|
|
อำลาจากบ้านเกิด
อำลาจากบ้านเกิด
วิถีแห่งการปฎิบัติ
พระอาจารย์เทสก์ เกสรังษี
การมาของ พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม เป็นเรื่องใหญ่อยู่แล้ว วัตรปฏิบัติของ พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่
"ปฏิปทาของท่านผิดแผกจากคณะพระกัมมัฏฐานคณะอื่น"
เป็นข้อสังเกตจาก เทสก์ เรี่ยวแรง "ท่านสอนเราในข้อวัตรต่างๆ เช่น สอนให้รู้จักของที่ควรประเคนและไม่ควรประเคน ท่านสอนภาวนา บริกรรมพุทโธเป็นอารมณ์ จิตของเรารวมได้เป็นสมาธิจนไม่อยากพูดกับคนเลย"
"เราได้รับรสชาติแห่งความสงบในกัมมัฏฐานภาวนา เริ่มแรกจากโน่นมาไม่ลืมเลย"
เป็นความฝังจิตประทับใจ ประการสำคัญเป็นอย่างมากคือ การเกิดข้อเปรียบเทียบจากที่ผ่านมากับเมื่อได้กราบนมัสการ พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม
จำได้หรือไม่ว่าความเห็นของ เทสก์ เรี่ยวแรง คือ
"เราเข้าวัดสนิทติดต่อกับพระเณรมาเป็นเวลายาวนานประมาณ 6 ปี แต่ไม่เคยมีพระองค์ไหนจะสอนให้เรารักษาศีล 5 ศีล 8"
ทั้งๆ ที่อยู่ในฐานะเสมือนกับเป็น "ไวยาวัจกร" เป็นคนกลางเชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างบ้านกับวัด ระหว่างพระกับชาวบ้าน
เพียง 2 เดือนที่ พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม มา แรงสะเทือนนั้นใหญ่หลวงยิ่ง
ความจริง พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ตั้งจิตคิดจะปรารภความเพียร ยาวนานกว่า 2 เดือน แต่ที่มิอาจได้จำพรรษา ณ บ้านนาสีดา ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เพราะมีอุปสรรค
เป็นอุปสรรคอันเนื่องจากไข้ป่า
ไข้ป่าอย่างที่ภาษาทางการแพทย์เรียกว่า มาลาเรีย ไข้ป่าอย่างที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกอย่างตรงกับความเป็นจริงว่า ไข้หนาว
เพราะว่าใครที่เป็นไข้อย่างนี้จะหนาวอย่างยิ่ง
หนาวตั้งแต่ผิวกายเบื้องนอกกระทั่งไขกระดูก หนาวเหมือนมีใครชำแรกเอาความหนาวเข้าไปภายในเรือนกายอย่างลึกซึ้ง
ตรงนี้เองทำให้ พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ต้องไปจำพรรษา ณ วัดร้างบ้านนาบง ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย
กระนั้น เทสก์ เรี่ยวแรง ก็มีโอกาสอันดียิ่ง
"เราได้ตามท่านไปด้วยในพรรษานั้น" พระอาจารย์ เทสก์ เทสรังสี เล่า "ท่านเป็นไข้ตลอดพรรษา ถึงกระนั้นก็ตาม ในเวลาว่างท่านยังได้เมตตาสอนหนังสือและอบรมเราบ้างเป็นครั้งคราว"
เป็นความเมตตา เป็นบุพเพอันผูกพันกันอย่างลึกซึ้งยิ่งในทางความคิดจิตใจ
ตรงนี้เองที่เป็นเหตุปัจจัยอันผูกพันระหว่าง พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม กับ พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี อย่างแนบแน่น
ผูกพันอย่างไรขอให้ฟังจากคำบอกเล่าของ พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี เอง
จวนออกพรรษาท่านจะมีความรู้สึกภายในใจของท่านขึ้นอย่างไรก็ไม่ทราบ ท่านบอกว่า "ออกพรรษาแล้วจะต้องกลับบ้านเดิม"
แล้วท่านถามเราว่า "เธอจะไปด้วยไหม ทางไกลและลำบากมากนะ"
เราตอบท่านทันทีว่า "ผมไปด้วยครับ"
ยังอีกไม่กี่วันจะออกพรรษาเราขออนุญาตท่านกลับบ้านไปลาบิดา มารดา ท่านทั้ง 2 มีความดีใจมากที่เราจะไปด้วยอาจารย์
รีบเตรียมดอกไม้ ธูปเทียนเพื่อขอขมาบิดามารดา
(ธรรมเนียมอันนี้ท่านสอนเราดีนักเราหนีจากบ้านไปครั้งก่อนท่านก็ให้เราทำเช่นนี้เหมือนกัน)
คืนวันนั้นเราขอขมาบิดา มารดา แล้วไปขอขมาญาติผู้ใหญ่ ผู้เฒ่าผู้แก่จนทั่วหมด
เมื่อเราไปหาใคร ทุกคนพากันร้องไห้เหมือนเราจะลาไปตายนั่นแหละ เราเองก็ใจอ่อนอดน้ำตาร่วงไม่ได้
รุ่งเช้า มารดาและป้าได้ตามมาส่งถึงอาจารย์พากันนอนค้างคืนหนึ่ง วันนั้นเป็นวันปวารณาออกพรรษา รุ่งขึ้น ฉันจังหันแล้วท่านอาจารย์พาเราออกเดินทาง
ตอนนี้ป้าและชาวบ้านที่นั่งพากันรุมร้องไห้อีก
เป็นการจากครั้งใหญ่ของ เทสก์ เรี่ยวแรง จากบ้านเกิด จากบิดา มารดา ญาติและมิตรร่วมหมู่บ้าน
เพียงแต่เป็นการจากไปด้วยความฝันอันใหญ่หลวง เพียงแต่เป็นการจากไปกับพระเถระผู้มีวัตรปฏิบัติอันงดงาม น่าเลื่อมใส น่าศรัทธา
เป็นการจากบ้านเกิดด้วยความหวังที่จะบรรพชาและอุปสมบทเป็นพระในที่สุด
|
Update : 21/6/2554
|
|