ในอดีต... การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและทอผ้าไหมนับเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของผู้คนในชนบทไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งบรรพบุรุษได้ถ่ายทอดอาชีพที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมนี้ให้กับลูกหลาน ทำให้อาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมยังดำรงคงอยู่มาได้จนถึงปัจจุบัน โดยเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมนิยมเลี้ยงไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน ซึ่งเป็นไหมชนิดฟักออกตลอดปีที่มีความแข็งแรงสูงและเส้นใยไหมมีความมันวาวเฉพาะตัว อันเป็นเอกลักษณ์ประจำพันธุ์ของไหมไทย ทั้งนี้ กรมหม่อนไหม (ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ยังเป็นสถาบันวิจัยหม่อนไหม) ได้ดำเนินการเก็บรวบรวมพันธุ์ไหมไทยพื้นบ้านที่เกษตรกรนิยมเลี้ยงมาทำการศึกษา ปรับปรุงและคัดเลือกจนได้สายพันธุ์แท้ แล้วดำเนินการเลี้ยงอนุรักษ์พันธุ์เพื่อการนำมาใช้ประโยชน์เรื่อยมา จึงขอยกตัวอย่างพันธุ์ไหมชนิดฟักออกตลอดปีที่เลี้ยงในประเทศไทย ดังนี้คือ
1. พันธุ์นางน้อยศรีสะเกษ–1 เป็นไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านที่เก็บรวบรวมมาจากเกษตรกรบ้านน้อย ต.บ้านยาง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เมื่อปี พ.ศ. 2516 นำมาคัดเลือกจนได้สายพันธุ์แท้และขึ้นทะเบียนเป็นพันธุ์รับรอง (จากกรมวิชาการเกษตร) ในปี พ.ศ. 2531 หนอนไหมสีขาวนวล รังไหมสีเหลือง หัวป้านท้ายแหลม มีลักษณะดีเด่น คือ หนอนไหมแข็งแรง เลี้ยงง่าย เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในประเทศไทย จำนวนไข่ไหมต่อแม่สูงกว่าพันธุ์พื้นเมืองที่เกษตรกรเลี้ยงอยู่เดิม (เฉลี่ย 348 ฟอง) อายุหนอนไหม 20 วัน เปอร์เซ็นต์ดักแด้สมบูรณ์76–85% เปอร์เซ็นต์เปลือกรัง 11–13% และความยาวเส้นใยต่อรัง 312–410 เมตร
ให้ผลผลิตรังไหมสดเฉลี่ย 10 กิโลกรัมต่อแผ่น
2. พันธุ์นางลาย เป็นไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านที่เก็บรวบรวมมาจากเกษตรกรบ้านนาสนม ต.นาชัย อ.เมือง จ.สุรินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2504 โดยหนอนไหมมีลายขาวคาดดำตลอดลำตัว (ชาวบ้านจึงเรียกว่า “นางลาย” ตามลักษณะลำตัว) หนอนไหมแข็งแรง เลี้ยงง่าย รังไหมสีเหลือง หัวป้านท้ายแหลม อายุหนอนไหม 20 วัน เปอร์เซ็นต์ดักแด้สมบูรณ์ 84% เปอร์เซ็นต์เปลือกรัง 12% และความยาวเส้นใยต่อรัง 258–313 เมตร ให้ผลผลิตรังไหมสดเฉลี่ย 11 กิโลกรัมต่อแผ่น
3. พันธุ์นางตุ่ย เป็นไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านที่ได้รับมาจากเกษตรกรในศูนย์ศิลปาชีพบ้านโสกส้มกบ ต.บ้านใหม่ อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น เมื่อปี พ.ศ. 2546 หนอนไหมสีเหลืองอมเขียว แข็งแรง เลี้ยงง่าย รังไหมสีเหลือง หัวป้านท้ายแหลม อายุหนอนไหม21 วัน เปอร์เซ็นต์ดักแด้สมบูรณ์ 86% เปอร์เซ็นต์เปลือกรัง 11% และความยาวเส้นใยต่อรัง 278 เมตร ให้ผลผลิตรังไหมสดเฉลี่ย 10 กิโลกรัมต่อแผ่น
4. พันธุ์นางสิ่ว เป็นไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านที่เก็บรวบรวมมาจากเกษตรกร บ้านหินกอง อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร โดยหนอนไหมมีลักษณะสีขาวอมเขียว แข็งแรง เลี้ยงง่าย รังไหมสีเหลือง หัวป้านท้ายแหลม อายุหนอนไหม 22 วัน เปอร์เซ็นต์ดักแด้สมบูรณ์ 90% เปอร์เซ็นต์เปลือกรัง 11–12 % และความยาวเส้นใยต่อรัง 372 เมตร
5. พันธุ์นางน้อยสกลนคร (SP1) เป็นไหมพันธุ์แท้ที่ได้จากการปรับปรุงพันธุ์โดยวิธีผสมกลับจำนวน 6 ครั้งระหว่างไหมพันธุ์นางน้อยศรีสะเกษ–1 ซึ่งเป็นตัวรับกับพันธุ์ บร.7 ที่สามารถแยกเพศได้ในระยะหนอนไหมเป็นตัวให้ จึงสามารถคัดแยกเพศได้ในระยะหนอนไหม โดยหนอนไหมเพศเมียมีลำตัวลาย และเพศผู้มีลำตัวเรียบ (ไม่มีลาย) ให้ผลผลิตรังไหมสดสูงเฉลี่ย 15 –20 กิโลกรัมต่อแผ่น ผ่านการรับรองพันธุ์จากกรมวิชาการเกษตรเป็นพันธุ์แนะนำเมื่อปี พ.ศ. 2547
สำหรับการใช้ประโยชน์จากไหมชนิดฟักออกตลอดปี นอกจากเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงโดยตรงแล้ว ยังมีการนำไหมบางพันธุ์ที่มีศักยภาพที่ดีมาใช้เป็นพ่อ-แม่พันธุ์ในการผลิตไหมพันธุ์ไทยลูกผสมเผยแพร่สู่เกษตรกรด้วย เช่น ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมอุบลราชธานี 60-35 (ดอกบัว) ซึ่งเป็นพันธุ์ไหมรับรองที่เป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์ UB1 x นางน้อยศรีสะเกษ–1 เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กรมหม่อนไหม โทร.0–2558–7924– 26 ต่อ 115 ในวันและเวลาราชการ.