|
|
ถูกพระหลอก
ถูกพระหลอก
แม้โดยพื้นฐานของครอบครัว แม้โดยพื้นฐานทางความคิด พระอาจารย์ เทสก์ เทสรังสี จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ วัด กับ พระ เป็นอย่างมาก
แต่ก็ต้องยอมรับว่าความเชื่อในยุคเมื่อทศวรรษที่ 2460 เป็นความเชื่อในเรื่องผี
ความเชื่อในเรื่องผีย่อมมีสายสัมพันธ์แนบแน่นอยู่กับเรื่องเหนือธรรมชาติ เรื่องของไสยเวทอย่างแนบแน่น
รำพึงของ ด.ช.เทสก์ เรี่ยวแรง ที่ว่า
"ทำอย่างไรหนอเราถึงจะเหนียว คนฆ่าด้วยอาวุธไม่ตาย" จึงมิได้เป็นคำรำพึงอันไร้รากฐานความเป็นมาในทางความคิด
จริงอยู่ปัญหาอันดำรงอยู่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ "บ้านเมืองเกิดโจรขโมยลักโค กระบือ มีอันธพาลเต็มไปหมดทั่วบ้านทั่วเมือง แม้แต่เด็กขนาดอายุราว 10 ขวบและผู้หญิงก็หัดเป็นขโมยกัน เจ้าหน้าที่อ่อนแอ ชาวบ้านต้องพึ่งตัวเอง"
แต่ละบ้านต้องเลี้ยงสุนัขเป็นฝูง กลางคืนต้องผลัดเปลี่ยนกันอยู่เวร
เมื่อโค กระบือ ถูกขโมยไป เจ้าของตามไปไถ่ถอน มันจะต้องเรียกค่าไถ่เอาอย่างมันมีเอกสิทธิ์ทีเดียว
สรุปแล้วก็คือ ปัญหาทางเศรษฐกิจนำไปสู่ปัญหาทางสังคม
หนังสือ "อัตโนประวัติ" พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี สะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการทางความคิดกระบวนการในการหาทางออกในขณะนั้นได้เป็นอย่างดี
ด.ช.เทสก์ เรี่ยวแรง ได้มีโอกาสอุปัฏฐากพระรูปหนึ่งที่วัดบ้านนาสีดา
ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านม่วงไข่ ต.วานรนิวาส จ.สกลนคร ติดกับ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย แต่มาบวชและพำนักอยู่วัดบ้านนาสีดา
วันหนึ่ง พระรูปนั้นกล่าวกับ ด.ช.เทสก์ เรี่ยวแรง ว่า
"ออกพรรษาแล้วมาไปกับฉัน ที่บ้านฉันมีสารพัดทุกอย่าง ต้องการตะกรุดเอย ว่านเอย หรือสรรพเครื่องคงกระพันทุกอย่างของฉันมีพร้อม"
นี่ย่อมตรงกับใจ
ตรงกับใจที่ว่า "เราตัวนิดเดียวก็อยากดังกับเขาบ้าง แต่มิใช่อยากดังเป็นนักเลงทางขี้ขโมย มันอยากดังด้านปราบขี้ขโมย ในใจมันคิดคำนึงอยู่เสมอว่า ทำอย่างไรหนอเราจึงจะเหนียวจนคนฆ่าด้วยอาวุธไม่ตาย"
เป็นการเหนียวเพื่อจะได้มาปราบพวกขโมยอันเหมือนโรคระบาดในหมู่บ้านให้ราบ แปรความทุกข์ให้กลายเป็นความสงบสุข
เมื่อพระรูปนั้นกล่าวย่อมทำให้บังเกิดความคล้อยตาม
รายละเอียดตอนนี้ พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี เล่าอย่างละเอียดว่า
เราดีใจ พร้อมด้วยชายหนุ่มใหญ่ 3 คน คือ พี่ชายของเราคนหนึ่ง กับเพื่อนๆ เขาอีก 2 คน 4 ทั้งตัวเราซึ่งเป็นเด็กกว่าเขา
ออกพรรษาแล้วได้ติดตามท่านไปจนถึงบ้านเดิมของท่าน
พอไปถึงแล้ว ตาย ที่ไหนได้ กลายเป็นพระที่เท็จหลอกให้เราไปส่งท่าน ชาวบ้านแถบนั้นไม่มีใครนับถือเลย
ท่านบวชแล้วสึก บวชแล้วสึก ตั้งหลายครั้ง
ตอนหลังสุด ได้ทราบข่าวว่า สึกออกไปแล้วมีเมียแล้วสูบฝิ่นด้วยทั้งผัวทั้งเมีย
2 หนุ่มใหญ่ที่ไปด้วยเขาพยายามอ้อนวอนขอเรียน แลขอของดีต่างๆ ท่านก็พูดกลบเกลื่อนไปๆ มาๆ อ้างโน่นอ้างนี่แก้ตัวพอพ้นๆ ไป
เมื่อถามพระที่อยู่วัดนั้นจึงได้ความจริงว่า ท่านไม่มีของวิเศษอะไรเลย แต่ท่านเป็นคนช่างพูด
พวกเราอยู่ด้วยท่านราว 10 วัน จึงได้พากันลากลับด้วยความผิดหวัง
ในขณะที่อยู่ด้วยท่านนั้นท่านจะรบเร้าให้พวกเราหาปลาไหลมาให้ฉันทุกวัน ปลาไหลท่านชอบนัก ปลาอื่นท่านไม่ชอบ
พวกเราเดินทางกลับ 3 คืนจึงถึงบ้าน โดยเฉพาะตัวเราแล้วรู้สึกละอายใจมาก เพราะที่ตั้งเจตนาไว้ออกจากบ้านไปครั้งนี้จะไปแสวงหาเรียนวิชาคงกระพันเอาไว้ให้เชื่อมั่นได้ในใจว่า
เราจะไม่ยอมตายด้วยศัสตราวุธของคนอื่นแล้วจึงจะกลับบ้าน
แม้จะหลงทิศผิดทางแต่ก็เป็นบทเรียนอันสำคัญสำหรับ พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี
"มันเป็นเหตุให้เราหายจากความเชื่องมงายในเรื่องเครื่องรางของขลัง ตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งบัดนี้ ใครจะมาพูดว่าดีอย่างไร อย่างไร ในใจมันเฉยเอาเสียเลย"
เป็นบทเรียนก่อนพบ พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม เมื่อปี พ.ศ.2459
วิถีแห่งการปฏิบัติ พระอาจารย์เทสก์ เกสรังสี
เสถียร จันทิมาธร
|
Update : 17/6/2554
|
|