หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พระวิหารที่ประทับของพระพุทธเจ้า

    "พระวิหารที่ประทับของพระพุทธเจ้า"

    ในระหว่างเวลา ๔๕ ปี แห่งการบำเพ็ญพุทธกิจ พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปประทับจำพรรษา ณ พระวิหารต่าง ๆ ซึ่งพอจะประมวลไว้ได้ดังนี้

              ๑.กูฏาคาร เป็นพระอารามที่ประทับในป่ามหาวัน เป็นป่าใหญ่ใกล้เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ในพรรษาที่ ๕ ภายหลังจากตรัสรู้ พระพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษา ณ กูฏาคารในป่ามหาวัน นครเวสาลี

              ๒. โฆสิตาราม เป็นชื่อวัดสำคัญในกรุงโกสัมพี แคว้นวังสะ ในพรรษาที่ ๙ ภายหลังจากตรัสรู้ พระพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษา ณ พระอารามแห่งนี้ ในบางคัมภีร์ระบุว่าเมื่อพระพุทธเจ้าทรงประทับที่กรุงโกสัมพีทรงพำนักที่โฆสการาม อันเป็นอารามที่โฆสกเศรษฐีสร้างถวาย

               ๓.จันทนศาลา เป็นศาลาไม้จันทน์แดง ในมกุฬการาม แคว้นสุนาปรันตะ พระมหาสาวกปุณณสุนาปรันตะ ซึ่งจำพรรษาที่วัดมกุฬการาม ได้แนะนำให้น้องชายของท่านและพ่อค้ารวม ๕๐๐ คน แบ่งไม้จันทร์แดงที่มีค่าสูงสร้างถวายพระพุทธเจ้า แล้วทูลอาราธนาเสด็จมายังแคว้นสุนาปรันตะ พระพุทธเจ้าได้ประทับรอยพระบาทไว้ที่ริมฝังแม่น้ำนัมมทาและที่ภูเขาสัจจพันธ์ อันนับว่าเป็นการเกิดขึ้นของรอยพระพุทธบาท

               ๔.ชีวกัมพวัน หมอชีวกโกมารภัจจ์ แพทย์ประจำประองค์พระพุทธเจ้า และประจำพระภิกษุสงฆ์ อันมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขหมอชีวกโกมารภัจจ์เป็นมหาอุบาสกสำคัญได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในบรรดาอุบาสกผู้เลื่อมใสในบุคคล หมอชีวกได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันและด้วยศรัทธาในพระพุทธเจ้า ปรารถนาจะไปเฝ้าวันละ ๒-๓ ครั้ง ในกาลนั้น พระพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษา ณ พระเวฬุวันวิหารพระนครราชคฤห์ หมอชีวกเห็นว่าพระเวฬุวันไกลเกินไป จึงสร้างวัดถวายในอัมพวัน คือสวนมะม่วงของตน เรียกกันว่า ชีวกัมพวัน (อัมพวันของหมอชีวก) อยู่ในกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ

               ๕.เชตวันมหาวิหาร เป็นมหาวิหารที่ประทับของพระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์ ตั้งอยู่ทางใต้ของนครสาวัตถี เมืองหลวงของแคว้นโกศลเป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าประทับจำพรรษานานที่สุดในระหว่างเวลา ๔๕ ปี แห่งการบำเพ็ญพุทธกิจ ชื่อเชตวัน ได้จากพระนามของเจ้าชายเชตะ ซึ่งเป็นพระญาติสนิทของของพระพุทธเจ้า เสนทิราชาผู้ครองแคว้นโกศล สำหรับประวัติของมหาวิหารเชตวันมีดังนี้

               มหาเศรษฐีแห่งนครสาวัจถี ตระกูลสุทัตตะ นามอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นพ่อค้าเดินทางไปมาระหว่างนครราชคฤห์กับนครสาวัตถีคราวหนึ่งได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าที่นครราชคฤห์ ประกาศตนเป็นพุทธมามกะ ทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าเสด็จประทับ ณ นครสาวัตถี

               อนาถบิณฑิกเศรษฐีกลับนครสาวัตถีแสวงหาที่ดินแปลงใหญ่ได้แปลงหนึ่ง ใกล้ตัวเมืองเป็นที่เหมาะแก่การโคจร และเป็นที่ตั้งแห่งความสงบได้ โดยทราบว่าเป็นสมบัติของเจ้าชายเชตะจึงขอซื้อ เจ้าชายอ้างว่าจะสงวนไว้เป็นที่เที่ยวเล่นไม่ยอมขาย เศรษฐี เฝ้าอ้อนวอนแล้วอ้อนวอนเล่า เจ้าชายรำคาญแสร้งว่าต้องเอาเหรียญทองมาเกลี่ยเรียงให้เต็มแปลงก็จะขายให้

