หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พระอภัยมณี/44
    ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา

                กล่าวถึงพระอภัยกับพระศรีสุวรรณ ทำศพสองกษัตริย์มีงานมหรสพหลายประการ ทั้งโขน ละคร มอญรำ ระบำบรรพ์ เล่นประชันกัน พอตกกลางคืนมีดอกไม้ไฟสว่าง เล่นหนังฆ้องกลองดังสนั่นทุกคืนวัน

    พวกไพร่ฟ้ามาประชุมแก่หนุ่มสาว เจ๊กมอญลาวแขกไทยทั้งไอศวรรย์
    เป็นหมู่หมู่ดูงานการประชัน  เกษมสันต์สรวลเสกันเฮฮา
    ฯลฯ
                งานสมโภชทำอยู่ครึ่งเดือนแล้วจึงปลงพระศพแล้ว เก็บพระอัฐิไว้มณฑปเป็นอันเสร็จสำเร็จการ
      พอผู้ถือหนังสือเรื่องเมืองผลึก บอกข่าวศึกรมจักรซึ่งหักหาญ
    มาพร้อมกันวันฤกษ์เมื่อเลิกงาน พระอ่านสารทราบว่าเสียธานี
    ฯลฯ
                สองกษัตริย์ตกพระทัยแล้วจะเลิกทัพกลับไปปราบข้าศึก แต่เมืองรัตนายังไม่มีกษัตริย์ครอง จึงมอบแดนแผ่นดินให้สินสมุทกับอรุณรัศมี เมื่อเสร็จศึกจึงจะกลับมาให้อำมาตย์รักษาเมืองไว้ก่อน เสร็จแล้วก็ลงกำปั่น ศรีสุวรรณทูลลาพระพี่ยาไปเยี่ยมกรุงรมจักร
    พระอภัยไปกับสินสมุท ไม่ยั้งหยุดแยกทางต่างทิศา
    ตามขอบคุ้งมุ่งหมายสายคงคา ทุกคืนค่ำร่ำมาไม่ราใบ ฯ
      ฝ่ายพระน้องล่องลมถึงรมจักร เสียทรงศักด์เศร้าหมองไม่ผ่องใส
    พระอัคเรศเกษราโศกาลัย ถึงท้าวไทปิตุราชมาตุรงค์
    ฯลฯ
                พระศรีสุวรรณให้เกณฑ์ทหารห้าหมื่นให้บุตรพราหมณ์สามนายเป็นซ้ายขวา องค์กฤษณานำไปเป็นทัพหลวง เข้าบรรจบสมทบกันจัดกำปั่นไปร้อยลำ
    เจ้ามะหุดกำกับกองทัพซ้าย เจ้ายุขันนั้นฝ่ายข้างปีกขวา
    มังกรนำกำกับทัพโยธา พระกฤษณากองหนุนเป็นขุนพล
    ฯลฯ
                ฝ่ายเรือพระอภัยรีบรุดมาถึงเมืองผลึกไม่เห็นพักตร์พระมเหสี ก็พระทัยหายแล้วนึกแค้น
    โอ้เป็นเคราะห์เพราะประมาทจึงพลาดพลั้ง ด้วยนึกหวังว่าเป็นเนื้อในเชื้อไข
    จะคิดอ่านผลาญมันให้บรรลัย แล้วแข็งใจกลืนกล้ำกลั้นน้ำตา ฯ
                ไปปราสาทพระมาตุรงค์ แล้วทูลถามความโศกโรคชรา นางพระยาตรัสบอกว่าฝรั่งลังกามาคุมข้าไท แล้วจุดไฟเผาเมือง จับพระธิดาสุมาลีกับสองพระหลาน จึงขอให้พระอภัยแก้แค้นเอาองค์สุวรรณมาลี กับสองพระบุตรีกลับคืนมา
      พระนบนอบตอบถ้อยให้ค่อยชื่น คงได้คืนเวียงวังไม่กังขา
    ลูกจะตามข้ามฝั่งไปลังกา พิฆาตฆ่าโคตรมันให้บรรลัย
    ฯลฯ
                แล้วเสด็จออกท้องพระโรง ตรัสประภาษราชการว่าพระองค์มีภารธุระไปไกลเมือง ได้สั่งให้เหล่าท้าวพระยา พวกข้าเฝ้าอยู่รักษาเมืองแทน แต่ละเลยให้อ้ายฝรั่งทำดังนี้ จะมีโทษประการใด
