เรื่องฤกษ์ผานาที สามารถให้ฤกษ์ปฏิวัติ ฤกษ์แต่งงาน ฤกษ์ปฏิสนธิให้ได้บุตรเป็นหญิงหรือชาย ต้องเรียนรู้ตำราพิชัยสงคราม จิตศาสตร์ แพทยศาสตร์ ล้วนอยู่ในตำราวิชาโหราศาสตร์
ฉะนั้นผู้ที่จะเป็น "โหร" ยังต้องเรียนรู้อีกมาก ทั้งภูมิศาสตร์ เคหศาสตร์ นรลักษณ์ศาสตร์ ทำให้รู้ถึงอำนาจอิทธิพลของดวงดาวที่มีอิทธิพลต่อโลกมนุษย์ โหรจะเป็นผู้รู้กาลเวลาที่จะเกิดเหตุร้ายแก่สรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาลฟ้าครอบ รวมทั้งเหตุเภทภัยที่จะเกิดขึ้นทั้งภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ ที่เกิดโดยอิทธิพลดาวและสิ่งที่มนุษย์เป็นผู้กระทำ ฯลฯ
หมอดู คือบุคคลที่ทำมาหากินกับการทำนายชะตาชีวิต ดูโชคดี โชคร้าย ให้กับคนที่มีทุกข์ เหมือนจิตแพทย์ แต่ใช้การรักษาจิต ด้วยการสะเดาะเคราะห์ รดน้ำมนต์ ปล่อยนกปล่อยปลา แล้วแต่หมอดูจะกำหนด ส่วนใหญ่จะใช้ตำราเลข 7 ตัว เลข 12 ตัว พรหมชาติ ไพ่ป๊อก ลายมือ เสี่ยงทาย เข้าทรง ฯลฯ
หมอดูจึงรู้เฉพาะเรื่องปัญหาชะตาชีวิตคน จึงต่างกับโหรที่จะต้องรู้ชะตาบ้านชะตาเมือง จะต้องใช้ศาสตร์ต่างๆ มากมายมาเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์พิจารณา ในสมัยโบราณนักโหราศาสตร์มียศถาบรรดาศักดิ์ถึงขั้นเจ้าพระยาโหราธิบดี
วิชาโหราศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้งมาก ต้องพยายามศึกษาจริงๆ เนื่องจากเป็นวิชาที่ยากหาผู้รู้จริงถ่ายทอดยาก ต้องอาศัยฝึกฝนด้วยตนเองและสืบเสาะหาตำราอย่างตั้งใจจริงจึงจะพออ่านดวงชะตาออก ซ้ำผู้รู้จริงก็ไม่ยอมเปิดเผยเคล็ดลับบอกกล่าวกันโดยตรง เป็นเหตุให้ผู้เรียนท้อถอย
การเรียนรู้วิชาโหราศาสตร์เหมือนเป็นแว่นส่องทางเดินของชีวิต เหมือนเดินทางในที่มืดเวลากลางคืน วิชาโหราศาสตร์ก็เหมือนไฟฉายส่องทางเดิน
ฉะนั้นจึงพอจะแบ่งได้ว่า "โหร" กับ "หมอดู" นั้นต่างกัน โหราศาสตร์เขาใช้สำหรับคนชั้นสูง ส่วนวิชาหมอดูเขาใช้กับคนชั้นกลางลงไป เพราะวิชาที่หมอดูใช้อยู่ทั่วไปคือ เลข 7 ตัว ไพ่ยิปซี เสี่ยงทาย ลายมือ เข้าทรง นั่งทางใน อ้างว่าใช้สมาธิ ซึ่งข้อมูลในการพิจารณาใช้การเดาลูกเดียว
คนที่จะเรียนโหราศาสตร์เพื่อเป็นโหรจะต้องรู้หลักธรรมะ พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า บุคคลใดสร้างกรรมไว้มากมาย กรรมนั้นย่อมสนองผลได้ เหมือนคนดวงดีแต่ไปอาศัยอยู่ในหมู่กลุ่มคนไม่ดี ในสถานที่นั้นมีแต่คนทำกรรมชั่ว ดาวดีก็ไม่สามารถเปล่งแสงส่งผลดีให้กับชีวิต เหมือนถูกความมืดมนบดบัง เช่นเดียวกับเมฆหมอกปกคลุมดวงจันทร์และดวงอาทิตย์
การศึกษาโหราศาสตร์ให้รู้แจ้งเห็นจริงนั้น สามารถเรียนได้เท่าเทียมกันทุกคน ไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์หรือมีบุคลิกลักษณะดีแต่ประการใด สิ่งที่จำเป็นก็คือ