               อนาถบิณฑิกเศรษฐียอมตามด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าสั่งคนใช้ให้ขนเหรียญทองคำมาปูจเต็มแปลง เจ้าชายเชตะกลับเห็นใจรับสั่งว่า ขอร่วมศรัทธาในพระพุทธเจ้าด้วย จึงขอลดราคาลงไปเพียงครึ่งเดียว ให้เศรษฐีนำเหรีญทองคำกลับไปเสียครึ่งหนึ่ง ขอร่วมบุญด้วยอีกครึ่งหนึ่ง

               อนาถบิณฑิกเศรษฐี กับเจ้าชายเชตะร่วมกันบัญชางาน ให้หักร้างถางที่ทำเป็นอุทยานใหญ่จนเป็นที่รื่นรมย์แล้ว ให้สร้างมหาวิหาร ๗ ชั้นมีกำแพงและคูเป็นขอบเขต ภายในบริเวณปันเป็นส่วนสัด มีคันธกุฎี (แปลว่า กุฎีอบกลิ่มหอม เป็นชื่อเรียกพระกุฏีที่ประทับของพระพุทธเจ้า) มีที่จำพรรษาของพระภิกษุสงฆ์ มีที่เจริญธรรม ที่แสดงธรรม ที่จงกรมที่อาบ ที่ฉันครบถ้วนควรแก่สมณบริโภค อนาถนิณฑิกเศรษฐีสิ้นทรัพย์ไปในการณ์นี้ ๓๖ โกฎิกหาปณะ (โกฏิ = สิบล้าน กหาปณะ = ๔ บาท)

               จากจดหมายเหตุของหลวงจีนฟาเหียน สมณทูตจีน เล่าเรื่องซากปรักพังของมหาวิหารเชตวัน เมื่อประมาณพุทธศักราช ๙๔๒ ไว้ดังนี้

               "ออกจากบริเวณเมืองสาวัตถีไปทางประตูทิศใต้ เดินไปประมาณ ๒,๐๐๐ ก้าว สู่ทางตะวันออกของถนนใหญ่ พบวิหารหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ซากที่ยังเหลืออยู่คือ ฐานปะรำ ๓ ฐาน หลัก ๒ หลักที่หลักมีสลัดรูปธรรมจักรด้านหนึ่งและรูปโคอีกด้านหนึ่ง มีที่ขังน้ำใช้น้ำฉันของพระภิกษุยังเหลืออยู่ ในที่เก็บน้ำยังมีน้ำใสสะอาดเต็มเปี่ยม มีไม่เป็นพุ่มเป็นกอ แต่ละพุ่มแต่ละกอมีดอกออกใบเขียวสดขึ้นอยู่โดยรอย ที่ใกล้วิหารหลังนี้ มีซากวิหารอีกหลักหนึ่ง เรียกว่า วิหารตถาคต"

               "วิหารคถาคต มองจากซากก็รู้ว่า แต่เดิมมามี ๗ ชั้น บรรดาราชาอนุราชา และประชาชน พากันมากกราบไหว้ ทำการสักการะตลอดกลางคืนกลางวัน"

               "ทางทิศตะวันออกเฉียวเหนือขอวิหารคถาคต ไกลออกไป ๖-๗ สี่พบวิหารอีกหลังหนึ่ง (บุพพาราม) ซึ่งมหาอุบาสิกาวิสาขามิคารมารดาสร้างถวายพระพุทธเจ้า เมืองสาวัตถีนี้มีประตูใหญ่เพียง ๒ ประตูคือประตูทางทิศตะวันออกและประตูทางเหนือ มีอุทยานใหญ่แห่ง หนึ่งกว้างขวาง อนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นผู้สละทรัพย์สร้างถายพระพุทธเจ้ามีวิหารใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง ณ สถานที่นี้เองเป็นที่ประทับถาวรของพระพุทธเจ้าเพื่อทรงแสดงธรรม ยังสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นภัย ณ สถานที่ใดอันเป็นที่เคยประทับของพระพุทธเจ้าก็ดี เคยเป็นทีแสดงธรรมของพระพุทธเจ้าก็ดี สถานที่นั้นมีเครื่องหมายไว้ให้เห็นหมด แม้สถานที่ของนางจิญจมาณวิกา (รับใช้พระเทวทัตมากล่าวตู่พระพุทธเจ้า) ก็มีเครื่องหมายแสดงไว้เหมือนกัน"

               ท่านเทวปริยวาลิสิงหะ เลขาธิการสมาคมมหาโพธิอ้างหนังสือชื่อ ปูชาสัลลิยะ อันเป็นวรรณคดีของลังกา เขียนเล่าว่า