    พวกข้าเฝ้าท้าวพระยาสารภาพ ต่างก้มกราบเกรงกลัวตัวเป็นหนู
    ซึ่งเสียวังจังหวัดแก่ศัตรู ไม่ทันรู้สู้รบคิดหลบกาย
    ฯลฯ
                แล้วทูลว่า โทษของพวกตนนั้นถึงตายถึงสิ้นโคตร ถ้ายกโทษให้จะขออาสาไปรบกรุงลังกา
      พระตรัสตอบขอบใจทั้งใหญ่น้อย เคยใช้สอยซื่อตรงก็สงสาร
    จะสั่งเวรเกณฑ์กันให้ทันการ เลือกทหารชาญณรงค์เคยยงยุทธ์
    ฯลฯ
                ให้ได้ถ้วนแสนลงเรือรบให้สินสมุทเป็นทัพหน้า พวกเสนีรับจัดพลลงประจำเรือลำละร้อย เป็นจำนวนเรือหนึ่งพัน แล้วยกทัพเดินทางไปได้สิบห้าคืน ก็ถึงฝั่งข้างลังกา พร้อมกับทัพของพระศรีสุวรรณ สุดสาครกับพระน้องออกมารับ แล้วทูลความที่ได้รบกับพระมังคลา มาห้าครั้งจนแตกหนีจากเมืองใหม่เข้าป่าไป แล้วไปตั้งมั่นอยู่ที่ป่าตาล
    แล้วเชิญขึ้นวังใหม่อยู่ในตึก ให้พวกผลึกรมจักรพักทหาร
    แต่งม้าใช้ไปไม่ขาดสืบราชการ จะคิดอ่านผลาญศึกต่างตรึกตรา
                ฝ่ายองค์พระอภัยปรึกษาการทำศึกกับเมืองลังกา ถ้าเข้ารบเลยก็จะถูกนินทาว่าวู่วาม จึง
    คิดจะใคร่ให้ผู้ถือหนังสือสาร ไปว่ากล่าวตามโบราณอย่าหาญหัก
    แม้ดื้อดึงจึงค่อยปรามตามฮึกฮัก หรือน้องรักเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร
                พระศรีสุวรรณทูลตอบว่าเป็นการดี ด้วยเป็นเหล่ากอหน่อเนื้อในเชื้อไข ถ้ามันขัดตัดอาลัย จึงค่อยฆ่าให้สิ้นโคตรตามโทษกรณ์
    พระทรงฟังสั่งให้ทำเป็นคำสาร แล้วเทียบทานถูกฉบับพับอักษร
    ให้เสนีที่ชำนาญการนคร ไปผันผ่อนพูดจาดูท่าทาง
                ฝ่ายอำมาตย์ก็ถือหนังสือไปทูลพระมังคลาที่ป่าตาล พระมังคลาให้อาลักษณ์อ่านมีความว่า เมืองผลึกกับเมืองลังกาเป็นแผ่นดินเดียวกัน ทั้งหมดล้วนเป็นเหล่ากอหน่อเนื้อในเชื้อชาติ เหตุไฉนจึงไม่ดำรงรักพงศ์พันธุ์ โดยทางธรรมทศพิธผิดโบราณ ไปรบเมืองการะเวก รมจักรกับเมืองผลึก กวาดต้อนเหล่าเผ่าพงศ์วงศ์วานมาทรมานไว้ ที่ยกทัพมาครั้งนี้ด้วยมีความปรานีนับเนื้อในเชื้อไข ให้มังคลาพาวลายุดา กับสองนัดดาเชิญสองท้าวกับองค์สุวรรณมาลี และสองบุตรีคืนมา
    จะสั่งสอนผ่อนปรนให้พ้นผิด ตามจริตราชวงศ์เผ่าพงศา
    จะฆ่าฟันกันเองเกรงนินทา เหมือนมือขวาถือมีดกรีดมือซ้าย
    เมื่อมือซ้ายฟันฟาดบาดมือขวา ตัวต้องหายาแก้แผลจึงหาย
    ใครผลาญวงศ์พงศ์พันธุ์ให้อันตราย เหมือนมือซ้ายขาดด้วนไม่ควรคิด
    วิสัยญาติพลาดพลั้งเหมือนอย่างแผล มียาแก้แผลก็จะกลับสนิท
    คนอื่นนั้นครั้นประมาทจึงขาดมิตร ต่อไม่ติดแตกห่างอย่างศิลา
    ฯลฯ
                เมื่อฟังสารจบแล้ว พระมังคลาก็ให้จัดการต้อนรับเลี้ยงดูผู้ถือสารแล้ว ปรึกษากับข้าเฝ้าพระน้องและสองหลาน
    ฝ่ายสามองค์ทูลว่าข้าทั้งสาม สุดแต่ตามพระปัญญาอัชฌาสัย
    พระมังคลาว่าพระเจ้าสอนเราไว้ ควรเลื่อมใสคัมภีร์ยีโฮวะ
    แม้ผิดชาติศาสนาข้างฝรั่ง อย่าเชื่อฟังคบค้าวิสาสะ
    พวกพงศ์เผ่าเขาไม่ถือหนังสือพระ มิควรจะปะพบไปคบค้า
    จะพลอยให้ไปตกนรกดอก เขาคนนอกโอวาทพระศาสนา
    ถือพระเจ้าเราเกิดน้องสองนัดดา เมื่อยกมาแล้วก็คงทำสงคราม
      พระบารมียีโฮวะคงจะช่วย ไม่เข้าด้วยสัตว์บาปที่หยาบคาย
    เราคิดทำคำตอบระบอบความ ให้งดงามตามอารมณ์ชาวชมพู
                แล้วแต่งสารให้ผู้ทูตถือหนังสือมา ฝ่ายทูตก็นำสารกลับไปถวายพระอภัย พระองค์ให้อาลักษณ์อ่านมีความว่า ครั้งเมื่อพระมารดาครองเมืองลังกานั้น ลูกสาวเจ้าเมืองการะเวกเอาเพชรเอกออกจากถิ่นเมืองลังกาไป เมื่อเปลี่ยนกษัตริย์เมืองลังกา บรรดาเสนาในชุมนุมกันให้คืนเพชรแก้วเก็จกลับมา เมื่อไปขอต่อกษัตริย์เมืองการะเวกก็ข้องขัด ตัดขาดวาสนา จับฝรั่งฆ่าเสียจึงเกิดการรบราฆ่าฟันกัน
    ไปแจ้งเรื่องเมืองผลึกรมจักร ไม่นับพักตร์แผ่เผื่อว่าเชื้อสาย
    ยังซ้ำไล่ขับได้อับอาย นึกเสียดายด้วยจะขาดญาติประยูร
                จึงได้เชิญวงศารับมาไว้ด้วยใจรักศักดิ์ตระกูล พระหัสไชยไม่ใช่ญาติยกมารุกราน สุดสาครก็ออกมาช่วยรบชิงด่านไว้ กลับไปรักเขาไม่เข้าด้วยกับญาติดูตัดขาดชาติเชื้อในเนื้อไข การที่จะให้ส่งคืนพระวงศ์วานนั้น ขอได้โปรดให้อยู่ที่ลังกาอีกสามปี จึงค่อยพากลับไป ถ้าหากให้หักโหมรุกรบแล้ว
    ข้าพเจ้าเหล่านี้ทั้งพี่น้อง สิ้นพวกพ้องพงศาเหมือนอาสัญ
    จะพลอยพาห้าพระองค์ผู้พงศ์พันธุ์ ต้องมอดม้วยด้วยกันเป็นมั่นคง   ฯ
                พอฟังสารจบพระอภัยให้อัดอั้น เพราะไม่เหมือนจิตที่คิดไว้ ฝ่ายพระหัสไชยรันทดเสียดายองค์สร้อยสุวรรณ จันทร์สุดา จนเป็นลมสลบไป เมื่อได้รับการแก้ไขฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็ทูลลาไปห้องบรรทม เฝ้าคิดถึงสองนาง จนซูบผอมด้วยความตรอมตรม
                ฝ่ายองค์พระอภัยออกอำมาตย์เสนาแล้วตรัสว่า พวกฝรั่งที่ตั้งรับอยู่นั้น จะยกทัพไปจับฆ่าเสียให้ตาย แต่พวกของเราที่อยู่ในมันจะมีอันตราย
    แม้สืบดูรู้ว่พวกฝรั่ง มันกักขังห้าองค์ไว้ตรงไหน
    จะผันแปรแก้กลให้พ้นภัย แล้วจะได้ไล่ล้างให้วางวาย