1.ผู้ที่ศึกษาต้องทราบความเป็นมาของโหราศาสตร์ อย่ายึดติดกับตำราเก่าๆ ที่ไม่พัฒนา
2.อย่าลอกคำพยากรณ์เป็นดุ้นๆ ตามคำกลอนในตำรา จะไม่เหมาะกับกาลสมัย
3.พูดง่ายๆ ตามรหัสของดวงดาว
4.ทำความเข้าใจทุกแง่มุม
5.ให้สังเกตธรรมชาติในการพยากรณ์ดินฟ้าอากาศ และอาศัยโหราศาสตร์กับภูมิศาสตร์มาผสมในการพยากรณ์
6.ให้สังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกลุ่มชนทั่วไปเพื่อเป็นข้อมูลในการพยากรณ์
7.ให้สังเกตสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และสิ่งแวดล้อม ทั้งทั่วไปและรายบุคคล แบบองค์รวมนำมาประกอบในการพยากรณ์
8.ให้เอาคำพยากรณ์ที่ผ่านมาซึ่งมีความถูกต้องมาเป็นบรรทัดฐานในการวิเคราะห์พยากรณ์
9.ให้เก็บบันทึกเป็นหลักฐานสามารถอ้างอิงได้
ที่เขียนสาธยายมาเป็นวรรคเป็นเวร ก็เพื่อจะชี้ให้เห็นว่าสื่อบางประเภทชอบนำคำพยากรณ์ของใครก็ไม่รู้มาเผยแพร่ ซึ่งอ้างตนว่าเป็นโหรและสร้างความวุ่นวายให้กับสังคมและประเทศชาติ
ตัวอย่างเช่น ดวงของผู้นำประเทศ ที่นำมาวิเคราะห์พยากรณ์และมีการขัดแย้งกันเรื่องเวลาเกิด ว่าวางลัคนาอยู่ในราศีกันย์ บางคนก็ว่าไม่ใช่ น่าจะอยู่ราศีตุล บางทีก็ว่าอยู่ราศีกรกฎ
ความจริงการดูดวงคนที่เราไม่มีข้อมูลที่แท้จริงก็จะหน้าแตกได้ง่าย ผู้เขียนเองก็เคยถูกหลอกมาเยอะ ที่ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในอดีตเอาวันเดือนปีหลอกๆ มาให้พยากรณ์ จนทำให้ทำนายผิดพลาดเสียเกียรติภูมิมาแล้วหลายครั้ง จึงทำให้ต้องศึกษาเรื่องเลขศาสตร์เอาชื่อ นามสกุล ที่อยู่อาศัย นรลักษณ์มาผสม ทำให้สามารถดูได้ว่าวันเดือนปีที่ให้มาจริงหรือหลอก
อย่างดวงนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องใช้เวลาเกิดก็ดูได้ โดยใช้ดาวจันทร์ หรือดาวอาทิตย์เป็นลัคนา คนที่จะเป็นใหญ่เหนือผู้อื่นให้ดูตำแหน่งดาวในราศีทวาร ว่ามีดาวอะไรสถิตขณะเกิด ราศีทวารมี ราศีเมษ ราศีกรกฎ ราศีตุล ราศีมังกร
ในพื้นดวงชะตาเกิดของนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร มีดาวอาทิตย์ได้ตำแหน่งมหาจักรในราศีกรกฎร่วมกับดาวจันทร์มีตำแหน่งเกษตรในราศีกรกฎ และยังมีดาวพุธคู่มิตรของดาวจันทร์มาร่วมด้วย ส่วนราศีตรงกันข้ามราศีมังกรมีดาวพฤหัสบดีเป็นนิจสถิตอยู่
จึงเอาราศีกรกฎเป็นลัคนาพยากรณ์ได้ เพราะในตำราว่าไว้ ใครที่ดาวอาทิตย์อยู่ในราศีทรารจะได้เป็นใหญ่เหนือผู้อื่น ส่วนดาวจันทร์เป็นเกษตรจะได้ภรรยาดี มีอำนาจวาสนา มาช่วยสนับสนุน ดาวเสาร์ในภพปัตนิคู่ครองมาอยู่ในภพกุฎุมพีการเงิน คู่ครองจะมีฐานะการเงินร่วมกับญาติ ซึ่งดาวศุกร์มาจากภพพันธุมาอยู่ในภพการเงิน ช่วงที่ดาวเสาร์ลงมาทับลัคน์ที่ราศีกรกฎไม่ดี พอดีพื้นที่หมดเสียก่อนไว้ต่อคราวหน้า.
|
Update : 7/7/2554
|
|