               "แม้พระมหาวิหารเชตวันจะเป็นที่ยังความสะดวกและความสงบให้เกิดได้ ยิ่งกว่าสถานที่ใดในชมพูทวีปก็ตาม แต่พระพุทธเจ้าหาได้ประทับจำพรรษาตลอดปีไม่ แต่ละปีพระพุทธเจ้าประทับเพียงปีละ 3 เดือนในฤดูพรรษา ส่วนอีก ๙ เดือนนอกพรรษา พระพุทธเจ้าเสด็จจาริกออกไปแสดงธรรมในคามนิคมอื่น"

               พระมหาวิหารเชตวันมีชื่อมากในตำนานพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าประทับจำพรรษาอยู่ ณ มหาวิหารแห่งนี้ ถึง ๒๔ ฤดูฝน พระธรรมส่วนใหญ่ทรงแสดงที่มหาวิหารแห่งนี้ คัมภีร์พุทธวงศ์ และเอกนิบาต อังคุตรนิกาย บรรยายว่า พระพุทธเจ้าประทับจำพรรษา ที่มหาวิหารแห่งนี้ เพียง ๑๙ ฤดูฝน เวลาที่เหลือจากนั้น เปลี่ยนไปประทับ ณ วิหารบุพพามหาวิหารเชตวัน มีอธิบายอีกในหนึ่งว่า เวลากลางวันประทับ ณ วิหารแห่งหนึ่ง และกลางคืนเสด็จไปแสดงธรรม ณ วิหารอีกแห่งหนึ่ง นับเป็นสถานที่ประทับอันนับเนื่องด้วยชีวิตการประกาศธรรมของพระพุทธเจ้า ตลอด ๒๔ ฤดูฝน

               ๖.นิโครธาราม เป็นพระอารามที่พระญาติสร้างถวายพระพุทธเจ้าอยู่ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ นครหลวงของแคว้นสักกะ ในพรรษาที่ ๑๕ หลังจากตรัสรู้ พระพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษาที่นิโครธาราม

               ๗.บุพพาราม เป็นพระวิหารที่อยู่ใกล้เคียงกับมหาวิหารเชตวันทางใต้ของนครสาวัตถี เมืองหลวงของแคว้นโกศล นางวิสาขามิคารมารดา มหาอุบาสิกาผู้เป็นเอตทัคคะในบรรดาทายิกาทั้งปวงเป็นผู้สร้างถวาย โดยขายเครื่องประดับประจำตัวตั้งแต่แต่งงาน เรียกชื่อว่ามหาลดาปสาธน์ เป็นเครื่องอาภรณ์งามวิจิตประกอบด้วยรัตนะ ๗ ประการมีค่ามากถึง ๙๐ ล้านกหาปนะ และได้รับยกย่องว่าเป็นของสำหรับผู้มีบุญในสมัยพุทธกาลมีเพียง ๓ คือ ของนางวิสาขา ๑ ของเศรษฐีธิดา ภรรยาท่านเทวทานิยสาระ ๑ และของนางวิสาขานำมาสร้างวัดถวายพระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์ คือ มิคารมาตุปราสาท วัดบุพพาราม ณ พระนครสาวัตถี โดยพระพุทธเจ้าทรงมอบหมายให้พระมหาโมคคัลลานะ อัครสาวก เบื้องซ้ายเป็นนวกัมมาธฏฐายี คือเป็นผู้อำนวนการก่อสร้างวิหารบุพพาราม

               ๘. พระเวฬุวัน เป็นป่าไผ่ สวนที่ประพาสพักผ่อนของพระเจ้าพิมพิสารอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพระนครราชคฤห์นครหลวงของแคว้นมคธเป็นสถานที่ร่มรื่นสงบเงียบ มีทางไปมาสะดวก พระเจ้าพิมพิสารถวายเป็นสังฆาราม นับเป็นวัดแรกในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงประจำพรรษาที่ ๒-๓-๔ และพรรษที่ ๑๗ กับ ๒๐ ภายหลังจากตรัสรู้พระเวฬุวันวิหารนับเป็นอารามในระยะกาลประดิษฐานพระศาสนาระยะแรกเริ่ม

               ๙.อัคคาฬวเจดีย์วิหาร อยู่ในเมืองอาฬวี ในพรรษาที่ ๑๖ ภายหลังตรัสรู้ระหว่างเวลา ๔๕ ปี แห่งการบำเพ็ญพุทธเจ้าได้เสด็จไปประทับจำพรรษา ณ วิหารแห่งนี้

    ที่มา : หนังสือ ความรู้เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า โดย ภัทรวรรณ วันทนชัยสุข

    • Update : 2/4/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch