หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    ไวยาวัจกรหนุ่ม

    ไวยาวัจกรหนุ่ม

    วิถีแห่งการปฎิบัติ
    พระอาจารย์ เทสท์ เกสรังสี

    การเดินทางตาม "พระขี้คุย" ไปยังวัดบ้านม่วงไข่ อ.วานรนิวาส จ.สกล นคร ของ เทสก์ เรี่ยวแรง มิได้เป็นการกระทำอันไร้รากฐาน

    เหตุผล 1 เพราะสถานการณ์ทางสังคมที่ทรุดเสื่อม ตกต่ำ

    "มีอันธพาลเต็มไปหมดทั่วบ้านทั่วเมือง แม้แต่เด็กขนาดอายุราว 10 ขวบ และผู้หญิงก็หัดเป็นขโมยกัน เจ้าหน้าที่อ่อนแอ ชาวบ้านต้องพึ่งตัวเอง แต่ละบ้านต้องเลี้ยงสุนัขเป็นฝูง กลางคืนต้องผลัดเปลี่ยนกันอยู่เวร"

    เป็นคำบอกเล่าจาก พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี เป็นรายละเอียดซึ่งเรียกได้ว่าเหลือทนเพราะความไร้ขื่อแปของบ้านเมือง

    เหตุผล 1 เป็นเหตุผลเพราะความอยากดัง อยากมีชื่อเสียง อย่างมีบทบาท

    "มิใช่อยากดังเป็นนักเลงทางขี้ขโมย มันอยากดังด้านปราบขี้ขโมย ในใจมันคิดคำนึงอยู่เสมอว่า ทำอย่างไรหนอเราถึงจะเหนียวจนคนฆ่าด้วยอาวุธไม่ตาย แล้วจะมาปราบอ้ายเจ้าพวกเหล่านี้ให้ราบคาบไปจนสิ้นซากเสียที"

    เป็นเหตุผลด้านธรรมะ เป็นเหตุผลด้านคุณธรรม เป็นเหตุผลด้านที่ต้องการเป็นโปลิศเพื่อปราบโจรพาลสันดานหยาบ

    นี่เป็นเรื่องธรรมดาอย่างปกติยิ่งสำหรับสังคมในชนบท



    ที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ บันทึกของ พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี ต่อเหตุการณ์อันเกิดขึ้นระยะกาลนั้น

    นับว่าเป็นโชคดีของเราอย่างยิ่ง เราเกิดมาในสกุลที่มีศีลธรรมและได้อบรมอยู่ในวัดกับพระที่นับได้ว่าเป็นพระ

    เมื่อสิ่งแวดล้อมมันบีบบังคับจึงทำให้ใจของเราหันเหไปในทางที่เลว แต่สิ่งเลวที่เราต้องการนั้นก็ไม่สมประสงค์ หากสิ่งนั้นเป็นไปตามปรารถนาแล้วป่านนี้ตัวของเราก็ไม่ทราบว่าจะเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้

    นี่แหละคนเรา จะเรียกว่าบุญกรรมนำส่งหรือบุญวาสนาช่วยรักษาไว้ก็ว่าได้

    การออกจากบ้านไปทางไกลในชีวิตของเราครั้งนี้เป็นครั้งแรก ขณะที่เราพากันอยู่บ้านม่วงไข่นั้นกำลังเริ่มข่าวสงครามโลกครั้งที่ 1 จะระเบิด

    ใครมาวัดก็พากันเล่าแต่เรื่องสงคราม เราคิดถึงบ้านน้ำตาร่วงทุกวัน

    บางวันนอนดึกกว่าจะหลับคิดถึงพ่อแม่มาก เมื่อเรากลับมาถึงบ้านแล้วก็ปฏิบัติพระในวัดเช่นเคย เว้นแต่เราไม่นอนวัดประจำ

    ตอนนี้เราทำหน้าที่เป็นไวยา วัจกรติดต่อพระ กับชาวบ้านได้เป็นอย่างดีมาก ชาวบ้านทุกคนก็ดูเหมือนจะชอบใจเรามากขึ้นเพราะเราใช้คล่อง ประ กอบด้วยขณะนั้นเรากำลังแตกเนื้อหนุ่มเขาทั้งใช้ทั้งสัพยอกไปในตัวด้วย

    เราเข้าวัดสนิทติดต่อกับพระเณรมาเป็นเวลายาวนานประมาณ 6 ปีแต่ไม่เคยมีพระองค์ไหนจะสอนให้เรารักษาศีล 5 ศีล 8



    บันทึกของ พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี ตอนนี้สะท้อนให้เห็นสภาพทางสังคมอย่างเด่นชัดยิ่ง

    อาจมิได้เป็นสังคมชนบทโดยองค์รวม อาจเป็นเพียงเงาสะท้อนของสังคมชนบทบ้านนาสีดา ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

    เป็นสังคมชนบทอีสานในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

    ทาง 1 สังคมชนบทแห่งนี้ใช่ว่าจะโดดเดี่ยว เปลี่ยวร้าง และทิ้งห่างจากสังคมเมืองอย่างสิ้นเชิง อย่างน้อยเมื่อเดินทางไปยัง อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ก็ได้รับฟังข่าวอันเกี่ยวกับสงครามโลก

    ทาง 1 สังคมชนบทแห่งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างบ้านกับวัดยังดำเนินไปในลักษณะสังคมโบราณถือผีมากกว่าจะเป็นสังคมพุทธอย่างเคร่งครัด

    อย่างน้อยก็ไม่มีพระรูปใดสอนให้ เทสก์ เรี่ยวแรง ในเรื่องศีล 5 ศีล 8

    "ที่จริงก็น่าเห็นใจเหมือนกัน" พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี กล่าวในกาลต่อมา "เพราะพระสงฆ์ในสมัยนั้นขาดการศึกษาเอามากๆ ทีเดียว"

    รูปธรรมที่ เทสก์ เรี่ยวแรง กับเพื่อนหนุ่มติดตาม "พระขี้คุย" เดินทางตามไปยังวัดบ้านม่วงไข่ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เพื่อหา "ของดี" อย่างตะกรุด ว่าน สรรพเครื่องคงกระพัน จึงมิได้เป็นเรื่องแปลกพิสดารอันใด

    เพียงแต่ เทสก์ เรี่ยวแรง มีความต่างอย่างมีนัยสำคัญโดดเด่นเท่านั้น



    ตรงนี้เองทำให้การมาของ พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ทรงความหมายเป็นอย่างสูง

    สถานการณ์เมื่อปี พ.ศ.2459 จึงสำคัญทั้งต่อ เทสก์ เรี่ยวแรง ทั้งต่อบิดา มารดา เทสก์ เรี่ยวแรง และต่อชาวบ้านนาสีดา ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

    นั่นก็คือ ทำให้ พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี ต้องเดินทางเป็นครั้งที่ 2





    • Update : 20/6/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch