ปฏิบัติธรรมกับ "มจร" ณ อาคารหอฉัน วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
"ส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการวิชาการแก่สังคม ตามปณิธานการจัดตั้งมหาวิทยาลัย ด้วยการปรับปรุงกิจกรรมต่างๆ ให้ประสานสอดคล้อง เอื้อต่อการส่งเสริม สนับสนุนกิจการคณะสงฆ์ สร้างความรู้ ความเข้าใจหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา สร้างจิตสำนึกด้านคุณธรรม จริยธรรมแก่ประชาชน จัดประชุม สัมมนา และฝึกอบรม เพื่อพัฒนาพระสงฆ์และบุคลากรทางศาสนา ให้มีศักยภาพในการธำรงรักษา เผยแผ่หลักคำสอน และเป็นแกนหลักในการพัฒนาจิตใจในวงกว้าง”
ที่กล่าวมาข้างต้นเป็น ๑ ใน ๔ พันธกิจ ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ทั้งนี้ มจร ได้จัดตั้ง ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ส่วนธรรมนิเทศ ขึ้นมาเพื่อให้พันธกิจเป็นรูปธรรม โดยใช้โดยใช้อาคารอเนกประสงค์หอฉันเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม รับประทานอาหาร และใช้เป็นที่พักของผู้ปฏิบัติธรรมตลอดทั้งปี ซึ่งสามารถรองรับผู้มาปฏิบัติธรรมได้ครั้งละหลายร้อยคน
หลักสูตรการอบรม ประกอบด้วย ๑.หลักสูตรสำหรับสถานศึกษาทุกระดับ ๒.หลักสูตรสำหรับศาลเยาวชนและครอบครัว สถานพินิจ หรือเยาวชนกลุ่มเสี่ยง และ ๓.หลักสูตรสำหรับอบรมเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
ส่วนระยะเวลาการอบรม ขึ้นอยู่กับความต้องการของหน่วยงาน ความจำเป็น และปัญหาของแต่ละกลุ่ม ดังนี้ ๑. อบรมระยะเวลา ครึ่งวัน ๒. อบรมระยะเวลา ๑ วัน ๓. อบรมระยะเวลา ๒ วัน (ค้างคืน) ๔. อบรมระยะเวลา ๒ วัน (ไม่ค้างคืน) ๕.อบรมระยะเวลา ๓ วัน ๒ คืน (ค้างคืน แบบค่าย) และ๖.อบรมระยะเวลา ๓ วัน (ไม่ค้างคืน)
สิ่งที่จะต้องเตรียมพร้อมในการปฏิบัติธรรมแต่ละครั้ง ๑.การเข้าร่วมปฏิบัติธรรมตามโครงการ ถ้าเป็นหมู่คณะกรุณาแจ้งให้ทราบก่อน อย่างน้อย ๒ สัปดาห์ และ๒.เครื่องใช้ส่วนตัวที่ต้องนำไปใช้ในการปฏิบัติธรรม (สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัว ชุดขาว หรือ ผ้าสีสุภาพ เป็นต้น)
สำหรับความเป็นมาของก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์หอฉัน สืบเนื่องจากวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๔ คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเข้ากราบนมัสการขอความอุปถัมภ์การก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์หอฉัน ๘๕ ล้านบาท จากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เจ้าอาวาสวัด สุทัศนเทพวราราม ซึ่งมีนายสิทธิกร บุญฉิม เป็นผู้รับภาระจัดหาทุน
อาคารอเนกประสงค์หอฉัน ใช้งบประมาณก่องสร้าง ๘๕ ล้านบาท วางศิลาฤกษ์เริ่มก่อสร้าง วันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๕ มีการสถาปนาพระกริ่งจักรพรรดิ ในโอกาสฉลองชนมายุ ๗๒ ปี ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ จัดพิธีพุทธาภิเษก ๙ ชาติ ณ พระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวราราม ตั้งแต่วันที่ ๒๓ มกราคม ถึงวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๖ รวมพิธี ๑๑ วัน ทั้งนี้ได้อาราธนา พระมหาเถราจารย์จากทั่วทุกมุมโลกมาประกอบพิธีเป็นครั้งแรกของเมืองไทย และเมื่อวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๖ นายสิทธิกร ได้นำเงินขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร องค์ประธานอุปถัมภ์โครงการก่อสร้าง เพื่อพระราชทานแก่ มจร มาดำเนินการสร้างอาคารหอฉัน
นอกจากจัดหาทุนก่อสร้างอาคารหอฉัน มจร แล้วนายสิทธิกรยังสร้างพระพุทธสิทธิมุณี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในหอฉัน รวมทั้งมีส่วนในการหาทุนจัดสร้างอาคาร มวก ๔๘ พรรษา จำนวน ๑๐๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นอาคารหอประชุมของ มจร ทำให้เป็นที่รู้จักของคณะสงฆ์ไทยอย่างมาก โดยพระพรหมมังคลาจารย์ หรือหลวงพ่อปัญญานันทะ ในสมัยดำรงสมณศักดิ์พระธรรมโกศาจารย์ สถิต ณ วัดชลประทานรังสฤษฏ์ จ.นนทบุรี ได้มีบันทึกอนุโมทนาด้วยลายลักษณ์อักษรประกาศยกย่องให้เป็น “มหาอุบาสกสิทธิกร บุญฉิม”
สถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน รวมทั้งประชาชนทั่วไปประสงค์จะเข้าฝึกปฏิบัติธรรม ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ส่วนธรรมนิเทศ มจร (ตึกสำนักงานอธิการบดี) โทร. ๐-๓๕๒๔-๘๐๐๐ ต่อ ๘๗๘๒, ๘๘๑๘, ๘๘๑๘ , ๘๘๑๖, ๘๘๑๕, และ ๐๘-๙๗๗๒-๙๒๔๐ โทรสาร ๐-๓๕๒๔-๘๐๔๔, ๐-๓๕๒๔-๘๐๔๗ email : [email protected] <mailto:[email protected]>
"มจร ได้จัดตั้งฝ่ายวิปัสสนาธุระ ส่วนธรรมนิเทศ ขึ้นมาเพื่อให้พันธกิจเป็นรูปธรรม โดยใช้โดยใช้อาคารเอนกประสงค์หอฉันเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม รับประทานอาหาร และใช้เป็นที่พักของผู้ปฏิบัติธรรมตลอดทั้งปี"