                พระอนุชาจึงว่าให้ไปจับฝรั่งมาซักถามความ แล้วสั่งฝ่ายนายทหารคุมคนไปกลางป่า จับฝรั่งมาไต่ถามได้ความว่า องค์วัณฬาได้พาทั้งห้าองค์ไปอยู่เมืองลังกาแล้ว ก่อนหน้านั้นฝ่ายฝรั่งได้ทูลทัดทาน และปิดด่านไม่ให้ออกจากเมือง
      พอทราบข่าวราวเรื่องเคืองโอรส ทรยศหยาบคายร้ายหนักหนา
    แล้วเอื้อนอรรถตรัสกับพระอนุชา นางวัณฬาหล่อนก็ดีอารีรัก
    รำภาเล่าเขาก็ซื่อด้วยถือสัตย์ ประดิพัทธ์เพิ่มพูนประยูรศักดิ์
    แต่ลูกเต้าเหล่ากอทรลักษณ์ ไม่รู้จักพ่อแม่ถือแต่ดี
    ฯลฯ
                จะฆ่าฟันเสียก็เกรงใจองค์วัณฬากับนางรำภาสะหรี คิดจะให้องค์วัณฬามาด้วย จะได้ช่วยกันกำราบ แล้วคิดหาผู้ที่จะถือสารไปให้องค์วัณฬา
                พระหัสไชยเห็นได้ช่องได้น้องสองสุดาจึงทูลอาสา องค์เสาวคนธ์ให้พระหัสไชยเอาตัววาโหมไปด้วย จะได้ช่วยปรึกษาในการศึก แล้วสั่งวาโหมว่า
    แล้วว่าเจ้าเข้าไปได้ในด่าน ถ้าเห็นการเกินกำลังเจ้าทั้งสอง
    จงรอรั้งตั้งทัพอยู่รับรอง พอให้กองทัพใหญ่ยกไปตี
    จงวางล่อพอพะวงพวกดงตาล แบ่งทหารไปอีกคอยหลีกหนี
    เราตีค่ายรายทางไปข้างนี้ เห็นท่วงทีแทบจะได้ด้วยง่ายดาย ฯ
                พระอภัยเห็นชอบและตรัสชมองค์เสาวคนธ์ว่า มีความรอบรู้แล้วตรัสสั่งพระอนุชากับเสนา พร้อมทั้งขุนนางฝ่ายอาลักษณ์ให้เขียนความ ตามเรื่องที่เคืองขัด แล้วมีบัญชาสั่งพระหัสไชยว่า
    พ่อไปถึงจึงช่วยปลอบให้ชอบจิต ที่ชอบผิดผันแปรช่วยแก้ไข
    แทนบิดาอาพี่ที่อาลัย ให้ชอบใจนางวัณฬาสามนารี ฯ
                แล้วพระหัสไชยกับวาโหม ก็จัดทหารให้พวกวาโหมเป็นกองหน้ามีจำนวนห้าร้อย ส่วนพระหัสไชยจัดกำลังอีกห้าร้อยคน รวมเป็นพันคนถ้วน ล้วนฉกรรจ์ยกกำลังออกไป
      ฝ่ายพระศรีสุวรรณรับเป็นทัพหน้า ให้ลูกยาคุมพหลพลขันธ์
    กับบุตรพราหมณ์สามนายชายหนุ่มนั้น กำกับกันกองหน้ายกคลาไคล
                องค์พระอภัยยกทัพหลังตามไปหนึ่งวัน จึงตรัสสั่งให้สุดสาครกับเสาวคนธ์เป็นทัพหน้า ให้สินสมุทเป็นแม่ทัพเดินทางไปวันหนึ่ง พระอภัยจึงยกทัพใหญ่หนุนมาเมืองป่าตาล
                ฝ่ายพระหัสไชยกับวาโหมขับทัพทหารมาถึงเชิงเขาด่านสะพานยนต์ตีด่านได้ ทหารด่านแตก บ้างไปเขาเจ้าประจัญด่านชั้นใน บ้างตัดไปดงตาลข้างด่านกลาง แล้วเข้าไปทูลความแก่พระมังคลา
      ฝ่ายฝรั่งมังคลานราราช ดำริคาดข้าศึกเห็นฮึกหาญ
    จะวกหลังตั้งล้อมป้อมปราการ ตีดงตาลด่านเขาเจ้าประจัญ
    ฯลฯ
