ทุกวันนี้ ผู้บริโภคตระหนักและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้านอาหารกันมากขึ้น ดังนั้น การจะผลิตพืชผลทางเกษตรซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการแปรรูปเป็นอาหารประเภทต่างๆ นั้น จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีการดำเนินการเรื่องความปลอดภัยทางอาหาร หรือ Food Safety มาตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน มีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำยุทธศาสตร์ด้านต่างๆ มารองรับเพื่อนำไปสู่การสร้างความปลอดภัยทางอาหารและสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ
นางมัณฑนา มิลน์ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ดำเนินการด้านความปลอดภัยทางอาหาร โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์ไว้ 4 ด้านที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกระทรวงเกษตรฯ ประกอบด้วย การตรวจรับรองปัจจัยการผลิต และควบคุมการนำเข้าปัจจัยการผลิตให้ได้มาตรฐาน, ส่งเสริมการผลิตในระดับไร่นาให้เข้าสู่ระบบการจัดการคุณภาพการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช หรือ GAP โดยมุ่งเน้นให้ผลผลิตทางการเกษตรมีคุณภาพและปลอดภัย รวมทั้งรักษาสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน, การผลิตในระดับโรงงานหรือโรงคัดบรรจุจะต้องมีการผลิต แปรรูปที่ได้มาตรฐานการรับรองมาตรฐาน GMP และมีระบบการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานสินค้าตั้งแต่แปลงปลูก โรงงานคัดบรรจุ ไปจนถึงด่านตรวจพืชก่อนส่งออก
ทั้งนี้กรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความปลอดภัยทางอาหารมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปี พ.ศ. 2552 มีการต่อยอดยุทธศาสตร์เดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีเป้าหมายดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552-2556 โดยเป็นความร่วมมือกับกรมส่งเสริมการเกษตรในการเข้าไปสนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยรวมกลุ่มกัน เพื่อจะได้สะดวกในการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปส่งเสริมระบบการผลิตพืช GAP ตลอดจนถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตพืชที่ได้มาตรฐานและเป็นที่ต้องการของตลาด รวมทั้งความรู้ในเรื่องการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องด้วย
การดำเนินการตามยุทธศาสตร์อาหารปลอดภัย ของกรมวิชาการเกษตรในช่วงที่ผ่านมาสามารถให้การรับรองแปลงเกษตรกร GAP ได้แล้วกว่า 1.2 แสนแปลงทั่วประเทศ ซึ่งต่อจากนี้จะเร่งส่งเสริมและให้การรับรองแปลง GAP ให้ขยายสู่เกษตรกรรายย่อยที่มีการรวมกลุ่มกันมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากประเทศคู่ค้าหลายประเทศมีความเข้มงวดในเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารมากขึ้นโดยเฉพาะประเทศกลุ่มสหภาพยุโรปหรืออียู ดังนั้นการผลักดันให้เกษตรกรซึ่งเป็นผู้ผลิตในกระบวนการที่สำคัญให้มีการผลิตที่ถูกต้องตามระบบมาตรฐานก็จะยิ่งสร้างความปลอดภัยทางอาหารมากขึ้น
การพัฒนากระบวนการผลิตสินค้าเกษตรไทยให้มีคุณภาพมาตรฐานและปลอดภัย ทวีความสำคัญมากขึ้นเนื่องจากในยุคการค้าเสรีเช่นนี้ ถ้าประเทศใดสามารถสร้างมาตรฐานสินค้าให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการส่งออก และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคมากขึ้นด้วย.