                จึงสั่งให้พระอนุชาวายุพัฒน์ ให้รีบจัดกำลังไปขัดขวางที่ทางลัด อย่าให้ฝ่ายข้าศึกประจบทัพได้ ทั้งสององค์จัดกองทัพเป็นหน้าหลัง กองละหมื่นเดินทางไปสามวันอย่างรีบเร่ง
                ฝ่ายพระหัสไชยหยุดไพร่พลอยู่บนป้อมปิดทางหว่างเขาเขิน เอาปืนใหญ่จุกทุกเสมาตรงหน้าเนิน แล้วเดินตรวจดูรอบขอบกำแพง พอพลบค่ำก็จุดโคมตะเกียงให้แสงสว่าง จากนั้นจึงคิดจัดแจงแต่งทหารไว้คอยต้านตี แล้วปรึกษากับวาโหม ให้คุมไพร่พลทำทีเป็นกองทัพใหญ่ ซุ่มกำลังไว้ไล่ข้าศึก
    เรากับไพร่ห้าสิบจะรีบร้อน ถืออักษรขึ้นไปยังวังสิงหล
    เจ้ารบล่อพอฝรั่งเป็นกังวล เผื่ออับจนจึงล่าไปเมืองใหม่เรา ฯ
                วาโหมรับคำบัญชาแล้ว ให้ทหารเดินตรวจตราอยู่ทุกคืนจนล่วงไปได้หกวัน พอตกเย็นก็เห็นกองทัพยกมา จึงเตรียมกำลังเพื่อเข้าโจมตี
                ฝ่ายทัพหน้าวายุพัฒน์รีบเดินทางมาถึงด่านชานสิงขร ไม่เห็นข้าศึกออกมาต่อสู้ หรือว่าซุ่มซ่อนอยู่ จึงไม่รอช้าขับพลเข้าปืนกำแพง พวกพลบนเสมาก็เข้าต่อสู้ต้านทานไว้ จนฝ่ายฝรั่งล้มตายไปเป็นจำนวนมาก พอทัพวลายุดายกมาถึงก็เข้าสมทบ เข้าตีป้อม
                พระหัสไชยเปิดประตูป้อม ออกมานอกกำแพงเข้าไล่รบพวกฝรั่ง พวกไพร่พลของวาโหมก็รุกรบเข้ามาจนทัพฝรั่งแตก พลัดพรายไป วลายุดา วายุพัฒน์ ต่างพลัดจากไพร่พลขับม้าเข้าป่าไป
    พวกโยธาวาโหมรุกโรมไล่ ฟันนายไพร่ล้มตายพลัดพรายหนี
    จนมืดมนคนเป็นเห็นไม่มี กลับมาที่หน้าป้อมพรักพร้อมกัน ฯ
                พระหัสไชยให้วาโหมคุมทหารอยู่ที่ด่าน ส่วนตนกับเสนีขี่ม้าห้าสิบ  ออกเดินทางจากด่านสะพานยนต์ ไปยังกรุงลังกา
                ครั้นรุ่งเช้าฝ่ายวาโหมให้เก็บคันธงฝรั่งที่ตายไป แล้วแต่งม้าใช้ไประวังฟังเรื่องราว ปักธงกลางทางมาใกล้ป่าตาล
      ฝ่ายทัพพระอภัยที่ไปหน้า พระกฤษณานายทัพขับทหาร
    หนทางบกหกวันเดินกันดาร ถึงดงตาลเห็นแต่ค่ายตั้งรายเรียง
    ฯลฯ
      ฝรั่งล่อพอให้ไล่เข้าในค่าย มันวงสายสิญจน์ผูกถูกอาถรรพ์
    ไม่เห็นหนมนมืดเป็นหมอกควัน ต่างตัวสั่นซบหมอบหอบหายใจ
                ทั้งบุตรพราหมณ์สามนาย รวมทั้งพระกฤษณา เมื่อเข้าไปในค่ายใหญ่แล้ว เหยียบสายมนต์ต่างก็มัวเมา หาวนอน อ่อนป้อแป้ นัยตามองอะไรไม่เห็น ต่างเสียทีทั้งสี่ทัพ
    ด้วยผู้รู้วิเศษทรงเวทขลัง ให้จังงังบังคนด้วยมนต์ไสย
    แม้ฆ่าตีที่ไม่ตายเคลื่อนคลายใจ จึงขังไว้ในค่ายจนวายปราณ
    ฯลฯ
                พอไพร่พลของศรีสุวรรณมาถึงให้สอดดู ก็รู้ว่ามนต์ดลบันดาล จึงขับทหารเข้ารบจนถึงพลบค่ำ ฝรั่งแกล้งจุดคบแล้ว หลีกหลบไปให้ลุกไล่ พอเข้าทางระหว่างค่ายในสายวง ก็เห็นเหมือนหมอกลง มองไม่เห็นทาง
                ฝ่ายวลายุดา วายุพัฒน์ ที่แตกทัพมารวมกำลังกันได้ ระหว่างเขาเจ้าประจัญ ต้องเดินทางอีกหนึ่งวัน จึงจะมาถึงป่าตาล เหลือไพร่พลอยู่ประมาณสามพัน จึงให้ตั้งค่ายรายทางที่กลางป่า พระอนุชาว่าให้ปลัด รีบไปขอกำลังมาเพิ่ม ปลัดเดินทางเข้าเมืองไปเฝ้าพระมังคลา ทูลความตามที่เสียทัพ
                พระมังคลาตรึกตรองแล้ว จึงตรัสสั่งหัสกันให้อยู่รับทัพเมืองผลึก ที่ล่อเข้าไปอยู่ในค่ายบอกว่า เมื่อครบเจ็ดวันข้าศึกจะพากันตายหมด แล้วแบ่งไพร่พลในเมืองได้สี่หมื่น ยกออกไปตอนกลางคืน รีบเดินทางไปจนสว่างไปถึงที่ตั้งค่ายของวลายุดา กับวายุพัฒน์ ทั้งสององค์ทูลว่า แม่ทัพข้าศึกคือ พระหัสไชย
      พระมังคลาว่าศึกยังฮึกหาญ อย่ารุกรานรอทัพที่ขับขัน
    ให้ผู้รู้ครูเอกลงเลขยันต์ ฝังอาถรรพ์ทุกค่ายลงทรายมนต์
    ปลูกประทับพลับพลาตรงหน้าเขา แต่งแมวเซาเฝ้าแฝงทุกแห่งหน
    ที่หุบห้องท้องธารเที่ยววางคน คิดผ่อนปรนกลการคอยราญรอน ฯ
      ฝ่ายทัพพระอภัยมาในป่า ตามทัพหน้านำเดินเนินสิงขร
    ทั้งเสาวคนธ์มณฑาสุดสาคร ยกมาก่อนถึงด่านดงตาลราย
    ฯลฯ
                เมื่อพบพวกฝรั่งตั้งรับอยู่ก็เข้ารบ ฝรั่งแกล้งรบล่อเข้าไปในค่าย เห็นพวกพ้องกองหน้าลงคลุกคลานคลำทางอยู่ พอไพร่พลหลงเข้าไปในวงทราย ก็เกิดอาการมือตีนตาย ตาตัวมืดมัวมน ไม่เห็นหนทาง แต่สินสมุทสุดสาครกับเสาวคนธ์ ไม่ต้องมนต์จึงยืนม้าปรึกษากัน องค์เสาวคนธ์ทูลว่า ฝรั่งตั้งค่ายแล้วโรยทรายเสกขลัง ฝังอาถรรถ์ใครเข้าไปจะเห็นเหมือนเช่นควัน ให้อัดอั้นอกดังจะพังตาย
    แต่ตำราว่าให้เชือดเอาเลือดสด มาราดรดรอดทัพจะกลับหาย
    แม้ละไว้ไม่รอดจะวอดวาย พระเป็นชายช่วยทำตามตำรา
    ฯลฯ
                สุดสาครจึงไปจับฝรั่งมาไม่ให้ตายแล้ว กลับมาหาพระน้อง ฟันฝรั่งแล้วรองเลือดสาดไปมนต์ก็เสื่อมหาย บรรดาไพร่พลกลับเคลื่อนคลาย ฟื้นคืนมาทั่วทุกตัวคน พอทัพพระอภัยมาใกล้ด่าน จึงตีกลองกองทัพหยุดรับพล
    แล้วทูลความตามสมทบรบฝรั่ง นายทัพทั้งสองกองต้องอาถรรพ์
    หากนงเยาว์เสาวคนธ์รู้มนต์มัน ช่วยแก้กันจึงได้ฟื้นกลับคืนมา ฯ
                พระอภัยได้ทรงฟังก็สรรเสริญศรีสะใภ้ว่า รู้แก้ไขในมนุษย์สุดจะหาได้ แล้วตรัสสั่งให้ทำค่ายริมป่า
    หยุดประทับยับยั้งคอยฟังข่าว พวกนางท้าวเจ้าลังกาจะว่าไฉน
    ทุกหมู่หมวดตรวจพลสกลไกร ให้นั่งยามตามไฟพร้อมไพร่พล ฯ




    • Update : 18/6/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch